การติดตามตัวนายวัฒนา อัศวเหม อดีต รมช. มหาดไทย และประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อแผ่นดิน จำเลยในคดีทุจริตซื้อที่ดินก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสีย ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ
ที่คาดว่า หลบหนีเข้าไปหลบ ซ่อนอยู่ในประเทศกัมพูชา กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย หลังจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทาง การเมือง มีคำพิพากษาจำคุก 10 ปี ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 19 ส.ค. พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. เรียก พล.ต.ต.ชาญ รัตนธรรม ผบก.คด. และ พล.ต.ต.วิษณุ ปราสาททองโอสถ ผบก.ตท. เข้าประชุมเพื่อวางแนวทางการประสานงานกับประเทศกัมพูชานำตัวนายวัฒนากลับเมืองไทยในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน ภายหลังการประชุม พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า การนำตัวนายวัฒนา อัศวเหม มาลงโทษ ต้องพิจารณาตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างไทย กับกัมพูชา สนธิสัญญาดังกล่าว ประกาศใช้บังคับตั้งแต่ พ.ศ. 2544 มีหลักเกณฑ์หลายประการ แต่ที่สำคัญที่สุด คือ การขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้ ต้องเป็นความผิดที่กระทำหลังจากสนธิสัญญามีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 44
พล.ต.อ.จงรักกล่าวว่า ที่ประชุมพิจารณาจากคำ พิพากษาของศาลแล้ว ปรากฏว่า ความผิดที่นายวัฒนา กระทำเกิดขึ้น 2 ช่วง
คือ ระหว่างวันที่ 10 ส.ค. 31 ถึง 23 ก.พ. 34 และระหว่างวันที่ 21 เม.ย. 35 ถึงวันที่ 15 มิ.ย. 38 เป็นช่วงก่อนปี 44 ที่สนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้าม แดนประกาศใช้บังคับ ทำให้ไม่สามารถใช้สนธิสัญญาดังกล่าวเพื่อร้องขอให้รัฐบาลกัมพูชาส่งตัวนายวัฒนา มาลงโทษในประเทศไทย เพราะสนธิสัญญาระบุไว้ชัดว่า ไม่ให้ใช้บังคับสำหรับความผิดที่เกิดขึ้นก่อนปี 44 สำนักงาน ตำรวจแห่งชาติจะประมวลเรื่องส่งไปให้สำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินการต่อไป อาจจะมีช่องทางอื่นเจรจาขอ ความร่วมมือกับประเทศกัมพูชาได้ แต่ค่อนข้างยาก เนื่อง จากนายวัฒนาไปลงทุนทำธุรกิจในประเทศกัมพูชานานแล้ว มีบ่อนกาสิโน 2 แห่ง คุ้นเคยกับนักการเมือง และนักธุรกิจ ในกัมพูชาเป็นอย่างดี กัมพูชาคงไม่ติดตามจับกุมส่งกลับ มาลงโทษในไทยแน่นอน
นายมั่น พัธโนทัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว. กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที คนสนิทของนายวัฒนา อัศวเหม กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ มีการพูดคุยกับนายวัฒนาบ้าง
แต่หลังจากศาลมีคำพิพากษา ออกมาก็ไม่ได้คุย เพราะนายวัฒนาก็รู้ว่าคงกลับมาลำบาก รู้และรับสภาพอยู่แล้ว เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวเห็นนายวัฒนานั่งเฮลิคอปเตอร์ไปลงที่บ่อนในกัมพูชา แล้วกลับไปยังกรุงพนมเปญ นายมั่นกล่าวว่า ไม่ทราบ ไม่ได้ติดตาม และยังไม่ได้คุยกัน แต่นายวัฒนาเคยพูดว่า ได้เตรียมใจ ไว้แล้วเหมือนกันว่าอาจจะถูกตัดสินจำคุก นายวัฒนาก็อายุมากแล้ว ถ้าต้องมาติดคุกสู้ไปหาทางหลบพักอยู่ที่ไหนดีกว่า เพราะคดีนี้มีอายุความ 15 ปี คงจะเงียบหายไปจาก สังคม เพราะนายวัฒนาก็ไม่ได้มีบทบาทอะไรแล้ว