แนวหน้า
นายพชร ยุติธรรมดำรง อัยการสูงสุด ยอมรับว่า กกต.ได้รวบรวมเอกสารหลักฐานต่างๆ เพื่อให้อัยการสูงสุดพิจารณาทำความเห็นเสนอศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคไทยรักไทยจริง แต่ทั้งนี้กกต.ไม่ได้มีมติชี้มูลความผิดมาว่า การกระทำที่เกิดขึ้นสมควรเสนอให้ยุบพรรคไทยรักไทย ซึ่งอัยการสูงสุดจะต้องไปพิจารณามาตรา 66 และ 67 ของพ.ร.บ.พรรคการเมืองก่อนว่ากกต. หรือนายทะเบียนพรรคการเมืองมีหน้าที่เพียงรวบรวมหลักฐาน หรือต้องมีมติชี้มูลมายังอัยการสูงสุด อย่างไรก็ตามขณะนี้ได้ตั้ง นายชัยเกษม นิติสิริ รองอัยการสูงสุด ขึ้นมาเป็นประธานคณะกรรมการ เพื่อตรวจสอบสำนวนเรื่องนี้ รวมทั้ง สำนวนหลักฐานการยุบพรรคการเมืองขนาดเล็กที่กกต.ส่งมาก่อนหน้านี้ ซึ่งยังไม่สามารถระบุได้ว่าต้องใช้ระยะเวลานานเท่าใด โดยจะมีการหารือในรายละเอียดกันอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ อย่างไรก็ตามความเห็นของอัยการสูงสุดก็ไม่จำเป็นเหมือนกับนายทะเบียนพรรคการเมือง แต่หากว่ามีความเห็นเหมือนนายทะเบียนก็สามารถส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคได้
นายพชร ยังกล่าวอีกว่า สำหรับคณะกรรมการที่มีชัยเกษมเป็นประธาน นั้นตนได้แต่งตั้งมาตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วให้พิจารณาเรื่องที่นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และคณะรักษาการสว. ยื่นเรื่องขอให้พิจารณายุบพรรคไทยรักไทยตามมาตรา 63 ของรัฐธรรมนูญและให้เวลาคณะกรรมการทำการตรวจสอบสำนวนให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน ดังนั้นก็จะส่งสำนวนที่กกต.ส่งมาให้กรรมการชุดนี้ไปพิจารณาพร้อมๆกัน อย่างไรก็ตามส่วนตัวเห็นว่าตามพรบ.พรรคการเมืองมาตรา 66และ67 นายทะเบียนพรรคการเมือง กกต.ควรจะมีมติชี้มูลความผิดมาก่อน ดังนั้นจึงจะทำหนังสือถึงกกต.เพื่อให้มีมติเรื่องดังกล่าวก่อนที่จะส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดพิจารณา แต่ทั้งนี้หากกกต.ไม่ยอมมีมติก็เห็นว่าอัยการสูงสุด มีอำนาจที่จะพิจารณาสำนวนเรื่องการยุบพรรคไทยรักไทยตามรัฐธรรมนูญ 63 วรรค 2 ที่ระบุว่าบุคคลจะใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ เพื่อล้มล้างการปกครองระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขเพื่อให้ได้อำนาจในการปกครองประเทศที่ไม่ได้เป็นไปตามวิถีทางทิ่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนุญมิได้ กรณีที่บุคคลหรือพรรคการเมืองใดกระทำการดังกล่าว ผู้รู้เห็นการกระทำดังกล่าวย่อมมีสิทธิเสนอให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริงและยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยส่งยุบพรรคได้