3 กกต.:ที่สุดความเลวร้าย..ผลพวงระบอบทักษิณ

กรุงเทพธุรกิจ

5 มิถุนายน 2549 13:55 น.
นับตั้งแต่ฝ่ายตุลาการอันได้แก่ ศาลฎีกา ศาลปกครอง และศาลรัฐธรรมนูญ ได้น้อมรับกระแสพระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา

อันเกี่ยวข้องกับปัญหาการเมืองและการเลือกตั้งที่มีความไม่ปกติหลายอย่างจนทำให้ประเทศผิดเพี้ยนไปจากระบอบประชาธิปไตย โดยฝ่ายตุลาการได้ถือเป็นภารกิจเร่งด่วนอันสำคัญยิ่งต่อการใช้อำนาจตุลาการเพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์การเมืองไทยให้กลับคืนมาสู่สังคมแห่งคุณธรรมและนิติธรรม แต่ดูเหมือนว่าภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์ของฝ่ายตุลาการ กำลังถูกขัดขวางจากเครือข่าย "ระบอบทักษิณ"

"ระบอบทักษิณ" เป็นการบัญญัติศัพท์เพื่อเรียกขาน ขยายความ และอธิบายสภาพความเลวร้ายของสังคมไทยในยุครัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ช่วงเดือนมกราคมปี 2544 - ปัจจุบัน ที่เป็นยุคสังคมไร้คุณธรรมที่เกิดมาจากประโยคอมตะของ พ.ต.ท.ทักษิณ ต่อศาลรัฐธรรมนูญ ว่า การซุกหุ้นเป็น "ความบกพร่องโดยสุจริต" ที่ไม่สมควรเป็นความผิด จนต้องถูกถอดถอนจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แล้วขอโอกาสในการทำงานเพื่อประเทศชาติจากคะแนนเสียงของประชาชนที่เลือกมากว่า 19 ล้านเสียง

ประโยคนี้ได้กลายเป็นรากฐานการสถาปนาวัฒนธรรมการทำงานแบบ "คิดใหม่-ทำใหม่" ของพ.ต.ท.ทักษิณที่พยายามสร้างค่านิยมใหม่ของสังคมว่า "โกงบ้างแต่ทำงานเก่ง" ดีกว่า "ไม่โกงแต่ทำงานไม่เป็น" ข้าราชการระดับสูงจำนวนมากจึงอ้างตาม พ.ต.ท.ทักษิณว่า "บกพร่องโดยสุจริต" และ "คิดใหม่-ทำใหม่" เพื่อขับเคลื่อนให้งานราชการเดินไปเร็วกว่าเดิม โดยไม่ใส่ใจระเบียบปฏิบัติ ความถูกต้องและรอบคอบในฐานะเจ้าพนักงานของรัฐ ข้าราชการในยุคทักษิณส่วนใหญ่จึงขาดความกล้าหาญและไม่รักศักดิ์ศรีของ "ข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" ยินยอมและรู้เห็นเป็นใจกับการใช้อำนาจรัฐอย่างไม่ถูกต้องของ พ.ต.ท.ทักษิณ คณะรัฐมนตรีและญาติพี่น้องที่แห่แหนกันรุมทึ้งงบประมาณของประเทศ เพื่อผลประโยชน์ของพวกพ้องในสัดส่วนสูงมากอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ในขณะที่ กกต.ชุดปัจจุบันที่เหลือ 3 คน และฝ่ายกฎหมายพรรคไทยรักไทยยังประสานเสียงวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของศาลอย่างไม่เกรงกลัวต่อการละเมิดอำนาจศาล แม้ว่าศาลฎีกา ศาลรัฐธรรมนูญ และศาลปกครอง ได้วินิจฉัยอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่ต้องตีความใดๆ ว่า กกต.ชุดนี้บกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่อย่างร้ายแรง จนเกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงกับประเทศในการจัดการเลือกตั้งที่ไม่สุจริตและไม่เที่ยงธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งบันทึกของที่ประชุมใหญ่คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ที่ส่งถึงนายสุชน ชาลีเครือ รักษาการประธานวุฒิสภาเพื่อไม่สรรหากรรมการ กกต. 2 คนที่เสียชีวิตและลาออก

ซึ่งระบุอย่างชัดเจนว่า กกต.ชุดนี้ไม่มีความเป็นกลางและจัดการเลือกตั้งโดยไม่สุจริตและเที่ยงธรรม จึงขาดคุณสมบัติในการเป็น กกต. แต่ กกต.ชุดนี้กลับอ้างเช่นเดียวกับประโยค "บกพร่องโดยสุจริต" ไม่ยอมรับผิดและไม่แสดงความรับผิดชอบด้วยการอ้างว่าจะต้องอยู่สะสางงานในความรับผิดชอบ จึงเป็นการปิดกั้นกระบวนการสรรหา กกต.ของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 138 (2) และ (3) ให้เดินหน้าต่อไปได้

กกต.ชุดนี้ที่เหลือ 3 คน จึงเป็นที่สุดแห่งความเลวร้ายขององค์กรอิสระจากการหยั่งรากลึกของระบอบทักษิณ ที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นต้นแบบของการไม่มีธรรมาภิบาลใดๆ ในการบริหารประเทศเลย ไม่มีความโปร่งใส ขาดสำนึกในการรับผิดต่อการกระทำ ไม่มีความน่าเชื่อถือในการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ ไม่มีความรับผิดชอบต่อความเสียหายจากการตัดสินใจเร็วแล้วผิดพลาด ไม่มีกระบวนการสร้างการมีส่วนร่วมของสังคม ไม่ใส่ใจต่อความขัดแย้งในผลประโยชน์ส่วนตนกับส่วนรวม การใช้อำนาจอย่างไม่สุจริตและไม่เที่ยงธรรม ฯลฯ

จึงขอสนับสนุนการใช้อำนาจของฝ่ายตุลาการทั้ง 3 ศาลที่ยังเป็น "เสาหลัก" ในสังคมไทยที่ไว้วางใจได้ว่า ยึดมั่นในผลประโยชน์ของประเทศชาติโดยไม่มีผลประโยชน์ส่วนตัวใดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวินิจฉัยของศาลฎีกาว่า กกต.ชุดนี้ขาดคุณสมบัติในการปฏิบัติหน้าที่อันสำคัญยิ่งต่อระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข จึงไม่สมควรแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียวในการทำหน้าที่นี้และสมควรอย่างยิ่งที่จะต้องถูกลงโทษทางอาญา เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างของการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบขององค์กรอิสระที่ยินยอมอยู่ภายใต้การบงการของระบอบทักษิณ อำนาจฝ่ายตุลาการจึงเป็นอำนาจเดียวในสังคมไทยที่เป็นความหวังในการทำลายความเลวร้ายจาก "ระบอบทักษิณ" เพื่อให้สังคมไทยพ้นจากการครอบงำของวลีชั่วร้ายแห่งศตวรรษ "บกพร่องโดยสุจริต"

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์