บุญสร้าง-เตีย บันห์ ถกพระวิหาร ปรอทไม่ลด

คลิกอ่าน - เปิดรายชื่อคณะกรรมการชายแดนทั่วไป'ไทย-กัมพูชา'ประชุม'จีบีซี'
------------------------------------------------

หมายเหตุ - เป็นคำแถลงร่วมของ พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) และ พล.อ.เตีย บันห์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของกัมพูชา ภายหลังประชุมคณะกรรมการชายแดนไทยและกัมพูชานอกรอบกรณีพิเศษเกี่ยวกับปัญหาพื้นที่ทับซ้อนบริเวณปราสาทพระวิหาร กว่า 8 ชั่วโมง ณ โรงแรมอินโดจีน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ซึ่งมีสาระสำคัญดังนี้


พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์
ผู้บัญชาการทหารสูงสุด

ต้องขอโทษสื่อมวลชนที่ต้องให้รอเป็นเวลานาน เพราะว่าการประชุมวันนี้เป็นเรื่องที่ไม่ง่าย แต่การประชุมก็ดำเนินไปด้วยบรรยากาศที่ดี 7-8 ชั่วโมงที่ผ่านมา แต่มีข้อกฎหมายที่ยังมีปัญหาอยู่ และต้องหน่วยเหนือขึ้นไปถึงจะตัดสินตกลงใจกันได้ เราเองจะต้องนำปัญหานี้กลับพิจารณา ดังนั้น การประชุมตั้งแต่เช้าจนมาถึงเวลานี้ติดที่ข้อกฎหมายที่ไม่ผ่าน การประชุมวันนี้เพื่อหาข้อเสนอแนะที่เหมาะสมเพื่อให้ฝ่ายรัฐบาลที่นำไปเพื่อแก้ปัญหา หนทางออกที่เหมาะสมกับปราสาทพระวิหาร พล.อ.เตีย บันห์ และคณะของตนจะต้องกลับไปเพื่อรายงานกับรัฐบาลเกี่ยวกับปัญหาข้อกฎหมายต่างๆ

"ที่แน่นอนอย่างหนึ่งที่เราปฏิบัติได้เลยที่ไม่ขัดต่อกฎหมายคือทั้งสองฝ่ายเห็นด้วยที่จะไปกำชับทหารที่กำลังเผชิญหน้ากันอยู่ให้อยู่ในความสงบไม่ให้มีเหตุรุนแรง" 

#  ตอนนี้จะถอนทหารหรือคงไว้ ?

- ตอนนี้ยังไม่ทำอะไรดีที่สุด เนื่องจากติดข้อกฎหมาย เพราะกฎหมายมันซ้ำซ้อน ส่วนทหารจะถอนหรือไม่ เราจะให้อยู่กับที่ไว้ก่อน แต่อยู่ด้วยความสงบไม่ให้เกิดความรุนแรง ทั้งนี้ อย่างหนึ่งที่เราปฏิบัติได้เลย คือทั้งสองฝ่ายเห็นด้วยพ้องตรงกันคือจะต้องไปกำชับสั่งการกับทหารที่เผชิญหน้าอยู่ให้อยู่ความสงบไม่ให้มีเหตุรุนแรง

"บอกให้อยู่ในความสงบก็คงไม่มีใครกลับไปเสริมกำลัง ตรงนี้ไม่ต้องพูดกันเข้าใจอยู่ในตนเองให้อยู่กับที่ และไม่มีการใช้ความรุนแรง ใช้อาวุธ" 

# จะพูดได้หรือไม่ว่าการประชุมหารือครั้งนี้ล้มเหลว ?

- ไม่ล้มเหลว การประชุม 7-8 ชั่วโมง เพียงแต่ไม่ได้ข้อเสนอแนะทำให้รัฐบาลเข้าสู่รัฐบาลเป็นข้อสรุปได้ เพียงแต่ก็ต้องเราพูดคุยกันเยอะแยะได้ประโยชน์กันทั้งนั้น ทางคนต่างทราบว่ามีจุดยืนอย่างไร

# พอจะเปิดเผยได้หรือไม่ว่าการประชุมได้เป็นรูปธรรม ?

เป็นรูปธรรมอยู่อย่างเดียวคือทหารอยู่ในความสงบ นอกนั้นติดข้อกฎหมายนำไปสู่รูปธรรมไม่ได้ ทั้งนี้ ในที่ประชุมไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องกรณีที่ประเทศกัมพูชาทำหนังสือถึงยูเอ็น ทั้งนี้ ตนพยายามลดปัญหาการเผชิญหน้าเป็นหลัก

# กัมพูชาที่อาศัยพื้นที่ข้อพิพาทจะถอนหรือไม่ ?

- ตอนนี้พูดอะไรไม่ได้ เพราะตั้งใจจะมีการประชุมอีกครั้ง หลักจากเรากลับไปรายงานให้ระดับสูงได้รับทราบ ส่วนสถานการณ์ในกัมพูชาคงจะออกมาอย่างนั้นเอง จะตั้งใจหรือไม่ เลือกตั้งไม่กี่วันก็เสร็จ เราคงประชุมก่อนหน้านั้นไม่ทัน เพราะการประชุมของฝ่ายรัฐบาลไม่เร็วกว่านั้น ทั้งนี้ การประชุมในวันนี้ค่อนข้างเครียด

# การเจรจาล้มเหลวเกิดจากการเมืองของทั้งสองประเทศไม่นิ่ง ?

- จุดยืนขณะนี้ยังลงไม่ได้ที่เป็นเรื่องหลักที่ใครยอมใครกันไม่ได้ เพราะเราถือแผนที่กันคนละฉบับ เรื่องพื้นฐานมีแค่นั้น ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับข้อกฎหมายต้องไปถามคนรู้กฎหมาย ส่วนการประชุมครั้งต่อไปยังไม่ได้กำหนด คงจะเป็นอีกระยะหนึ่ง อย่างไรก็ตาม นักกฎหมายคงจะมีการประสานงานกันว่าจะลงเอยกันได้หรือไม่ ถ้าลงเอยกันได้ก็มาประชุมร่วมกันอีกครั้ง หากตกลงกันไม่ได้และมีการประชุมกันอีกก็เสียสตางค์เปล่า ทั้งนี้กลับไปทางกระทรวงการต่างประเทศจำทำเรื่องเสนอต่อนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ส่วนจะเข้า ครม.หรือไม่ขึ้นอยู่กับทางรัฐบาลในการพิจารณาหารือ

# ข้อที่ติดในเรื่องกฎหมายมีอะไรบ้าง ?

- ยังไม่อยากพูด พูดไปซับซ้อน 

# เมื่อไทยกับกัมพูชาถือแผนที่กันคนละฉบับจะเกิดจุดร่วมกันได้อย่างไร ? 

- ต่างคนก็จะต้องเห็นใจกันอีกฝ่ายหนึ่ง แต่ขณะนี้ต่างคนต่างถือแผนที่กันคนละฉบับ ทำให้ข้อเสนออื่นตกลงไม่ได้ ส่วนกำลังทหารที่ประชิดอยู่ตามแนวชายแดนนั้น สภาพที่ดีที่สุดคือให้กำลังทั้งสองฝ่ายอยู่ในความสงบ ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวจะทำเป็นข้อเสนอแนะไป แต่วันนี้ติดข้อกฎหมายจึงไม่สามารถดำเนินการอะไรได้


------------------------------------------------

พล.อ.เตีย บันห์
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของกัมพูชา

การประชุมจีบีซีอยู่ในเขตที่เราทำกันอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งขอเรียนย้ำว่า พล.อ.บุญสร้าง ที่ได้เรียนมาเป็นสิ่งที่เราได้ทำกันมาด้วยทุกสิ่งทุกอย่างถือว่าเป็นสิ่งที่ก้าวหน้าเป็นอย่างดีมาก แต่ขัดต่อกฎหมายในบางอย่าง จึงทำให้การที่จะต้องปฏิบัติเป็นรูปธรรมจริงๆ ก็ต้องเอาไว้ก่อน โดยที่จะเอาไปปฏิบัติไม่ได้ เป็นสิ่งที่เราได้มาแค่นี้

ดังนั้น สิ่งที่เราเข้าใจกันอย่างลึกซึ้งที่สุดคือต้องพยายามให้การเผชิญหน้าหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า และไม่ให้เกิดความรุนแรง ถือเป็นเอกภาพและเข้าใจกัน พูดง่ายๆ จะลดอุณหภูมิความตึงเครียดลงไปก็ขอเรียนตรงๆ ว่ายังไม่มีการลดลง เพราะว่าตามที่ทุกคนทราบอุณหภูมิที่ขึ้นมาเรารู้สึกเป็นห่วง ดังนั้น เราอยากจะทำให้อุณหภูมิลดลง ด้วยการเผชิญหน้ากัน ข้อหารือต่างๆ ถึงเป็นส่วนใหญ่ติดอยู่แค่ข้อกฎหมาย ทำให้ผลการหารือกันก่อนที่ประชุมทางการ จึงเปิดประชุมทางการไม่ได้ ในที่สุดก็หารือเข้าใจกัน และนำเรื่องไปหารือระดับหนึ่ง เป็นสิ่งที่ได้ปฏิบัติมาในวันนี้

การที่มาในระยะไม่กี่วันเกิดเหตุการณ์ที่ปราสาทพระวิหาร บางคนทราบได้ดี ดังนั้น สิ่งที่เราเป็นห่วง และใช้คำว่าทำให้อุณหภูมิมันขึ้นและไม่นอกเหนือไปจากการที่จะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างราบรื่นเข้าใจกันด้วยดี คืองานที่เราจะต้องทำ สิ่งที่เราหารือกันมากมาย คือว่าเราได้ผลเป็นสิ่งที่พอใจ แต่ผลที่พอใจเหล่านั้น ยังไปใช้ปฏิบัติไม่ได้ ปฏิบัติรูปธรรมไม่ได้ เนื่องจากติดขัดข้อกฎหมาย เรื่องนี้จะนำเรื่องหารือต่อ เราได้ตกลงกัน และเข้าใจกัน ถ้าพูดกันเช่นนี้แล้ว ที่จะทำต่อไป แน่นอนไปตามความต้องการของเราที่จะต้องทำต่อไปสิ่งที่ควรจะได้ทำ 

# ทำไมกัมพูชาถึงขอร้องให้ยูเอ็นเข้ามาช่วยเหลือแก้ไขตรงจุดนี้ ทั้งๆ เป็นเรื่องสองประเทศ ?

- ดังที่ทราบมีเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ปราสาทพระวิหาร สิ่งที่เราเป็นห่วง และใช้คำว่าทำให้อุณหภูมิมันขึ้น และไม่นอกเหนือไปจากการที่เราอยากจะหาวิธีให้ทุกสิ่งทุกอย่างจบไปด้วยความราบรื่น และเข้าใจอย่างดีคืองานที่เราต้องทำ เราหารือใช้เวลานานเราได้ผลเป็นสิ่งที่พอใจ แต่ผลที่พอใจเหล่านั้นเอาไปใช้ปฏิบัติเป็นรูปธรรมไม่ได้เนื่องจากติดข้อกฎหมายบางประการที่จะต้องส่งเรื่องนี้ไปหารือต่อ และเราได้ตกลงและเข้าใจตรงจุดนี้ หากพูดถึงจุดนี้แล้วสิ่งที่จะทำต่อไปคือแน่นอนจะต้องไปตามความต้องการสิ่งที่ควรจะทำ

เป็นเรื่องสุดวิสัยที่เราจะหาทางออกกับเรื่องนี้ได้ เราก็จะต้องไปตามทางที่เราควรจะไป

# ปัจจุบันที่บอกว่าสุดวิสัย คืออะไรที่กัมพูชาต้องรีบเร่งรัด ?

- ไม่มีอะไรสงสัย เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะยื่นเรื่องไปก็ต้องเรื่องนั้น จะไปเอาเรื่องไหนก็ต้องเรื่องนั้น 

# ทำไมไม่คุยกับไทยนอกรอบก่อน ?

- เป็นการประชุมหารือทั่วไป จะหารือในส่วนที่เกิดขึ้นเป็นส่วนสำคัญ ส่วนปัญหาพื้นที่ต่างๆ มีหน่วยงาน หรือองค์กรอันหนึ่งที่ดูแลจะต้องทำกันว่าเป็นอย่างไร เราไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้น และไม่กังวล เชื่อว่าจะไม่เกิดความรุนแรง หรือเกิดการเผชิญหน้ากันระหว่างทั้งสองประเทศ


ที่มา หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน วันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 11091