สัมภาษณ์พิเศษ : 'บวรศักดิ์' "แฉเอกสาร ลับที่สุด 'ปราสาท พระวิหาร พ.ศ.2505-2551' สู่บรรณพิภพ โดยสำนักพิมพ์มติชน เป็นผู้จัดพิมพ์และ จัดจำหน่าย
สัปดาห์หน้า ศ.ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า อดีตเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะเปิดโฉมหนังสือเล่มใหม่ เรื่อง "แฉเอกสาร ลับที่สุด ปราสาท พระวิหาร พ.ศ.2505-2551" สู่บรรณพิภพ โดยสำนักพิมพ์มติชน เป็นผู้จัดพิมพ์และ จัดจำหน่าย
"ประชาชาติธุรกิจ" สัมภาษณ์พิเศษ ดร.บวรศักดิ์ ขณะกำลังปั่นต้นฉบับสุดท้าย ก่อนส่งพิมพ์ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
- ที่มาที่ไปของหนังสือเล่มนี้
กรณีปราสาทพระวิหาร เป็นกรณีที่น่าสนใจศึกษาในหลายด้าน ด้านแรกก็คือ ด้านที่เกี่ยวกับกฎหมาย เพราะเป็นคดีเดียวของประเทศไทยที่ขึ้นศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งสมควรนำมาศึกษากัน และการพิพาทกันในคราวนี้ ในปี 2551 ก็มีประเด็นข้อกฎหมายให้ศึกษามาก
รวมถึงผลของคำพิพากษาศาลยุติธรรมระหว่างประเทศด้วย ซึ่งนักกฎหมายก็ออกมาบอกว่า เรายังสงวนสิทธิ์อยู่ บางคนไปหนักถึงขนาดว่า คำพิพากษาศาลโลกนั้นให้แต่ซากปราสาท แต่ว่าพื้นที่ใต้ปราสาทนั้น ยังเป็นของไทยอยู่ ซึ่งสมควรที่คนไทยจะได้ศึกษาจริงจัง
ด้านที่ 2 คือ บทเรียนที่ได้จากเรื่องนี้ ถ้าเราดูให้ดี เราสามารถวิเคราะห์บทเรียนได้หลายทาง เพราะเรื่องนี้มีมิติมากมาย ตั้งแต่มิติทางศาสนา วัฒนธรรม มิติเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของประเทศเพื่อนบ้าน ที่มีพรมแดนติดกันเกือบ 800 กิโลเมตร และเป็นสมาชิกอาเซียนด้วยกัน
ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ บางครั้งก็ดีราบรื่น บางครั้งก็อยู่ในระยะที่มีปัญหา ถ้าเราไม่เข้าใจให้ดีในเรื่องนี้ ก็จะนำไปสู่ปัญหา ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้กับประเทศทั้ง 2 ได้ อย่างที่เราคิดไม่ถึง
อย่างที่เคยเกิดมาแล้ว ถ้าไปดูให้ดี แม้เมื่อศาลโลกพิพากษาแล้ว ก็ปรากฏว่ามีการรบกันตลอดชายแดนหลังปี 2505 จนกระทั่งครั้งหนึ่งกัมพูชาไปฟ้องคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติว่า ประเทศไทยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล
ฉะนั้นมิติเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ... ก็ต้องคิด
มิติด้านที่ 3 คือเรื่อง ความรักชาติ ชาตินิยม ซึ่งชาตินิยมเป็นสิ่งที่ดี (นะ) เป็นฐานของความเป็นชาติ มันไม่มีอะไรเสียหรอก แต่ถ้าเป็นความคลั่งชาติมันอันตราย เพราะเมื่อมีความคลั่งชาติแล้ว ความมีเหตุมีผลจะไม่มี เมื่อไม่มีเหตุผลก็นำไปสู่การใช้อารมณ์และความรุนแรง
นอกจากนี้บทเรียนอีกด้านหนึ่งซึ่งผมคิดว่าเป็นบทเรียนที่น่าสนใจมาก ก็คือ การดำเนินการของคนในประเทศไทย บางทีเรานึกว่า เป็นการดำเนินการที่รอบคอบแล้ว แต่เมื่อมาดูอีกทีหนึ่งมันอาจจะทำได้ดีกว่านั้น
ผมยกตัวอย่างง่ายๆ อันหนึ่งก็คือ การรับเขตอำนาจของศาลโลก
คือ ถ้าเราไม่ไปส่งจดหมายในฉบับสุดท้ายก่อนที่จะขึ้นศาล ยืนยันว่าเรายังรับรอง ศาลประจำยุติธรรมระหว่างประเทศซึ่งเลิกไปแล้ว เพราะเป็นศาลของสันนิบาตชาติ แต่เราไปส่งคำรับรองในวันที่ 20 พฤษภาคม ปี 2493 ภายหลังจากที่ศาลประจำยุติธรรมระหว่างประเทศถูกยุบไปในวันที่ 19 เมษายน 2489 มันเป็นความอะไรผมไม่รู้ แต่มันทำให้เราต้องยอมรับศาลโลก หรือแม้แต่เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่ถือปฏิบัติว่าจะต้องเอาเข้า ครม. เป็นวาระจรตลอด
มันทำให้คณะรัฐมนตรีอาจจะไม่ได้ดูเรื่องอย่างละเอียดลึกซึ้ง มีเวลาที่คิดเพียงพอ ฉะนั้นบทเรียนพวกนี้มันจึงเป็นบทเรียนนที่อาจจะต้องทบทวนกัน ว่าถ้าเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นในอนาคต จะเป็นยังไง
นั่นจึงเป็นที่มาของแรงดลใจว่า ควรที่จะมีเอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง เพื่อประโยชน์ในการศึกษาและทำความเข้าใจ ไม่ควร ที่จะปล่อยให้พูดกันเฉยๆ เพราะถ้าพูดกันเฉยๆ แล้วไม่มีเอกสารหลักฐาน ที่เป็นเอกสารชั้นต้น มานั่งดูกันจริงๆ จุดอ่อน มันมีเยอะมาก
ฉะนั้นจึงเป็นที่มาของการพยายามรวบรวมเอกสารทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น คำฟ้อง ซึ่งตอนหลังก็ตัดสินใจไม่เอาลง เพราะว่ามันหนามาก ไปจนกระทั่ง คำพิพากษาของศาลและความเห็นแย้ง และมติคณะรัฐมนตรีทั้งหมด ตั้งแต่ ปี 2501-จบคดี และรวบรวมอีกครั้งหนึ่ง ก็คือ เรื่องทั้งหมดที่เกี่ยวกับการขึ้น ทะเบียน ปราสาทพระวิหารที่เริ่มขึ้นใน ปี 2548
ซึ่งจะเห็นได้ว่าตั้งแต่ปี 2548-2551 จนกระทั่งศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย มันจำเป็นเหลือเกินที่ต้องรวบรวมไว้ทั้งหมด เพื่อการศึกษาอย่างแท้จริง ไม่ใช่ฟังมา แล้วไม่มีเอกสารหลักฐาน หรือใช้ความรู้สึก ไม่ได้ใช้ความรู้ การศึกษา
ผมเป็นห่วงว่า เราทำอะไรก็ตาม ถ้าไม่มีความรู้จริง ไม่มีการศึกษาที่แท้จริง มันจะนำไปสู่บทเรียนเหมือนคราวที่แล้ว ที่เราแพ้ในคดีพระวิหาร
- อาจารย์มองว่า ชาตินิยมอาจเป็นตัวท้าทายประชานิยม
ผมจะเขียนในความเห็นผมว่า ประเด็นชาตินิยมที่ผมบอกว่าเป็นเรื่องดี แต่เมื่อไหร่ที่ถูกปลุกจนกระทั่งกลายเป็นความคลั่งชาติ เพื่อประโยชน์ทางการเมืองบางประการ ผลกระทบมันจะแรง เราทำอะไรก็แล้วแต่ภายในประเทศก็อยู่ในประเทศเรา จะเปลี่ยนรัฐบาลยังไงก็ตาม
แต่เมื่อไรที่ก้าวออกไปกระทำการอะไรก็ตามที่ไปกระทบความเชื่อมั่นของประเทศในวงการระหว่างประเทศ ผลกระทบมันจะแรงถึงความน่าเชื่อถือของประเทศไทยของรัฐบาลไทย และอะไรอีกมากมายที่จะตามมา ฉะนั้นถึงบอกว่า ลองอ่านดูล่ะกัน มันก็เป็นการเมืองประเภทหนึ่ง
- แฉเอกสารลับที่สุดฯ จะวางแผงเมื่อไร
ผมเข้าใจว่าน่าจะราววันที่ 20 กรกฎาคม กว่าๆ
- ที่บอกว่า เอกสารลับที่ถูกสั่งเก็บจากคณะรัฐมนตรี หมายความว่าอย่างไร
เอกสารหลายชิ้นที่สรุปมาลง มันเป็นเอกสารซึ่งเขาเก็บจากที่ประชุม ครม. ซึ่งบางทีสาระสำคัญของเอกสารนั้นก็แสดงให้เห็นเช่นกัน และถ้าอ่านให้ดี คุณจะพบอะไรบางอย่างตรงกันข้ามกับที่เรารู้สึก
ยกตัวอย่าง เช่น เราฟังข้างนอกว่ากระทรวงการต่างประเทศเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ถ้าคุณไปอ่านเอกสารจริงๆ คุณอาจจะรู้สึกอีกแบบว่ากระทรวงการ ต่างประเทศ เขาก็พยายามทำในทรรศนะของเขาโดยเฉพาะข้าราชการ เขาทำอย่าง ดีที่สุดแล้ว
ส่วนหนึ่ง ผมเชื่อว่าข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ เขาได้ทำหน้าที่อย่างที่เขาควรจะได้ทำ แต่ว่าอาจจะเป็นเพราะว่ามันอาจจะเป็นที่เรื่องการเมือง อย่างนี้มันต้องพูดกันด้วยเอกสาร พูดกันด้วยวาจาไม่ได้
ฉะนั้นมติ ครม.ก็จะดูตั้งแต่รัฐบาลทักษิณถึงรัฐบาลสุรยุทธ์และมาจนถึงรัฐบาลสมัคร ซึ่งเอกสารก็จะเป็นสิ่งที่แสดงในตัวของมันเอง
ผมคิดว่า หนังสือเล่มนี้คนไทยทุกคนควรอ่าน ถ้าอยากรู้เรื่องนี้และไม่อยาก ตกเป็นคนซึ่งเชื่ออะไรง่ายๆ อ่านด้วยตาคุณเองดีกว่า
เป็นต้นว่า จริงรึเปล่า ประเทศไทยยังมีสิทธิในพื้นที่ใต้ปราสาทพระวิหาร ศาลโลกพิพากษาให้เฉพาะซากปราสาทแก่กัมพูชา จริงหรือเปล่า ซึ่งไม่มีใครตอบได้ จนกว่าคุณจะอ่านคำพิพากษาของศาลโลก
และถ้าคุณอยากอ่านคำพิพากษาของศาลโลก ตั้งแต่บรรทัดแรกๆ จนถึงบรรทัดสุดท้าย คุณก็จะรู้ว่าความจริงเป็นยังไง โดยคุณไม่ต้องไปฟังใครพูดว่าน่าเชื่อหรือไม่น่าเชื่อ เอกสารและคำพิพากษาก็จะบอกเองว่า มันคืออะไร
ที่มา:นสพ.ประชาชาติธุรกิจ ฉบับ วันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 32 ฉบับที่ 4019 (3219)หน้า 32
Love illusion ความรักลวงตา เพลงที่เข้ากับสังคมonline
Love illusion Version 2คนฟังเยอะ จนต้องมี Version2กันทีเดียว
Smiling to your birthday เพลงเพราะๆ ไว้ส่งอวยพรวันเกิด หรือร้องแทน happybirthday