9แกนนําสู้! ดื้อศาล-ไม่ถอย โดนข้อหาหนักกบฏ

เวลา 10.00 น. พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง เปิดเผยว่า พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ประชุมร่วมกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ เพื่อหาแนวทางการทำงานและควบคุมกลุ่มพันธมิตรฯ

ที่บุกรุกเข้าไปอยู่ในทำเนียบรัฐบาล โดยกำชับให้พนักงานสอบสวนนำหลักฐานและสำนวนการสอบสวนที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เสนอต่อศาลเพื่อขออนุมัติออกหมายจับให้เสร็จสิ้นภายในวันนี้ เพราะอาจจะต้องมีการไต่สวนพยานหลายปาก ซึ่งมีผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด 9 คน มีนายสนธิ ลิ้มทองกุล นายพิภพ ธงไชย นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสุริยะใส กตะศิลา นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ นายอมรอมรรัตนานนท์ และนายเทิดภูมิ ใจดี เป็นความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร 4 ข้อหา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113, 114, 215 และ 216 ขณะเดียวกันได้ปรึกษากับนายศุภชัย ใจสมุทร เลขานุการ รมว.มหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย สามารถใช้สิทธิคุ้มครองชั่วคราวขออนุมัติต่อศาลให้กลุ่มพันธมิตรฯออกนอกทำเนียบรัฐบาล เช่นเดียวกับกรณีที่อาจารย์และนักเรียน โรงเรียนราชวินิตมัธยมดำเนินการมา

อีกด้าน เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 714 ศาลอาญา ศาลโดยนายณรัช อิ่มสุขศรี เลขานุการศาลอาญา ออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนคำร้อง ที่ พ.ต.ท.มานะ เผาะช่วย พนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร

ยื่นคำร้องขออนุมัติ ออกหมายจับนายสนธิ ลิ้มทองกุล พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายพิภพ ธงไชย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ นายอมร อมรรัตนานนท์ นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ และนายเทิดภูมิ ใจดี แนวร่วมพันธมิตรฯ ผู้ต้องหาที่ 1-9 ในข้อหาผู้ใดใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ บริหาร หรืออำนาจตุลาการแห่งรัฐธรรมนูญ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็นกบฏ ผู้ใดสะสมกำลังพลหรืออาวุธ ตระเตรียมการ หรือสมคบกันเพื่อเป็นกบฏ, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และเมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมให้เลิกแล้วไม่เลิก

พ.ต.ท.มานะเบิกความเป็นพยานเพียงปากเดียวว่า ผู้ต้องหาทั้ง 9 ร่วมกันปลุกระดมประชาชนผ่านสื่อโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV และอินเตอร์เน็ตให้ประชาชนมาร่วมชุมนุมขับไล่รัฐบาล

โดยกล่าวโจมตีรัฐบาลและบุคคลที่เกี่ยวข้องเป็นเหตุให้ประชาชนซึ่งอาจไม่รู้ข้อเท็จจริงเข้ามาร่วมชุมนุมกับผู้ต้องหาทั้ง 9 ต่อมาก่อนวันที่ 26 ส.ค. 51 กลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 9 ร่วมกันประกาศต่อกลุ่มผู้ชุมนุมว่า วันที่ 26 ส.ค. จะบุกยึดทำเนียบรัฐบาลโดยประกาศเป็นสงครามครั้งสุดท้าย จึงเล็งเห็นได้ว่าจะก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองและไม่เคารพกฎหมายบ้านเมือง แล้วเมื่อวันที่ 26 ส.ค. ตั้งแต่เวลา 07.00 น. กลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 9 แบ่งกลุ่มชุมนุมเป็นกลุ่มย่อย เรียกว่าดาวกระจายบุกยึดสถานที่ราชการหลายแห่ง อาทิ ทำเนียบรัฐบาล โดยฝ่าผ่านรั้วเข้าไปในทำเนียบรัฐบาลหลายพันคน เพื่อขัดขวางไม่ให้คณะรัฐมนตรีเข้าประชุมที่ทำเนียบในเวลา 09.00 น. ซึ่งแสดงให้เห็นว่า กลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 9 ทำการล้มล้างอำนาจบริหารประเทศของรัฐบาล นอกจากนี้กลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 9 ยังบุกยึดสถานีโทรทัศน์ NBT ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงและเขตดินแดง กทม. บังคับข่มขืนใจให้พนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ หยุดปฏิบัติหน้าที่ โดย เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าระงับเหตุจับกุมผู้กระทำการได้ 85 คน พร้อมของกลางหลายรายการ อาทิ อาวุธปืนและมีด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย


นอกจากนี้ กลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 9 ยังเข้าไปในกระทรวงการคลัง โดยมีนายสุริยะใส กตะศิลา เป็นผู้นำ ซึ่งมีการแบ่งหน้าที่กันทำ

โดยเมื่อนายสุริยะใสเข้าไปในกระทรวงการคลังแล้วได้ประกาศว่าจะยึดพื้นที่เป็นเวลา 3 วัน นอกจากนี้ กลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 9 ยังเข้าไปในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม และกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ซึ่งที่ บช.น. กลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 9 ได้ผลักประตูเข้าไปกดดันให้พนักงานสถานีโทรทัศน์ NBT ที่อยู่ในรถยนต์โมบาย ให้หยุดออกอากาศ จนพนักงานต้องยอมขับรถยนต์โมบายออกไป โดยถูกกลุ่มผู้ชุมนุมรั้งหน่วงรถโมบายไว้ที่บริเวณลานพระราชวังดุสิต กระทำการของผู้ต้องหาทั้ง 9 ก่อนหน้านี้ ยังได้มีการปลุกระดมให้ประชาชนใช้อารยะขัดขืน ไม่ต้องเสียภาษีแก่รัฐ และไม่ชำระค่าประปา ค่าไฟฟ้า อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย โดยตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค.จนถึงวันนี้ กลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 9 ยังยึดทำเนียบอยู่ เป็นเหตุให้ ครม. และข้าราชการไม่สามารถเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ในทำเนียบรัฐบาลได้ พร้อมขอนำส่งพยานเอกสารเป็นภาพถ่าย และแผ่นวีซีดี 3 แผ่น ที่จะแสดงให้ศาลเห็นถึงพฤติการณ์ของผู้ต้องหาทั้ง 9 ว่ากระทำความผิดตามคำร้อง ขอออกหมายจับ
 

ต่อมาเวลา 16.00 น. นายณรัช อิ่มสุขศรี ศาลผู้พิจารณาออกหมายจับ ได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาแกนนำ พันธมิตรฯทั้ง 9 คน ตามที่พนักงานสอบสวนร้องขอ

และมอบหมายจับให้ พ.ต.ท.มานะ นำไปดำเนินการจับกุมต่อไป ขณะที่ พ.ต.ท.มานะ เปิดเผยว่า หลังจากรับหมายจับมาแล้ว จะนำไปให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 9 คน ต่อไป ส่วนสาเหตุที่ศาลอนุมัติหมายจับ เนื่องจากเห็นว่าหลักฐานที่ตำรวจเสนอไปนั้น เชื่อมโยงกับผู้ต้องหาทั้ง 9 ส่วนจะมีการขออนุมัติหมายจับเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ต้องดูพยานหลักฐานอีกครั้ง 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากศาลอนุมัติหมายจับ แกนนำพันธมิตรฯ 9 คน ปรากฏว่า บรรดากลุ่มผู้ชุมนุมภายในทำเนียบรัฐบาล ต่างส่งเสียงโห่ร้องแสดงความไม่ พอใจ จากนั้นบรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้นเป็นลำดับ

โดยบรรยากาศบริเวณประตู 4 ฝั่งตรงข้ามสำนักงาน ป.ป.ช. ถนน พิษณุโลก ซึ่งเป็นจุดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้ามายึดที่มั่น พื้นที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และวางกำลังเตรียมพร้อมไม่ต่ำกว่า  1  พันนาย  ภายในตึกสันติไมตรี ปรากฏว่าการ์ดพันธมิตรฯสั่งการให้ปิดประตูทางเข้า พร้อมนำแผงเหล็กมาปิดกั้นไม่ให้คนเข้าออก ก่อนที่จะจัดกำลัง มาบล็อกจุดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมตั้งกำลังสลายกลุ่มผู้ชุมนุม เนื่องจากเกรงว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะบุกเข้าไปจับแกนนำที่อยู่ด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า โดยให้ผู้หญิง และคนแก่ยืนคล้องแขนเป็นโล่มนุษย์เรียงรายอยู่ด้านหน้า ส่วนด้านหลังเป็นกลุ่มชายฉกรรจ์ยืนคล้องแขน 5 ชั้น เพื่อ บล็อกไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเคลื่อนขบวนออกไป
  


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์