สนั่นยันซื้อรถขสมก.3พันคัน ใช้เงิน2หมื่นล้าน-2ปีคุ้ม

เสธ.หนั่นยันเสนอ ครม.ซื้อรถเมล์ ขสมก.เหลือแค่ 3 พันคัน อ้างลงทุนต่ำเพียง 2 หมื่นล้าน แค่สองปีคืนทุน ส่วนที่เหลืออีก 3 พันคัน ปรับปรุงของเก่า ชี้เช่าเอกชนมีตัวอย่างมาแล้วปัญหาตามมาเพียบต้องฟ้องร้องนุงนัง ด้านสภาพัฒน์เห็นต่าง หนุนวิธีเช่าอ้างคุ้มค่ากว่า

พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกลั่นกรองชุดพิเศษ


เพื่อพิจารณาแผนปรับปรุงการบริหารจัดการและบริการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ตนเห็นว่าการให้ ขสมก.จัดหารถเมล์จำนวน 6,000 คัน น่าจะมีทางเลือกอื่นมากกว่าการเช่าเพียงอย่างเดียว เพราะปัจจุบันรถเมล์ที่ให้บริการใน กทม.มีอยู่ 6,000 กว่าคัน แบ่งเป็นของขสมก. 3,500 คัน ส่วนที่เหลือเป็นของเอกชน หากนำรถเข้ามาทั้งหมดเอกชนจะอยู่กันอย่างไร จึงได้เสนอแนวคิดต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า หากมีการนำรถ ขสมก.ของเดิมที่มีอยู่มาปรับปรุงให้พร้อมใช้งาน ได้ประมาณ 3,000 คัน น่าจะช่วยลดต้นทุนได้มาก

นอกจากนี้ เห็นว่าการซื้อน่าจะคุ้มค่ามากกว่าการเช่า เพราะ
ต้นทุนรถเมล์จะอยู่ที่คันละ 3.7 ล้านบาท


หากตัดภาษีออกไป จะอยู่ที่คันละ 2.1 ล้านบาทเท่านั้น และใช้เงินประมาณ 2 หมื่นกว่าล้านบาท ต่ำกว่ามูลค่าโครงการในแบบเดิมที่สูงถึง 111,690 ล้านบาท พล.ต.สนั่นกล่าวว่า จากประสบการณ์การทำสัญญาเช่าระหว่างราชการกับบริษัทเอกชน ช่วงแรกเอกชนจะทำตามที่รัฐต้องการทุกอย่าง แต่หลังจากนั้นมักจะมีปัญหาเกิดขึ้น สุดท้ายก็ต้องมีการฟ้องร้องกันยืดยาว แต่หากซื้อขาดไปเลยและให้เอกชนรับประกันภายในระยะเวลาหนึ่งที่พอจะให้ผ่านช่วงจุดคุ้มทุน ซึ่งคิดว่าภายใน 2 ปี ก็น่าจะคืนทุนแล้ว

นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่า คณะกรรมการกลั่นกรองคณะพิเศษ จะพิจารณาเรื่องดังกล่าวในวันที่ 30 กรกฎาคมนี้

ซึ่ง สศช.เห็นว่าโดยหลักการวิธีการเช่าเป็นเรื่องดีที่สุด เพราะผู้ให้เช่าจะเป็นคนรับผิดชอบด้านการซ่อมบำรุง การจัดหาอู่จอดรถ และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศต่างๆ เมื่อเทียบกับปัจจุบันรถเมล์ที่ ขสมก.ใช้อยู่ประมาณ 4,000 คัน มีภาระที่ภาครัฐเข้าไปอุดหนุน ปีละประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท หากเปรียบเทียบกับการเช่ารถเมล์จำนวน 6,000 คัน ในระยะเวลา 10 ปี จำนวน 111,690 ล้านบาท หลายคนอาจจะมองว่าใช้เงินจำนวนมาก แต่ถ้าคำนวณเป็นรายปีแล้วค่าเช่าจะอยู่ที่ปีละ 1.1 หมื่นล้านบาทเท่านั้น หากเริ่มดำเนินการในปี 2552 ก็จะเริ่มมีกำไร 500 ล้านบาท และในปีสุดท้าย ขสมก.จะมีกำไรกว่า 5 พันล้านบาท

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์