จำคุก10ปี! ประสานเขมรล่าวัฒนา

"จงรัก จุฑานนท์"เร่งล่าตัว"วัฒนา อัศวเหม"ประสานรัฐบาลกัมพูชาให้ช่วยจับตัวส่งกลับไทยตามสนธิสัญญส่งผู้ร้ายข้ามแดน

หลังจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยให้จำคุก อดีต รมช.มหาดไทย และประธานพรรคเพื่อแผ่นดิน 10 ปี ในคดีทุจริตซื้อที่ดินคลองด่าน พร้อมกับออกหมายจับให้เอาตัวกลับมาดำเนินคดีในไทย ขณะที่ “วัฒนา” เย้ย พาพวกนั่ง ฮ. ติดธงชาติเขมรไปลงบนดาดฟ้ากาสิโน แกรนด์ไดมอนด์ ซิตี้ ที่ตัวเองเป็นเจ้าของอยู่ในปอยเปต นั่งรอฟังข่าวการตัดสินของศาลฯ ก่อนจะบินกลับกรุงพนมเปญ
 
ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่ง ทางการเมือง สนามหลวง เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 18 ส.ค. ม.ล.ไกรฤกษ์ เกษมสันต์ ผู้พิพากษาอาวุโส เจ้าของสำนวนพร้อมองค์คณะ 9 คน ในคดีทุจริตที่ดินคลองด่าน

ออกนั่งบัลลังก์ อ่านคำพิพากษาคดี อม.2/2550 ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวัฒนา อัศวเหม อดีต รมช. มหาดไทย และประธานพรรคเพื่อแผ่นดิน เป็นจำเลย ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจ หรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใด มอบให้ หรือหามาซึ่งทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น และเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148, 157, 33 และ 84 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 2 กรณีสืบเนื่องจากนายวัฒนาใช้อำนาจข่มขู่ หรือชักจูงใจให้ผู้อื่นร่วมออกโฉนดที่ดิน 1,900 ไร่ ทับที่คลองสาธารณประโยชน์ และที่เทขยะมูลฝอยซึ่งเป็นที่สงวนหวงห้าม เพื่อนำไปขายให้กรมควบคุมมลพิษก่อสร้างโครงการบ่อบำบัดน้ำเสีย ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ
 
ก่อนอ่านคำพิพากษา พล.ต.อ.จงรัก จุฑา นนท์ รอง ผบ.ตร. ที่ได้รับมอบหมายให้ติดตามจับกุมตัวนายวัฒนา ตามหมายจับของศาลฎีกาฯ


แถลงด้วยวาจาต่อศาลว่า ในการติดตามตัวได้ทราบข้อมูลจาก พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ ผบก.ภ.สระแก้ว เชื่อว่าจำเลยได้หลบหนีไปในประเทศกัมพูชา เพราะจำเลยมีความรู้จักกับนัก การเมืองและนักธุรกิจประเทศกัมพูชา รวมทั้งมีบ่อนกาสิโนในกัมพูชาด้วย ซึ่งมีผู้พบเห็นจำเลยอยู่ที่ฝั่งปอยเปตและกรุงพนมเปญ อีกทั้งได้มีผู้พบเห็น บุคคลในครอบครัวเดินทางข้ามไปในประเทศกัมพูชา จึงเชื่อว่าจำเลยได้หลบหนีไปอยู่ประเทศกัมพูชาก่อนที่ศาลจะนัดฟังคำพิพากษา และวันนี้ยังไม่สามารถนำตัวจำเลยมาฟังคำพิพากษาได้
 
ต่อมาศาลจึงอ่านคำพิพากษาจำเลยลับหลังว่า องค์คณะผู้พิพากษาประชุมปรึกษาหารือกันแล้วได้มีมติ 8 ต่อ 1 เสียง ว่า จำเลยกระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 จึงพิพากษาให้จำคุกจำเลย 10 ปี

และให้ริบพระผงสุพรรณเลี่ยมทองของกลาง และเนื่อง จากจำเลยหลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษาศาลฎีกาฯ ได้ออกหมายจับจำเลยเพื่อมาฟังคำพิพากษา และปรับจำเลยตามสัญญาประกัน แต่ก็ไม่ได้ตัวมาฟังคำพิพากษา ศาลฎีกาฯ จึงออกหมายจับจำเลยมารับโทษตามคำพิพากษาต่อไป การที่จำเลยหลบหนีคดีนี้มีอายุความ 15 ปี นับแต่วันที่จำเลยหลบหนี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 98 (อ่านรายละเอียดคำพิพากษาหน้า 2)


ภายหลัง นายไพบูลย์ โพธิ์น้อย ทนายความของนายวัฒนา กล่าวว่า ถึงขณะนี้ตนยังไม่ได้รับการติดต่อจากลูกความ

การมาศาลในวันนี้ถือเป็นการทำหน้าที่ทนายความครั้งสุดท้าย เมื่อศาลมีคำพิพากษาลงโทษจำเลยก็ต้องยอมรับผลคำพิพากษา ยืนยันว่าตนได้ทำหน้าที่ทนายความต่อสู้แก้ต่างให้จำเลยอย่างดีที่สุดแล้ว หลังจากนี้คงไม่แจ้งผลให้นายวัฒนาทราบ เพราะนายวัฒนาคงจะทราบผลจากสื่อมวลชนเอง ขณะที่ นาย   สุรศักดิ์ ตรีรัตน์กูล รองอธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ เปิดเผยว่า เรื่องการดำเนินการขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ต้องรอให้ สตช.ประสานมาที่อัยการ เพื่อทำเรื่องขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป
 
ผู้สื่อข่าวรายงานมาด้วยว่า ภายหลังจากศาลมีคำพิพากษาจำคุกนายวัฒนา 10 ปี ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ถึง นายพูนผล อัศวเหม ลูกชายนายวัฒนา และรองเลขาธิการพรรคเพื่อแผ่นดิน

โดย นายพูนผล บอกสั้น ๆ ว่า “ผมทราบข่าวแล้วว่าพ่อโดนตัดสินอย่างไร แต่ตอนนี้ผมอยู่ต่างประเทศ ไม่สะดวกพูดคุยด้วย” ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าแล้วตัวนายวัฒนาทราบผลการตัดสินคดีหรือยัง นายพูนผล กล่าวว่า
“ทราบแล้ว” จากนั้นนายพูนผลจึงรีบวางโทรศัพท์ทันที
 
ด้าน พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงการติดตามจับตัว นายวัฒนา อัศวเหม ว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้เดินทางไปยื่นคำแถลงต่อศาลฎีกาฯ เพราะมีความชัดเจนว่า นายวัฒนา หลบหนีไปอยู่ในประเทศกัมพูชา


โดยเชื่อว่า นายวัฒนา จะไม่เดินทางมาฟังคำพิพากษาในเวลา 14.00 น. วันนี้อย่างแน่นอน แต่ศาลสามารถอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยได้ทันที ซึ่งหากศาลพิพากษาว่า นายวัฒนามีความผิดจริง ตำรวจจะประสานไปยังรัฐบาลกัมพูชาเพื่อขอส่งตัวนายวัฒนาตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป
 
ขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวมาจาก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว แจ้งว่า เมื่อตอนบ่ายวันเดียวกันนี้ มีเฮลิคอปเตอร์ติดธงชาติกัมพูชาบินจากกัมพูชาลงมาจอดที่ลานบนดาดฟ้าของ กาสิโนแกรนด์ไดมอน ซิตี้ ต.ปอยเปต อ.โอวโจวโรว จ.บันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา

ที่มีพรมแดนติดกับชายแดนไทยด้านตลาดโรงเกลือ ต.คลองลึก อ.อรัญประเทศ โดยมีชาย 2 คน และหญิง 1 คน ลงมาจาก ฮ. ลำดังกล่าว ซึ่งชาย 1 ใน 2 นั้นเป็นคนสูงอายุต้องมีคนช่วยประคองเดินเข้าไปในห้องพักแล้วใช้เวลาอยู่ในกาสิโนแกรนด์ได มอนด์ซิตี้นาน 40 นาที ทั้งหมดจึงกลับออกมาขึ้น ฮ. บินกลับกรุงพนมเปญ โดยรายงานข่าวระบุว่าชายสูงอายุที่มากับ ฮ.ลำดังกล่าวคือ นายวัฒนา อัศวเหม ซึ่งเป็นเจ้าของกาสิโนแกรนด์ไดมอนด์ ซิตี้ด้วย จึงสามารถใช้ ฮ. บินมาลงที่ดาดฟ้าของกาสิโนแห่งนี้ได้ คาดว่า นายวัฒนา เดินทางมาเพื่อรอฟังข่าวการตัดสินคดีทุจริตคลองด่านของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้วจึงเดินทางกลับกรุงพนมเปญ.

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์