วานนี้ (2 ก.ย.) เวลา 14.00 น. ที่พรรคชาติไทย นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวถึงเหตุการณ์ปะทะระหว่างผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ กับกลุ่มผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ(นปก.)จนรัฐบาลต้องออกพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ว่า เหตุการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน กรณีนี้ทำให้ตนนึกถึงเหตุการณ์เดือนพฤษภาทมิฬ เป็นเครื่องเตือนสติว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคราวนั้นเกิดจากอะไร ซึ่งตนคิดว่าการชุมนุม จะเป็นไปอย่างสงบเรียบร้อย แบบอหิงสา ไม่ไปรุกล้ำสถานที่ราชการ หรือไม่ไปทำลายข้าวของ แต่กลับบานปลาย มีการเข้าไปยึดในทำเนียบ และยังใช้ตึกสันติไมตรีทำงาน รวมทั้งบุกไปยังสถานที่ราชการต่างๆ โดยเฉพาะการปิดสนามบิน ทำความเสียหายให้กับเศรษฐกิจของประเทศอย่างมหาศาล นอกจากนี้ยังเตรียมตัดน้ำตัดไฟกันอีก
นายบรรหารกล่าวอีกว่า จากเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ตนจึงคิดว่าจะทำอย่างไรที่จะทำให้เกิดความประนีประนอม จึงเสนอให้เปิดประชุมร่วมทั้ง 2 สภา เพื่อให้ทุกฝ่ายมาหารือร่วมกัน ซึ่งได้ข้อยุติระดับหนึ่ง
แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์การปะทะของผู้ชุมนุมและเกิดการเสียชีวิตขึ้น ตนเห็นว่าเป็นเหตุการณ์ที่เศร้าสลด ไม่น่ามีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ทั้งนี้คิดว่ารัฐบาลก็ต้องการให้สถานการณ์คลี่คลายลง จึงได้ประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯเพื่อไม่ให้มีการชุมนุมกันในเขตกทม.และคิดว่าคงเป็นความจำเป็นของรัฐบาล ซึ่งต่อจากนี้ขอให้เป็นอำนาจหน้าที่ของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ในฐานะประธานคณะกรรมการฯ ที่รักษาการ พ.ร.ก.ฉบับนี้จะทำอย่างไรกับการชุมนุม ความจริงแล้วหากทุกคนเคารพกฏหมาย ก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าเราไม่เคารพ คนอื่นก็ไม่เคารพเรา ถ้าเอากฏหมู่ของคนหมู่มากมาเป็นที่ตั้งเหตุการณ์ก็จะเกิดขึ้น ปัญหาบ้านเมืองขณะนี้ เพราะว่าเราไม่เคารพกฎหมายซึ่งกันและกัน อย่างไรก็ตามพรรคชาติไทยก็จะต้องดูสถานการณ์ต่อไปว่าจะเป็นอย่างไรและจะทำอะไรได้
เมือถามว่าพันธมิตรฯยืนยันว่าจะยังชุมนุมในทำเนียบต่อไป โดยอ้างว่านายกฯมอบหมายให้ ผบ.ทบ.จัดการเป็นการเอาทหารมาชนม็อบทำให้สถานการณ์รุนแรง นายบรรหาร กล่าวว่า ตอนนี้ตำรวจทำอะไรไม่ได้แล้ว
ก่อนหน้านี้ตำรวจเคยเข้าไปคลี่คลายสถานการณ์ในทำเนียบรัฐบาล แต่สุดท้ายก็ต้องสั่งให้ถอย ตำรวจก็คงลำบากใจ และคงไม่ทำแล้ว เพราะกำลังก็น้อย เพราะฉะนั้นยามใดที่เกิดวิกฤติทหารก็ต้องออกมา
“คิดว่า ผบ.ทบ.ซึ่ง เป็นผู้รักษาการตาม พ.ร.ก.ฉบับนี้คงมีวิธีการดำเนินการ คิดว่าท่านก็คงอยากให้ผู้ชุมนุมในทำเนียบฯออกมา แต่ไม่รู้ว่าท่านจะให้ออกได้อย่างไร เพราะตอนนี้ทำเนียบเหม็นเน่าไปหมดแล้ว กี่สิบปีที่สร้างขึ้นมาไม่เคยเป็นแบบนี้ น่าสังเวช สนามหญ้าที่เคยรับแขกต่างประเทศก็เสียหายไปหมด ทำให้เสียหายต่อภาพพจน์ของประเทศชาติ อันนี้ไม่ใช่การชุมนุมแบบสงบแล้ว ในเมื่อเกิดการปะทะกันก็หนีไม่พ้นการบาดเจ็บทั้ง 2 ฝ่าย ถ้าถอยเสียก็ไม่เป็นอะไร ผมก็ไม่ทราบว่าพูดไปเนี่ย จะถูกเล่นงานบนเวทีพันธมิตรฯหรือไม่ เคยพาดพิงเหมือนแถวจรัญฯ แต่ผมไม่กลัว อย่างไรก็ตามมีอะไรที่สามารถยุติกันได้ ผมก็พร้อมเป็นผู้เจรจาให้ บางทีอยากจะเข้าไปในทำเนียบแต่ก็กลัวว่าจะออกมาไม่ได้” นายบรรหาร กล่าว
ต่อข้อถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตุจากฝ่ายค้านว่าคนของพรรคพลังประชาชนเกณฑ์คนมาชุมนุมปะทะให้เกิดความรุนแรง นายบรรหาร กล่าวว่า มีจริงหรือ ใช่หรือไม่ ก็เห็นเขาปฏิเสธว่าไม่ได้ไป เป็นการพูดไปเอง
ฝ่ายค้านก็ตั้งข้อสังเกตได้ แต่มันต้องมีหลักฐาน จึงจะฟ้องร้องกันได้ ความจริงไม่อยากพูด อยากให้ไปคิดกันเอาเองว่า ลมหวนกลับ แต่ตนไม่พูดว่าคืออะไร นายบรรหาร กล่าวถึงกรณีที่ กกต.มีมติยุบพรรคพลังประชาชนอาจจะทำให้สถานการณ์รุนแรงขึ้น ว่า ไม่เป็นไร เป็นไปตามระบบ เช่นเดียวกับพรรคชาติไทย มัชฌิมาฯ ซึ่งไม่น่าเป็นห่วงว่าผู้สนับสนุนพรรคพลังประชาชนจะออกมาเคลื่อนไหว เพราะพรรคพลังประชาชนได้ประกาศตั้งพรรคใหม่มารองรับไว้แล้ว