ตร.-ปลัด มท.ตื่นคาดโทษ ผบก.-ผู้ว่าฯคุมสถานการณ์ไม่ได้ ม็อบชนม็อบอีกเจอเล่นงาน สั่งตั้ง กก.เอาผิดพวกไล่ฆ่ากันที่อุดรฯ พันธมิตรฯเรียกร้อง ผบ.ทบ.อย่าวางเฉย อ้างจะเกิดนองเลือดทั่วประเทศ 'อนุพงษ์-บุญสร้าง'เตือนเสียภาพพจน์-เป็นห่วงแต่ไม่มีอำนาจทำอะไร ประณามรัฐบาล -พปช.ป่าเถื่อนขนม็อบชน-ไลฆ่าป่าเถื่อน นายสนธิ ลิ้มทองกุล นำแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อ่านแถลงการณ์พันธมิตร เมื่อบ่ายวันที่ 25 กรกฎาคม ที่บ้านพระอาทิตย์ กรณีชมรมคนรักอุดร โดยการนำของนายอุทัย แสนแก้ว น้องชายนายธีระชัย แสนแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จากพรรคพลังประชาชน (พปช.) ปะทะกับกลุ่มพันธมิตรฯ ที่เปิดเวทีปราศรัยในบริเวณสวนหนองประจักษ์ศิลปาคม ส่งผลให้ฝ่ายพันธมิตรบาดเจ็บหลายคนว่า ตลอดระยะเวลากว่า 61 วัน ที่พันธมิตรฯใช้สิทธิในการชุมนุมอย่างต่อเนื่องโดยสงบ อหิงสา และปราศจากอาวุธนั้น ปรากฏว่า รัฐบาลได้ใช้วิธีการให้ส.ส.และนักการเมืองท้องถิ่น ตลอดจนแนวร่วมที่สนับสนุน พปช.จัดกลุ่มอันธพาลของรัฐบาล เพื่อไล่ทุบตี ทำร้ายร่างกาย และพยายามฆ่าประชาชนที่มาร่วมชุมนุมบนเวทีพันธมิตรฯตลอดจนทำลายทรัพย์สินที่ใช้จัดเวทีด้วยอาวุธหลากหลายชนิด อาทิ มีด ขวาน ค้อน ไม้หน้าสามตอกตะปูโผล่ปลายแหลม ท่อนเหล็ก ก้อนหิน และลูกหิน ทั้งในกรุงเทพมหานครและในจังหวัดต่างๆ โดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและข้าราชการฝ่ายปกครองได้สมรู้ร่วมคิด รู้เห็นเป็นใจปล่อยให้ผู้ปราศรัยบนเวทีและประชาชนผู้บริสุทธิ์ถูกอันธพาลของรัฐบาลทำร้ายร่างกายอย่างโหดเหี้ยมซึ่งหน้า ซึ่งเกิดขึ้นในหลายจังหวัดในรูปแบบที่คล้ายคลึงกัน เช่น กรุงเทพมหานคร ขอนแก่น เชียงใหม่ เชียงราย สกลนคร มหาสารคาม ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ อุดรธานี ฯลฯ การกระทำดังกล่าวถือเป็นการกระทำที่เหี้ยมโหด ทารุณ ป่าเถื่อน โดยรัฐบาลและเจ้าหน้าที่รัฐคอยบงการ และสนับสนุนในการทำร้ายประชาชน ปลุก ผบ.ทบ.รับผิดชอบอย่าวางเฉย-อ้างกลัวนองเลือดทั่ว ปท. นายสนธิกล่าวว่า พันธมิตรฯทราบว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่จังหวัดอุดรธานี จึงเห็นควรแสดงจุดยืนต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ดังนี้ 1.ขอแสดงความเสียใจและให้กำลังใจผู้ที่ถูกทำร้ายร่างกายในการชุมนุมที่ผ่านมา 2.ขอให้กำลังใจกับยืนหยัดอย่างกล้าหาญในการจัดเวที และขอให้ปฏิบัติตามประกาศของพันธมิตร ฯที่ให้ประชาชนดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ซึ่งหน้าหรือสมรู้ร่วมคิดกับกลุ่มอันธพาลของรัฐบาลจนถึงที่สุด และแนะนำให้งดจัดเวทีในพื้นที่ที่ไม่สามารถพึ่งพาตำรวจและเจ้าหน้าที่ของรัฐในการให้ความปลอดภัยได้ หากจังหวัดใดประสงค์ที่จะจัดเวทีขอให้ส่งตัวแทนเข้ามาประสานงาน และรับคำแนะนำจากพันธมิตรส่วนกลาง เพื่อร่วมกันประเมินสถานการณ์ 3.ขอประณามรัฐบาลหุ่นเชิด โดยเฉพาะนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยที่ได้ให้กลุ่มบริวารทำร้ายร่างกาย ชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน โดยตำรวจและข้าราชการฝ่ายปกครองนอกจากไม่คุ้มครองความปลอดภัยแล้ว ยังรู้เห็นเป็น เหตุการณ์เช่นนี้ว่า เป็นการกระทำละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ไม่เคารพสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ ทำผิดกฎหมายอาญาให้เกิดขึ้นไปทั่วสารทิศ จนกลายเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนไม่เป็นที่ยอมรับในสากล 4. ขอเรียกร้องต่อ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะผู้ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยรักษาความมั่นคงภายในได้แสดงความรับผิดชอบมากกว่าการวางเฉย เพราะหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป ก็จะเกิดการนองเลือดทั่วประเทศกระทบต่อความมั่นคงภายใน เพราะฝ่ายที่ถูกกระทำอาจจะต้องลุกขึ้นสู้ในที่สุด และในเวลานั้นก็ใกล้จะมาถึงแล้ว 5.พันธมิตรประชาชนสนับสนุนในทุกวิถีทางเพื่อฟ้องร้องดำเนินคดีความกับทุกคนที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มอันธพาลของรัฐบาล โดยจะเป็นตัวแทนดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกๆ คน ที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในทุกๆ กรณีและมีมติให้ยื่นฟ้องร้องต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติต่อไป ซัดพวกกุ๊ยถูกจ้างมา ขู่ฟ้องสมัคร-เฉลิม-ผู้ว่าฯ-บิ๊กตร.อุดร 'คนที่มาทำร้ายกลุ่มพันธมิตรอุดรเป็นกุ๊ยที่จ้างมาทั้งนั้น กระบวนการทำร้ายกลุ่มพันธมิตรอุดรธานีที่จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้านักการเมืองท้องถิ่นและพรรคการเมืองที่มีอำนาจรัฐไม่ให้การสนับสนุน และที่สำคัญที่สุด กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องรับผิดชอบอย่างที่สุดเพราะจากวิดีโอจะเห็นว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทำทีห้ามกลุ่มต้านแบบขอไปที ทั้งที่การชุมนุมเพื่อปราศรัยและด้วยความสงบ นี่เป็นผลงานของอันธพาลที่รัฐบาลให้การสนับสนุน ซึ่งนายขวัญไชย ไพรพนา เป็นคนของพรรคพลังประชาชนเป็นดีเจที่โจมตีพันธมิตรมาโดยตลอด และกลุ่มชาวบ้านก็นำมาโดยนายอุทัย แสนแก้ว น้องชายนายธีระชัย แสนแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งอยากให้นายธีระชัยรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วย เช่นเดียวกับ ร.ต.อ.เฉลิมด้วย' นายสนธิกล่าว นายสนธิกล่าวว่า การเรียกร้องให้ พล.อ.อนุพงษ์ออกมาดูแลเรื่องนี้เพราะเห็นว่า สามารถเรียกทหารออกมาป้องกันไม่เกิดเหตุที่รุนแรงได้เพราะนี่คือส่วนหนึ่งของความมั่นคงภายใน ทั้งนี้ คิดว่า ทหารควรเข้ามารักษาความปลอดภัยให้ประชาชน แต่หากจะรอให้มีการนองเลือดแล้วทหารค่อยออกมานั้นเป็นความคิดที่ชั่วร้าย สำหรับการฟ้องร้องตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 กับเจ้าหน้าที่รัฐฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่นั้นกำลังรวบรวมหลักฐานโดยสภาทนายความจะเข้ามาช่วยเพื่อยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) นายสนธิกล่าวว่า ส่วนระดับพื้นที่จะให้ประชาชนมาเป็นโจทก์โดยจะจัดหาทนายความให้ ซึ่งในส่วนของ จ.อุดรธานีนั้นมีหลักฐานที่ชัดเจนที่จะยื่นมาตรา 157 ตั้งแต่ผู้บังคับการตำรวจจังหวัด ตำรวจบางคน ผู้ว่าราชการจังหวัด ตำรวจและสามารถโยงไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและนายกรัฐมนตรีด้วย ในการแถลงครั้งนี้แกนนำพันธมิตรนำแผ่นดีวีดีที่บันทึกภาพเหตุการณ์กลุ่มพันธมิตรอุดรธานีถูกกลุ่มต้านทำร้ายมาเปิดแสดง รวมทั้งแจกให้กับสื่อมวลชน ผบ.ทบ.ชี้เสียภาพพจน์-ผบ.สส.ไม่สบายใจ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวว่า ไม่ควรจะมีเหตุการณ์เช่นนั้น มันไม่เป็นสิ่งที่ดีต่อประเทศในเรื่องการใช้ความรุนแรง ภาพที่ออกไปมันเสียทั้งภาพพจน์ และไม่ได้เป็นสิ่งดีต่อเยาวชนในอนาคต เมื่อถามว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า กองทัพไม่มีอำนาจ พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) กล่าวว่า ขณะนี้เรื่องสำคัญคือเรื่องภายในประเทศ ความสามัคคีในประเทศเป็นเรื่องใหญ่กว่าเรื่องปราสาทเขาพระวิหารมาก ตอนนี้เรื่องที่มีกับต่างประเทศก็มีมากพอสมควรอยู่แล้ว ถ้ายังเป็นอย่างนี้ก็ยิ่งอ่อนแอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการเลือดตกอย่างออกอย่างนี้ก็ยิ่งไม่ดี เพราะเป็นคนไทยด้วยกัน ขอให้ใจเย็นๆ พูดคุยกันให้ได้ นอกจากนี้ผู้นำและผู้ที่เกี่ยวข้องต้องนึกถึงบ้านเมืองเป็นส่วนรวม ต้องรัก สามัคคีกันไว้ให้มากที่สุด แต่ดูเหมือนตอนนี้ความรักความสามัคคีคนไทยมีน้อยที่สุดในหลายๆ ปีที่ผ่านมา เมื่อถามว่า กลุ่มพันธมิตรเรียกร้องให้ทหารมาช่วยดูแล พล.อ.บุญสร้างกล่าวว่า ถ้าทหารดูแลใครได้ ก็ยินดี แต่ต้องอยู่ในหน้าที่และมีความเหมาะสม เมื่อถาม เกรงว่าเรื่องจะบานปลายจนทหารต้องออกมาดูแลสถานการณ์หรือไม่ พล.อ.บุญสร้างกล่าวว่า ผู้สื่อข่าวชอบถามอะไรอย่างนี้ อย่ามาหลอกเสียให้ยาก ตอนนี้ทหารเขาเข็ดกันหมดแล้ว แต่หากสถานการณ์ไม่ไหวจริงแล้วตำรวจร้องขอ ทหารก็ทำหน้าที่ได้ แต่ต้องดูในรายละเอียดให้รอบคอบ ทั้งนี้คิดว่าตำรวจคงไม่เพิกเฉยเพียงแต่อาจจะไม่ใช่ง่าย 'ยอมรับว่าไม่สบายใจต่อสถานการณ์การเมืองแต่ไม่กังวล เพราะคงกังวลไม่ไหวเรื่องมันเยอะไปหมด' ผบ.สส.กล่าว ผบ.ตร.ขู่เกิดซ้ำผบก.จ.ต้องรับผิดชอบ ด้านพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า กรณีเหตุปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุม 2 กลุ่มในจังหวัด คือ อุดรธานีและบุรีรัมย์ว่า จำเป็นอย่างยิ่งที่ ผู้บัญชาการ(ผบช.)ภาค และ ผู้บังคับบัญชาต้องให้ความสนใจ โดยจะมีการประชุมระดับรอง ผบ.ตร. และ ผู้ช่วย ผบ.ตร.เพื่อกำหนดนโยบายในเรื่องนี้ให้ชัดเจนว่า ผบช. และ ผู้บังคับการ(ผบก.)จะต้องทำอะไรบ้างเมื่อมีการชุมนุม ต้องชัดเจน หากเกิดกรณีเช่นนี้ ผบก.ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ 'ตำรวจไม่ต้องการให้เกิดเหตุผู้ชุมนุมปะทะกัน ผู้การจังหวัดต้องให้ความสนใจ เมื่อมีความคิดเห็นแตกแยก 2 ฝ่ายค่อนข้างชัดเจน เมื่อมีการชุมนุมผู้การฯจะต้องจัดสถานที่ ต้องดูแลห้ามเกิดเหตุเช่นนี้อีก ถ้าเกิดเหตุ ผบก.จ. จะต้องรับผิดชอบ ต้องลงไปจัดการด้วยตนเอง ความเสียหายของประเทศเกิดขึ้นมา ตำรวจถือเป็นด่านหน้า เรากำลังดูว่า มีกฎหมายอื่นรองรับส่วนนี้หรือไม่ ในส่วนของทหารก็อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับกฎหมายความมั่นคงซึ่งจะมีการหารือกับทหารอีกครั้ง เช่น กอ.รมน. ภาคและจังหวัดถ้าสามารถจัดการได้ ซึ่งทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด และตำรวจจะช่วยกันดูแลตรงนี้ และทหารก็ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย รายละเอียดจะไปศึกษากฎหมายอีกครั้ง โดยจะหารือระดับ รอง ผบ.ตร. และผู้ช่วย ผบ.ตร.ในการนำกฎหมายควบคุมการชุมนุมในที่สาธารณะ ส่วนจะเสนอรัฐบาลอย่างไรจะดูอีกครั้ง' ผบ.ตร.กล่าว สั่งล้อมคอกเขียนแผนรับมือสถานการณ์ พล.ต.อ.พัชรวาทกล่าวหลังประชุมร่วมกับรอง ผบ.ตร.และผู้ช่วย ผบ.ตร.ด้วยว่า ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.วุฒิ วิทิตตานนท์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 สอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.อุดรธานี และบุรีรัมย์ เพื่อรายงานตรงขึ้นมา รวมทั้งเร่งรัดให้ดำเนินการต่อเนื่องจากเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ ยังไม่มีการดำเนินการลงโทษผู้บังคับการทั้ง 2 จังหวัดแต่อย่างใด แต่กำลังให้ผู้ที่เกี่ยวข้องไปวางมาตรการในการพิจารณาผู้นำหน่วยกรณีละเลยให้การชุมนุมวุ่นวายที่อาจจะเกิดในอนาคต โดยศึกษาจตามตัวบทกฎหมาย ทั้งนี้ ที่ประชุมมีการประชุมหารือกันเรื่อง พ.ร.บ.การชุมนุมในที่สาธารณะ โดยมอบให้ พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ รอง ผบ.ตร.ฝ่ายกฎหมายและสอบสวน ไปตั้งคณะทำงานและเสนอแก้ไขกฎหมาย ถ้าทำได้ 'นอกจากนี้กำลังให้เขียนแผนการรับสถานการณ์การชุมนุม เพื่อให้ทุกจังหวัดที่รูปแบบแผนเดียวกันสำหรับรับเหตุการณ์เช่นนี้ ซึ่งแต่ละจังหวัดก็จะรู้ข้อมูลพื้นฐานในพื้นที่ของตนอยู่แล้ว โดยรายละเอียดมอบให้กองพัฒนาการป้องกันและควบคุมอาชญากร ไปดูแลว่าจะออกแผนได้อย่างไร ซึ่งขณะนี้กำลังดูว่ามีจังหวัดไหนบ้างที่เราต้องจับตาเป็นพิเศษ ที่ดูว่ามีสัญญาณออกมาว่าจะมีการปะทะกัน ก็มีที่รายงานมาบ้างในพื้นที่ บช.ภ.4 ซึ่งมีหลายจังหวัด พื้นที่กองบัญชาการภาคอื่นๆ ก็มี เพราะเป็นไปได้ว่าจะมีการกระจายไปทั่ว จึงย้ำให้ผู้บังคับการจังหวัดให้ความสนใจ ส่วนจะมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นอีกหรือไม่คงคาดการณ์ไม่ได้' พล.ต.อ.พัชรวาทกล่าว โฆษกตร.อ้างชุลมุน-เกินความคาดหมาย พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะโฆษก ตร. กล่าวว่า เหตุการณ์เช่นที่ จ.อุดรธานี บางครั้งก็เกินความคาดหมาย เวลาสั้น ก็เกิดการชุลมุน ถือเป็นบทเรียนที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องต้องระมัดระวัง อย่าให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเข้าใกล้กันหรือมีการยั่วยุ ซึ่งจะนำมาสู่การปะทะจนบาดเจ็บทั้งผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่จึงต้องเอาใจใส่จริงจังป้องกันไม่ให้เกิดเหตุเช่นนี้ขึ้น 'เหตุที่อุดรธานี พล.ต.ท.วุฒิ วิทิตตานนท์ ผบช.ภ.4 ได้แถลงข่าวแล้วว่า ตำรวจที่ดูแลไม่ได้นิ่งนอนใจ รวมทั้ง ผบ.ตร.ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต ที่ปรึกษา (สบ9) รอง ผบ.ตร.ให้ไปดูแลร่วมกับตำรวจพื้นที่เรื่องการสืบสวนหาผู้กระทำผิด รวมทั้งตำรวจภูธร จ.อุดรธานีก็มีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีในเรื่องนี้ และกำลังตรวจสอบพยานหลักฐานจากภาพถ่ายและพยาน โดยจะดำเนินการตรวจสอบอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง' โฆษก ตร.กล่าว ผู้สื่อข่าวถามว่า การคาดโทษผู้บังคับการจังหวัดจะดำเนินการอย่างไร ถึงขั้นโยกย้ายหรือไม่ โฆษก ตร.กล่าวว่า คงบอกไม่ได้ว่าถึงขั้นไหนอย่างไร การลงโทษเป็นไปตามระเบียบ ผบ.ตร.เน้นย้ำเพราะเป็นหน้าที่ผู้รับผิดชอบในพื้นที่ต้องเอาใจใส่ดูแล เพราะน่าเชื่อว่าเหตุการณ์ปะทะยั่วยุเช่นนี้จะเกิดมากขึ้น ผบ.ตร.สั่งภาค4ตั้งกก.สอบเอาผิดผู้เกี่ยวข้อง ขณะที่ พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบช.ตร., พล.ต.ท.วุฒิ วิทิตตานนท์ ผบช.ภ.4 เดินทางเข้าประชุมร่วมกับผู้บังคับการตำรวจภูธร 11 จังหวัดอีสานตอนบน และตำรวจภูธรเมืองอุดรธานี ที่ดูแลรับผิดชอบเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น เมื่อเวลา 10.30 น. ที่กองบังคับการตำรวจภูธร จ.อุดรธานีพร้อมนำภาพบันทึกเหตุการณ์ซึ่งได้รับจากสื่อมวลชนและเจ้าหน้าที่มาเปิดในที่ประชุมด้วย โดยใช้เวลาประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง พล.ต.อ.ปานศิริกล่าวว่า ผบ.ตร.ได้มอบหมายให้มาติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกำชับให้ ผบช.ภาค 4 และผู้การในสังกัดตำรวจภูธรภาค 4 อย่าให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้สั่งให้ภาค 4 ตั้งคณะกรรมการสอบสวนดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมมีการทำร้ายและปะทะกัน มีผู้บาดเจ็บ และบาดเจ็บสาหัส ขณะเดียวกันมีตำรวจได้รับบาดเจ็บด้วย รวมทั้งกำชับมาตรการป้องกันและให้ดำเนินการตามแผนรักษาความสงบทุกขั้นตอน โดยเฉพาะเมื่อมีการชุมนุม หรือมีสองกลุ่ม ให้พยายามขอร้อง หรือขอความร่วมมือ แต่หากไม่ยินยอม หรือเหตุการณ์บานปลาย ก็ขอให้ใช้มาตรการรักษาความสงบ 'เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียนราคาแพง จึงกำชับตำรวจว่า เราไม่ใช่คู่กรณี เราต้องพยายามปฏิบัติตามแผน ผบ.ตร.เน้นย้ำมาตลอดว่าไม่ให้ใช้ความรุนแรง ให้ชี้แจงทำความเข้าใจ ขณะมีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นในหลายจุด ตำรวจพยายามแก้ไขสถานการณ์ที่ตั้งอยู่ตามพื้นฐานความเข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกัน เพราะเราเป็นคนไทยด้วยกัน การใช้กำลังแก้ปัญหาไม่มีทางยุติได้ เมื่อมีการชุมนุมเกิดขึ้นให้รวบรวมพยานหลักฐานตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุ ให้ถ่ายภาพนิ่ง ภาพวิดีโอไว้ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้สั่งให้สอบสวนผู้บาดเจ็บ ผู้อยู่ในเหตุการณ์ ประชาชน เจ้าหน้าที่ รวมทั้งภาพถ่ายต่างๆ มาพิจารณา ส่วนผู้กระทำผิดเมื่อมีพยานหลักฐานถึงใครก็ต้องดำเนินคดี' พล.ต.อ.ปานศิริกล่าว รมช.เกษตรปัดอยู่เบื้องหลังกลุ่มต้านที่อุดร นายธีระชัย แสนแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จาก พปช. กล่าวกรณีที่นายอุทัย แสนแก้ว น้องชาย เข้าร่วมเป็นแกนนำกลุ่มคนรักอุดรที่เข้าทำร้ายกลุ่มพันธมิตร ว่า นายอุทัยเป็นสมาชิกกลุ่มคนรักอุดรที่มีสมาชิกนับแสนคนอยู่แล้ว และมักจะไปขึ้นเวทีปราศรัยอยู่เป็นประจำทุกครั้งที่กลุ่มคนรักอุดรชุมนุม ซึ่งในวันที่เกิดเหตุนายอุทัยไปปราศรัยเป็นปกติ สำหรับตนก็อยู่ในระหว่างการปฏิบัติราชการอยู่ในพื้นที่ขอนแก่น อุบลราชธานี ยโสธร และอำนาจเจริญ เพิ่งมากลับมาถึง กทม.ช่วงค่ำเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม นายธีระชัยกล่าวว่า ไม่ได้รู้เรื่องด้วย แต่ก็ได้รับการรายงานจากผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยราชการแล้วก็ได้สั่งให้ระวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรง ที่จะทำให้เกิดภาพพจน์ที่ไม่ดีกับ จ.อุดรธานีอีก เพราะในประวัติศาสตร์อุดรฯไม่เคยมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้น ทั้งนี้กลุ่มพันธมิตร จ.อุดรฯนั้นมีแนวร่วมอยู่ไม่มาก และก็รับรู้อยู่แล้วด้วยว่าที่ จ.อุดรธานีมีสมาชิกชมรมคนรักอุดรอยู่เป็นจำนวนมาก ถ้ากลุ่มพันธมิตรไม่ไปตั้งเวทีด่าว่าใครต่อใครอย่างไม่มีเหตุผล ประชาชนชาว จ.อุดรธานี ก็คงไม่ทำอะไร ชมรมคนรักอุดรฯบอกมาอีกก็จะต้านอีก ส่วนในพื้นที่ จ.อุดรธานีนั้น นายขวัญชัย สาระคำ ประธานชมรมคนรักอุดร พร้อมสมาชิกกว่า 700 คน ยังคงเปิดเวทีปราศรัยอยู่สนามทุ่งศรีเมือง ด้านศาลากลางจังหวัดอุดรธานี พร้อมถ่ายทอดสดผ่านวิทยุชุมชนคลื่น 97.50 ยืนยันว่าได้ทำถูกต้อง และไม่ได้เป็นผู้นำอาวุธเข้าไปทำร้ายพันธมิตร แต่อาวุธดังกล่าวเป็นสิ่งที่พันธมิตรเตรียมไว้เพื่อทำร้ายชมรมคนรักอุดร ขณะที่กลุ่มพันธมิตรไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ในพื้นที่ 'ผมบอกแล้วเตือนแล้ว นายเจริญ (หมูขจรพันธ์ แกนนำพันธมิตรอุดร) ก็ยังชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าบ้านอยู่ตลอด นั่นคือสิ่งที่ผมยอมไม่ได้ ผมก็ยังบอกว่า ให้มาอีก 10 ครั้ง ผมก็จะต่อต้านทั้ง 10 ครั้ง' นายขวัญชัยกล่าวบนเวที นายขวัญชัยยังนำขบวนผู้ชุมนุมเคลื่อนไปยัง สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อทวงถามคดีที่ค้างคา 4 คดี เนื่องจากเห็นว่า ไม่มีความคืบหน้า ได้แก่คดีที่ถูกทำร้ายเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2550, คดีสถานีวิทยุถูกเผา 22 ธันวาคม 2550, คดีแจ้งความดำเนินคดี น.ส.พ. 3 ฉบับหมิ่นประมาท วันที่ 10 พฤษภาคม 2551 และการแจ้งความกลุ่มพันธมิตรคดีหมิ่นพระบรมราชานุภาพ โดยมี พล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์ ภราดรศักดิ์ ผบก.ภ.จว.อุดรธานี เดินทางมารับหนังสือ ผู้ว่าฯยันเต็มที่แล้ว-ไม่คุมหนักกว่านี้ นายสุพจน์ เลาวัณย์ศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เรียกประชุมฝ่ายทหาร, ตำรวจ และปกครอง จ.อุดรธานี เพื่อรับทราบข้อเท็จจริงและเตรียมความพร้อมรับมือกับกลุ่มพันธมิตรและกลุ่มต่อต้านที่อาจเกิดขึ้นอีก จากนั้นกล่าวว่า หากถูกแจ้งความดำเนินคดีจากพันธมิตร หรือมีคำสั่งย้ายจากกระทรวงมหาดไทย เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็จำเป็น เพราะจังหวัดอุดรธานีทำดีที่สุดแล้ว โดยมีการประชุมหารือถึง 3 ครั้ง จึงกำหนดแนวทางไว้อย่างเข้มงวด รวมทั้งแยก 2 ฝ่ายออกจากกันไกลกว่า 3 กิโลเมตร ตลอดจนปิดประตูสวนสาธารณะทุกด้าน และใช้กำลังตำรวจ อส.มากกว่า 500 นาย แต่เจ้าหน้าที่มีอาวุธเพียงโล่ป้องกันบางนายเท่านั้น เพราะเกรงจะกระทบกับประชาชน ซึ่งลุกลามไปสู่เรื่องทางการเมือง 'ตำรวจได้ทำเต็มที่ ทำให้ประชาชนบาดเจ็บเพียง 13 ราย เป็นชาย 11 คน หญิง 2 คน ทั้งหมดเป็นชาวอุดรธานี ขณะนี้นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลเพียง 3 ราย หากเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เข้าควบคุม จะทำให้มีผู้บาดเจ็บมากกว่านี้ และอาการหนักกว่านี้ อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมได้กำหนดแนวทางปฏิบัติรับมือการชุมนุมที่อาจเกิดขึ้นอีก โดยจังหวัดจะดูแลผู้ชุมนุมที่อยู่ในพื้นที่ จ.อุดรธานี หากมีผู้ชุมนุมต่างถิ่นเข้ามาก็จำเป็นต้องนำหน่วยงานทหารเข้ามาช่วยเรื่องการข่าวและความมั่นคง' นายสุพจน์กล่าว ปลัดมหาดไทยคาดโทษ'เด้ง' ผู้ว่าฯคุมไม่ได้ นายพงศ์โพยม วาศภูติ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ และอุดรธานี รายงานสถานการณ์เข้ามา โดยระบุว่าได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้ว โดยเฉพาะกรณีเหตุการณ์ทุ่งสีเมือง จังหวัดอุดรธานี ที่ผู้ว่าฯ ได้ระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตชด. อพปร. และ อส.มาแล้ว แต่ไม่สามารถระดมมามากพอกับจำนวนของผู้ชุมนุม ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ได้กำชับผู้ว่าฯถ้าหากมีเหตุการณ์เกิดขึ้นอีกให้ดูแลให้ดี รวมถึงได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ที่อยู่ในเหตุการณ์มาเป็นพยานอย่างตรงไปตรงมา เมื่อถามว่าได้กำชับกับผู้ว่าราชการจังหวัดให้ทำหน้าที่อย่างเข้มข้นด้วยหรือไม่ นายพงศ์โพยมกล่าวว่า ผู้ว่าราชการจังหวัด ต้องใช้ความพยายามมากว่านี้ ซึ่งหากมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกจะพิจารณาว่าผู้ว่าฯจังหวัดนั้นๆ ว่าทำหน้าที่เต็มที่หรือไม่ หากพบว่าผู้ว่าฯทำหน้าที่ไม่เต็มที่อาจจะต้องเรียกเข้ามาประจำกระทรวงมหาดไทย ปชป.จี้รัฐบาลลากคนผิดมาลงโทษให้ได้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น และกล่าวย้ำว่า การใช้สิทธิเสรีภาพของทุกฝ่ายต้องอยู่ในขอบเขตของรัฐธรรมนูญ ไม่มีเหตุผลที่จะทำร้ายผู้อื่น และไม่มีกฎหมายที่อนุญาตให้ใช้ความรุนแรง ดังนั้น เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย โดยเฉพาะรัฐบาลต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาดเอาคนผิดมาลงโทษ และสาวให้ถึงผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ เพื่อพิสูจน์ให้ทุกฝ่ายเห็นว่าบ้านเมืองมีกฎหมาย ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่ากลุ่มใดก็ตามมีความเห็นตรงกับรัฐบาลแล้วจะอยู่เหนือกฎหมาย ส่วนที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เสนอให้กลุ่มพันธมิตรยุติการเคลื่อนไหวเพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหานั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ถ้าพูดเช่นนี้ ถือว่าไม่มีความเหมาะสมที่จะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หรือเป็นนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตยต่อไป เพราะทุกคนมีหน้าที่รักษากฎหมาย ทุกฝ่ายต้องการเห็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยบำบัดทุกข์บำรุงสุขของประชาชน และตำรวจต้องเตรียมการให้ดี เพื่อไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก ไม่เช่นนั้นจะเกิดความวุ่นวาย ประชาธิปัตย์อ้างมีการทุ่มเงิน30ล้านจัดม้อบชนม็อบ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า บอกตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคมแล้วว่า ได้ข่าวว่ามีการกระจายเงินลงไปพื้นที่ บางจังหวัดถึงกว่า 30 ล้านบาท เพื่อจัดม็อบไปชนม็อบ และยังฝากไปยังเจ้าหน้าที่บ้านเมืองหาทางป้องกัน แต่ก็เกิดเหตุการณ์จนได้ รู้สึกสลดใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่อยากเห็นสภาพอย่างนี้เกิดขึ้นในบ้านเมือง 'คนเขารู้กันทั้งนั้นว่าใครเป็นคนสั่งการหรือบงการ อย่าคิดว่าทำอะไรแล้วคนอื่นจะไม่รู้ ผมอยากฝากไปถึงประชาชนให้ติดตามสถานการณ์อย่าด่วนตัดสินใจไปเข้าข้างหนึ่งข้างใด ฝ่ายพันธมิตรเองก็ต้องระมัดระวัง รู้ว่าในบางพื้นที่ถ้าจะจัดการชุมนุมอาจเกิดปัญหาแบบนี้ก็ต้องหลีกเลี่ยง' นายสุเทพกล่าว นายสุเทพกล่าวว่า ทราบข่าวมาว่ามีการประชุม จากนั้นวางแผนใครจะขนคนจังหวัดไหนให้เข้ามาอยู่ชานเมืองกรุงเทพฯ เมื่อถึงเวลาก็ลุกฮือเข้ามา โดยให้เอามาเชื่อมโยงเรื่องที่รัฐบาลจะผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันที่ 1 สิงหาคม คิดว่ารัฐบาลไม่ควรทำอย่างนี้ ไม่ควรเข้าไปเกี่ยวข้องโดยเด็ดขาด ถ้าคนที่อยู่ในระบบรัฐสภาคือทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลก็ไปถกเถียง ต่อสู้กันในสภาอย่าให้ประชาชนต้องเดือดร้อน แต่การที่จะสนับสนุนให้คนยกพวกตีกัน ไม่ใช่วิสัยของรัฐบาลในโลกนี้ที่เขาทำกัน ดังนั้น รัฐบาลต้องไปสำรวจตัวเอง หากไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ถือว่ารัฐบาลทำผิดอย่างมหาศาล ส่วนการที่ ร.ต.อ.เฉลิมโทรศัพท์ไปแสดงความยินดีให้กำลังใจกับนายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำกลุ่มชมรมคนรักอุดร นายสุเทพกล่าวว่า ถ้าทำอย่างนั้นจริงๆ ถือว่าไม่เหมาะสม โดยไปสนับสนุนม็อบให้ทุบตีผู้ที่แสดงความคิดเห็นที่เป็นสิทธิของเขา ก็เสียสติ ไม่สมควรเป็นรัฐมนตรีเลย ถ้าพวกพิสูจน์ได้ว่า ร.ต.อ.เฉลิมเข้าไปเป็นคนสั่งการ หรือเป็น 1 ในกระบวนการที่เข้าไปยุยง ส่งเสริมให้คนยกพวกมาตีกัน ก็จะเล่นงาน ร.ต.อ.เฉลิมทางการเมืองอย่างไม่ยั้งมือ แต่ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่ารัฐบาลอยู่เบื้องหลังการจัดม็อบชนม็อบหรือไม่ นายสุทัศน์ เงินหมื่น ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ นำคณะเข้ายื่นเรื่องต่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้พิจารณาศึกษาการกระทำผิดกฎหมายอย่างร้ายแรงของกลุ่มบุคคลและการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐใน จ.อุดรธานี และ จ.บุรีรัมย์ เมื่อเวลา 11.30 น. ที่รัฐสภา โดยนายวิรัตน์ กัลยาศิริ รองประธาน กมธ.จากพรรคประชาธิปัตย์ รับเรื่องไว้ พร้อมรับปากจะนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของ กมธ.ในวันที่ 30 กรกฎาคม พปช.จี้เลิกดาวกระจาย-ขู่เล่นงาน'สนธิ' นายประชา ประสพดี ประธาน คณะกรรมาธิการกฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชนจาก พปช.กล่าวว่า จะยื่นคำร้องต่อศาลอาญาขอให้ยกเลิกการปล่อยตัวชั่วคราวนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตร ในคดีที่ถูกตัดสินจำคุกในสัปดาห์หน้า เนื่องจากฉกฉวยโอกาสยุให้เกิดความวุ่นวายให้เกิดการตีกันขึ้น นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า เหตุการณ์ปะทะกันนั้นเป็นเรื่องของเด็กทะเลาะกันธรรมดา การเมืองไทยก็อย่างนี้ ต่างคนต่างเอาชนะกัน ผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะที่เป็นคนในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์จะเข้าไปช่วยแก้ปัญหาอย่างไร นายชัยกล่าวว่า ตามกระบวนการเขาจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีศาลดำเนินการอยู่ เป็นผู้แทนฯจะไปยุ่งกับเขาได้อย่างไร นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รองโฆษก พปช. กล่าวว่า ขอเสนอให้พันธมิตรหยุดเคลื่อนไหวแบบดาวกระจายในพื้นที่ต่างจังหวัดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการปะทะกันขึ้นอีก มิฉะนั้น อาจเกิดการปะทะกันอีกหลายพื้นที่ หากจะเคลื่อนไหวอีก ต้องประเมินให้ดีว่าควรจะไปจังหวัดใด หรือควรจะไปในพื้นที่จังหวัดที่มี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์น่าจะเหมาะสมกว่า ตร.บุรีรัมย์จับพันธมิตร-กลุ่มต้าน14ราย สำหรับการปะทะกันระหว่างกลุ่มต่อต้านพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บุรีรัมย์ และตำรวจปราบจลาจล เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา พล.ต.ต.ประสิทธิ์ ทำดี ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ เปิดเผยว่า ตำรวจชุดปราบจลาจลบาดเจ็บเล็กน้อย 17 นาย ซึ่งเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลบุรีรัมย์ และเดินทางกลับบ้านไปแล้ว โดยตำรวจจับกุมผู้ก่อเหตุได้ 14 ราย เป็นกลุ่มต่อต้านฯ 12 ราย และกลุ่มพันธมิตร 2 ราย ซึ่งพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาร่วมกันต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติหน้าที่โดยมีอาวุธ และข้อหาร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้สอบสวนพร้อมทำประวัติผู้ต้องหา ซึ่งทั้งหมดปฏิเสธข้อกล่าวหา และได้ยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวออกไปแล้ว รายละ 10,000 บาท 'จะได้นำวิดีโอ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจบันทึกเหตุการณ์ไว้ทุกมุมมาตรวจสอบ เพื่อหาผู้ร่วมก่อความวุ่นวาย ก่อนจะติดตามตัวมาแจ้งข้อหาเพิ่มเติมต่อไป' พล.ต.ต.ประสิทธิ์กล่าว นายโสภณ เพชรสว่าง อดีต ส.ส.บุรีรัมย์ แกนนำกลุ่มพิทักษ์เมืองบุรีรัมย์ เครือข่ายพันธมิตร เปิดเผยว่า ได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองบุรีรัมย์ ให้ดำเนินคดีกับกลุ่มต่อต้านพันธมิตรกว่า 100 คน ที่ใช้ก้อนหินขว้างปา และท่อนเหล็กบุกเข้าทุบทำลายและรื้อเวทีปราศรัยของเครือข่ายพันธมิตรจนได้รับความเสียหาย ทั้งนี้ กลุ่มพิทักษ์เมืองบุรีรัมย์ จะประชุมแกนนำเครือข่ายต่างๆ เพื่อเปิดเวทีปราศรัยอีกครั้ง โดยจะขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารเข้ามาดูแลความปลอดภัยด้วย ตร.กดดันสองแควล้มเวทีพันธมิตร ที่ จ.พิษณุโลก กลุ่มพันธมิตรแจกจ่ายใบปลิวทั่วตัวเมืองพิษณุโลก ระบุว่า ร่วมกันจัดเวทีพันธมิตรพิษณุโลก เพื่อเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาล ที่ชั้น 6 โรงแรมเทพนคร กลางเมืองพิษณุโลก ระหว่างเวลา 09.00-15.00 น. ในวันที่ 26 กรกฎาคม มีนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ นายไทกร พลสุวรรณ นายการุณ ใสงาม ขึ้นเวทีอภิปราย พร้อมนักร้อง หรั่ง ร็อกเคสตร้า และไก่ แมลงสาบ ร่วมเสวนา โดยมีกระแสข่าวว่า กลุ่มต่อต้าน 2-3 กลุ่มที่ผู้กว้างขวางคนในจังหวัด มีความใกล้ชิดกับสื่อมวลชนท้องถิ่นและกลุ่มอำนาจเก่าสนับสนุน ระดมชาวบ้านจากพื้นที่ อ.วังทอง, อ.บางกระทุ่ม และ อ.บางระกำ เพื่อขัดขวางและล้มการจัดเวทีของกลุ่มพันธมิตร เบื้องต้นคาดว่าจะมีจำนวนมากถึง 1,500 คน โดยวางแผนใช้ผ้าแดงคาดศีรษะ พร้อมสวมหมวกกันน็อค เตรียมบุกโรงแรม สถานที่จัดเวที ผู้สื่อข่าวรายง่านว่า หลังจากเกิดกระแสข่าวการเตรียมต่อต้านกลุ่มพันธมิตร ทำให้จังหวัดและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องเตรียมความพร้อมรักษาความปลอดภัย เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย รวมทั้งพยายามกดดันเจ้าของโรงแรม เพื่อไม่ให้เปิดเวทีให้กลุ่มพันธมิตร เพื่อป้องกันเหตุวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้น จากนั้นผู้บริหารโรงแรมจึงแจ้งกลุ่มพันธมิตรว่าไม่สามารถเปิดให้ใช้พื้นที่ได้ ส่วนค่ามัดจำห้องที่กลุ่มพันธมิตรจ่ายล่วงหน้าไปแล้วนั้น โรงแร เครดิต : ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!! กระทู้เด็ดน่าแชร์ |
อ้างหวั่นนองเลือดพันธมิตรร้องอนุพงษ์คุมสถานการณ์ ผบ.ทบ.-ผบ.สส.ปัดไม่มีอำนาจ
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง อ้างหวั่นนองเลือดพันธมิตรร้องอนุพงษ์คุมสถานการณ์ ผบ.ทบ.-ผบ.สส.ปัดไม่มีอำนาจ