กรุงเทพธุรกิจ
8 มิถุนายน 2549 15:17 น.
กกต.สวนสื่อกลับไปอ่านให้ขัด ระบุสั่งยุบพรรคเล็ก ต่างจากกรณีสำนวนยุบพรรคใหญ่ รออัยการชี้กลับมาก่อนพิจารณาใหม่ ส่วนกรณียุบประชาธิปัตย์ ยังอยู่ระหว่างสอบสวน
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ได้นิมนต์พระจากวัดชนะสงครามมาฉันเพล บริเวณชั้น10 ของอาคารศรีจุลทรัพย์ เนื่องในวันสถาปนาสำนักงาน กกต.ครบ 9 ปี
เวลาประมาณ 10.00 น. กกต.ทั้ง 3 คน ประกอบด้วย พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธาน กกต. นายวีระชัย แนวบุญเนียร และ นายปริญญา นาคฉัตรีย์ กกต. พร้อมด้วยพล.ต.ต.เอกชัย วารุณประภา เลขาธิการ กกต. และพนักงานสำนักงาน กกต.ร่วมประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ วันสถาปนาสำนักงาน กกต.
โดยเลขาธิการ กกต. ตอบข้อซักถามถึงกรณีข่าวว่า อัยการสูงสุดจะส่งเรื่องจ้างพรรคเล็กลงสมัครรับเลือกตั้งกลับคืน เพื่อให้ กกต.ชี้มูลความผิดว่า คงต้องรอฟังจากอัยการสูงสุดก่อน เพราะขณะนี้ ยังอยู่ในขั้นกำลังพิจารณาหลักฐานพยาน ว่าเพียงพอหรือไม่
ขณะที่ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถาม พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธานกกต. แต่ถูกปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ โดยบอกว่า "ไม่มีอะไรจะพูด"
เมื่อถามอีกว่า หากอัยการสูงสุดส่งเรื่องกลับมา เป็นไปได้หรือไม่ว่า กกต.จะต้องชี้มูลส่งกลับไป พล.ต.อ.วาสนา ยังคงปฏิเสธที่จะตอบคำถาม โดยกล่าวเพียงว่า "ไม่พูด ไม่มีอะไรจะพูด"
ด้านนายวีระชัย แนวบุญเนียร กกต.กล่าวว่า ก่อนจะมาถามเขา ขอให้สื่อมวลชนไปอ่านกฎหมายก่อน
เมื่อถามว่ากรณีดังกล่าว เหมือนกับ กกต. กับอัยการสูงสุด อ่านกฎหมายคนละข้อกัน นายวีระชัยกล่าวว่า อ่านข้อเดียวกัน
เมื่อถามต่ออีกว่า หากอัยการสูงสุดต้องการให้ กกต.ชี้มูล นายวีระชัยกล่าวว่า ในมาตรา 67 มีอยู่ 3 ขั้นตอน ดังนั้นพวกคุณต้องไปอ่านกฎหมายก่อน ถ้าถามอย่างนี้ เขาก็ตอบไม่ได้ เพราะพูดกันคนละเรื่อง
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากอัยการสูงสุด ต้องการให้ชี้มูลเป็นกรณีพิเศษ กกต.กล่าวว่า กฎหมายไม่ได้เขียนให้เป็นกรณีพิเศษ
เมื่อถามว่า กรณีที่มีการสั่งยุบพรรคพัฒนาชาติไทย และพรรคแผ่นดินไทย กกต.มีการชี้มูลหรือไม่ นายวีระชัยกล่าวเลี่ยงว่า เรื่องดังกล่าวเป็นคนละกรณีกัน
เมื่อถามอีกว่า ส่วนตัว ถ้าไม่ดูตามกฎหมาย พรรคไทยรักไทย มีความผิดจริงใช่หรือไม่ นายวีระชัยกล่าวว่า อย่ามาถามนำอย่างนี้
เมื่อถามว่า กกต.จะถูกมองว่า การพิจารณาเป็นสองมาตรฐานหรือไม่ เพราะกรณี 2 พรรคเล็ก กกต.ก็มีมติชี้มูลความผิดไปยังอัยการสูงสุด นายวีระชัย เรื่องดังกล่าว มีความผิดไม่เหมือนกัน ความผิดบางอย่างต้องเขียนให้ชัด ๆ ความผิดบางอย่าง กกต.สามารถส่งตรงไปยังศาลได้ แต่ความผิดบางอย่าง กฎหมายบอกว่า ให้ส่งไปที่อัยการ .
เมื่อถามต่อว่า กกต.เห็นว่า กรณีพรรคไทยรักไทย หลักฐานยังไม่แน่ชัดหรือไม่ นายวีระชัยกล่าวว่า ไม่ใช่ ความผิดอย่างนี้ต้องส่งไปที่อัยการ ตามหลักฐานที่มีอยู่ ซึ่งเราก็ส่งไปแล้ว
เมื่อถามว่า ทำไมกกต.ไม่ใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 145 (3) ที่ระบุว่า ให้สอบสวนและวินิจฉัยชี้ขาดไปเลย นายวีระชัยตอบว่า นี่เป็นความผิดตามพรบ.พรรคการเมือง ไม่ใช่ว่า ตามรัฐธรรมนูญ
ผู้สื่อข่าวถามว่า กกต. จะยึดหลักตามพรบ.พรรคการเมือง ก่อนดูรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ นายวีระชัยตอบว่า ขึ้นอยู่นายทะเบียนพรรคการเมือง ที่จะส่งไปให้อัยการ
เมื่อถามอีกว่า กกต.อาจถูกตั้งแง่ว่า ทำไมนายทะเบียนไม่ชี้มูล แล้วส่งไปให้อัยการสูงสุด เพื่อต้องการประวิงเวลาหรือไม่ นายวีระชัยกล่าวว่า ไม่ใช่ เรื่องนี้เป็นไปตามพรบ.พรรคการเมือง มาตรา 67 โดยนายทะเบียนต้องส่งหลักฐานไปให้อัยการ จากนั้น อัยการจะพิจารณาว่า อาจจะสอบหรือไม่สอบเพิ่ม ก็เป็นเรื่องของเขา แต่ถ้าเห็นว่า หลักฐานพอ ก็ส่ง ถ้าไม่ฟ้องศาล กฎหมายก็เขียนต่อว่า ให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาหนึ่งชุด มีอัยการมาร่วมด้วย แล้วหาข้อมูลหลักฐานส่งกลับไป แต่ถ้าคณะกรรมการร่วมหาข้อยุติไม่ได้ ก็เป็นหน้าที่ของนายทะเบียนพรรคการเมือง ส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญได้เลย
เมื่อถามต่อว่า ถ้าถึงตอนนั้น หากคณะกรรมการร่วมเห็นควรให้ชี้มูล นายวีระชัย กล่าวว่า ไม่แน่ใจ แต่น่าจะต้องชี้มูลไปด้วย แต่ถ้ายังหาข้อยุติไม่ได้ ก็เป็นหน้าที่ของนายทะเบียน ส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญเลย
ส่วนความคืบหน้า กรณีที่มีการตั้งคณะอนุกรรมการสอบสวน การยุบพรรคประชาธิปัตย์ นายวีระชัย กล่าวว่า ขณะนี้ ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนอยู่