บันทึกภาพ..มือปืนลั่นไกกลางฝูงม็อบ

เสียงปืนที่ลั่นขึ้นกลางกลุ่มผู้ชุมนุมฝ่ายพันธมิตรและนปช. ที่ปะทะกันยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นฝีมือใคร แต่หลักฐานชิ้นสำคัญที่นำไปสู่มือปืนกำลังปรากฏขึ้น

เสียงปืนปริศนาที่ก้องกัมปนาทขึ้นในเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างกลุ่มพันธมิตรกับกลุ่ม นปช. บนถนนราชดำเนิน ระหว่างแยก จ.ป.ร.จนถึงแยกสะพานมัฆวานรังสรรค์ เมื่อเวลาประมาณ 01.00 น.วันที่ 2 กันยายน ยังคงเป็นปริศนาถึงที่มา ล่าสุดแม้ว่าชุดสืบสวนของกองบัญชาการตำรวจนครบาลพอจะมีเข้าลางของมือปืนรายดังกล่าวบ้าง แต่ดูเหมือนว่าการไล่ล่ามือปืนรายนี้คงทำได้ไม่ง่ายนัก

ในเหตุการณ์ปะทะกันดังกล่าวเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต1 คน บาดเจ็บอีกกว่า 40 คน 

ซึ่งในจำนวนผู้บาดเจ็บนี้เกิดจากถูกคมกระสุนจากปลายกระบอกปืนของชายนิรนามที่สวมหมวกกันน็อกสีดำ ซึ่งตำรวจนอกเครื่องแบบรายหนึ่งสามารถบันทึกภาพวิดีโอไว้ได้ขณะเกิดเหตุ ทั้งนี้เทปวิดีโอดังกล่าวถูกส่งมอบให้แก่ชุดสืบสวนของกองบัญชาการตำรวจนครบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าชายนิรนามผู้ที่ลั่นไกปืนเป็นใครมาจากไหน ภาพในวิดีโอดังกล่าวปรากฏภาพชายฉกรรจ์สวมหมวกกันน็อกสีดำสวมเสื้อแขนยาวสีขาว กางเกงยีน ถือปืนไม่ทราบขนาดส่ายไปมา ก่อนจะลั่นกระสุนออกไปแบบไม่มีทิศทาง 2-3 นัด จากนั้นมีกลุ่มบุคคล 6-7 คน เข้ามาห้อมล้อมชายคนดังกล่าวนำตัวออกไปจากที่เกิดเหตุโดยมุดเข้าไปในรั้วกำแพงสีเหลือง สถานที่ราชการแห่งหนึ่งในละแวกที่เกิดเหตุ 

นอกจากนี้จากการตรวจสอบภาพเหตุการณ์การรายงานข่าวจากสื่อโทรทัศน์ต่างๆ พบว่าการรายงานข่าวของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ในช่วงเวลา 14 นาฬิกา 52 นาที 45 วินาที วันที่ 2 กันยายน 

มีภาพเหตุการณ์ขณะชายสวมหมวกกันน็อกสีดำ สวมเสื้อแขนยาวสีขาว กางเกงยีน ถือปืนไม่ทราบขนาดส่ายไปมาและลั่นไก 2-3 นัด ไปยังกลุ่มผู้ชุมนุมที่โพกผ้าสีแดง เช่นเดียวกับภาพวิดีโอที่ตำรวจนอกเครื่องแบบสามารถบันทึกภาพเอาไว้ได้ หลังเห็นภาพดังกล่าวพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง ได้ประสานไปยังสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เพื่อขอสำเนาเทปวิดีโอดังกล่าวแล้ว

แหล่งข่าวในชุดพนักงานสอบสวนคดีดังกล่าวเปิดเผยว่าเสียดายที่วิดีโอที่บันทึกได้ค่อนข้างมืด 

ระบุได้เพียงว่ามือปืนอยู่ฝ่ายไหน แต่ไม่สามารถระบุตำหนิรูปพรรณสันฐานตัวมือปืนได้ เห็นเพียงพฤติกรรมการก่อเหตุเท่านั้น ทั้งนี้จะนำภาพวิดีโอดังกล่าวไปขยายเพื่อตรวจสอบให้ได้ว่ามือปืนเป็นใคร อยู่ฝ่ายไหน เพื่อติดตามจับกุมดำเนินคดีต่อไป นอกจากนี้พนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง อยู่ระหว่างการประสานเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลวชิระพยาบาล เพื่อขอหัวกระสุนที่แพทย์ผ่าตัดออกจากร่างผู้บาดเจ็บ และปลอกกระสุนปืนที่ตรวจพบในที่เกิดเหตุ เพื่อส่งให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบเพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบสำนวนคดีต่อไป
 

แต่แม้ว่าตำรวจจะได้กระสุนปืนและปลอกกระสุนปืนที่คนร้ายใช้ก่อเหตุก็ไม่ได้หมายความว่าการติดตามจับกุมมือปืนรายนี้จะเป็นเรื่องง่าย  

"ปัจจุบันเครื่องตรวจกระสุนและปลอกกระสุนปืน หรือเครื่องไอบิส ซึ่งผลิตในประเทศออสเตรเลียที่นำมาใช้ในกองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เกิดชำรุด มีเพียงปลอกกระสุนและหัวกระสุน ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าจะถูกยิงออกมาจากปืนกระบอกไหน เว้นเสียแต่ว่าจะได้ปืนที่คนร้ายใช้ยิงในที่เกิดเหตุมาด้วยจึงจะสามารถเทียบเคียงได้ว่ากระสุนปืนถูกยิงจากปากกระบอกปืนกระบอกนั้นหรือไม่" ผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบอาวุธปืน จากกองพิสูจน์หลักฐานระบุ 

แหล่งข่าวรายนี้บอกด้วยว่าแม้ว่าเครื่องตรวจสอบกระสุนปืนดังกล่าวจะชำรุด แต่ก็พอมีวิธีตรวจสอบอีกวิธีหนึ่งคือ การนำหัวกระสุนปืนและปลอกกระสุนปืนที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุมาเปรียบเทียบจากคดีเก่า 

แต่พนักงานสอบสวนต้องระบุให้ได้ว่า พฤติกรรมของคนร้ายน่าจะเชื่อมโยงกับคดีใดที่เกิดขึ้นมาก่อน หากไม่สามารถระบุได้ ก็เป็นเรื่องยากที่จะตรวจสอบ เพราะปัจจุบันคดีเก่าที่มีการกระทำผิดด้วยอาวุธปืนมีอยู่จำนวนมาก วิธีการที่ง่ายที่สุดที่พอจะระบุตัวคนร้ายได้คือต้องติดตามปืนที่คนร้ายใช้ก่อเหตุมาให้ได้

"ผมทราบข่าวว่าผู้ใหญ่ในกองบัญชาการตำรวจสันติบาลระบุว่ามีปืนที่ใช้ปฏิบัติภารกิจในกองรักษาการทำเนียบรัฐบาลหายไปจำนวนหนึ่งและสงสัยว่าอาจมีใครฉวยโอกาสนำไปใช้ก่อเหตุนั้น ไม่แน่ใจว่าทางสันติบาลมีการทดสอบและเก็บตัวอย่างหัวกระสุนและปลอกกระสุนในสังกัดไว้หรือไม่ หากเก็บไว้ก็จะทำให้ง่ายต่อการตรวจสอบขึ้น" ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธปืน กองพิสูจน์หลักฐาน กล่าว
 

ภาพวิดีโอที่ตำรวจนอกเครื่องแบบและช่างภาพสถานีโทรทัศน์บันทึกได้กับหัวกระสุนและปลอกกระสุนที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุ เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่จะเชื่อมโยงไปยังมือปืนนิรนาม ไม่แน่เร็วๆ นี้ อาจได้ตัวมาดำเนินคดี