อภิสิทธิ์แฉหลักฐานมัดนพดลบิดเบือนกรณีพระวิหาร

“อภิสิทธิ์”แฉหลักฐานมัด“นพดล”บิดเบือน กรณีปราสาทพระวิหาร ไม่ชอบมาพากลพบพิรุธหลายข้อ ผูกมัดประเทศ มีท่าทีไม่ชัดเจนว่าคัดค้านจริงจังแค่ไหน แนะบอกความจริงกับประชาชน อย่าโยนความผิดให้คนอื่นหรือเสนอข้อมูลที่ขัดแย้งกับสมุดปกขาวที่กระทรวงทำเผยแพร่


(5ก.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า

นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ ไปให้ถ้อยคำกับศาลรัฐธรรมนูญและให้สัมภาษณ์หลายโอกาส เกี่ยวกับบทบาทของตัวเองในเรื่องปราสาทพระวิหาร ซึ่งตนและพรรคประชาธิปัตย์ได้ตรวจสอบแล้วพบว่า มีข้อบิดเบือนหลายประการและฟ้องถึงความไม่ชอบมาพากลและข้อพิรุธที่เพิ่มขึ้นจากเดิม ซึ่งได้มีการอ้างอิงว่าในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกที่เมืองไครเชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์เมื่อปีที่แล้วได้มีการตกลงกันไปเรียบร้อยที่จะให้กัมพูชา ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกเพียงฝ่ายเดียว


ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวว่า
 
มติของที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกหากอ่านให้ครบถ้วนจะปรากฎคำที่บอกว่าทั้งสองประเทศได้ตกลงกันที่จะให้กัมพูชาเป็นผู้เสนอ แต่มีเงื่อนไขว่าต้องมีการสนับสนุนจากฝ่ายไทยอย่างชัดเจน โจ่งแจ้ง(Active Support)เพราะฉะนั้นมตินี้ไม่ได้เป็นที่พึงพอใจ 100 %จากฝ่ายไทย แต่ฝ่ายไทยถือว่าเป็นความสำเร็จระดับหนึ่งที่สามารถชะลอเรื่องนี้มาได้และยังได้มีการกำหนดเงื่อนไขเอาไว้ว่าการดำเนินการต่อไปจะต้องมีประเทศไทยให้การสนับสนุน โดยตนได้อ้างอิงจากสมุดปกขาวที่กระทรวงต่างประเทศทำออกมา


นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า

หลังจากนั้นระดับเจ้าหน้าที่มีปัญหามาตลอด เพราะช่วงม.ค.ที่ผ่านมาได้มีการส่งผู้เชี่ยวชาญหรือนักวิชาการของไทย ไปร่วมทำเอกสารหรือรายงานที่กัมพูชาจะต้องส่งคณะกรรมการมรดกโลก หลังจากที่ได้เข้าไปทำงานระยะหนึ่งเห็นได้ชัดว่าความเห็นต่าง ๆ ในฝ่ายไทยจะไม่ได้รับการรับฟัง ผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการกลุ่มดังกล่าวจึงประกาศแยกตัวออกมา เหตุผลที่ทำอย่างนั้นก็เพื่อให้การอ้างอิงใด ๆ ของกัมพูชาจะไม่เป็นไปตามมติ ของคณะกรรมการมรดกโลกที่เมืองไครเชิร์ช เพราะถือว่าประเทศไทยจะไม่สนับสนุนอย่างชัดแจ้ง ซึ่งกัมพูชาก็พยายามหาทางให้ไทยไปสนับสนุน โดยเมื่อวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมาได้มีการเชิญฝ่ายไทยไปที่กรุงปารีส ยูเนสโก เพื่อปรึกษาเรื่องนี้อีก ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าไม่ไป


“ผมมีรายงานของสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.)ชัดเจน ซึ่งสาเหตุที่ไม่ไปเพราะการไปก็เป็นเพียงเพื่อรับรองให้รายงานของฝ่ายกัมพูชาสมบูรณ์เท่านั้น เราก็จะเห็นว่าท่าทีคัดค้านก็เป็นมาอย่างต่อเนื่อง วันที่ 10 เม.ย.ก็ยังมีหนังสือประท้วงออกไปจากกระทรวงการต่างประเทศ เพราะฉะนั้นข้ออ้างที่บอกว่า เรื่องนี้มันจบมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรีจึงไม่เป็นความจริง แต่ก็มาสะดุดอยู่ว่าเหตุผลอะไรที่ยูเนสโกตอบหนังสือทักท้วงของส.ว.ว่า รมว.ต่างประเทศได้ไปลงนามในเอกสารฉบับหนึ่งเมื่อวันที่ 22 พ.ค. ซึ่งก็คือการลงนามในแถลงการณ์ร่วมที่มีมติครม.วันที่ 17 มิ.ย.และมาเซ็นเต็มที่เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ผมได้ไปพบข้อเท็จจริงว่าวันที่ 22 พ.ค.มีความสำคัญมาก”นายอภิสิทธิ์ กล่าว


หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า
 
จากการตรวจสอบข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการขึ้นทะเบียนมรดกโลก โดยได้กำหนดเป็นตารางเวลาไว้ชัดเจนว่าขั้นตอนต่าง ๆ จะต้องทำอย่างไร ซึ่งประเทศที่ต้องการขึ้นทะเบียนในที่นี้คือกัมพูชา ต้องส่งเอกสารไปยังองค์กรที่ปรึกษา เพื่อสรุปเอกสารทั้งหมดเข้าสู่การประชุม ตั้งแต่เดือนก.พ.ดังนั้นจนถึงก.พ.กัมพูชาจะไม่สามารถอ้างได้เลยว่าประเทศไทยให้การสนับสนุน เพราะมีการแยกตัวในการทำรายงานทางวิชาการ ที่น่าสนใจก็คือเส้นตายเส้นสุดท้ายเกี่ยวกับการนำเอกสารเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ซึ่งเป็นการรวบรวมโดยองค์กรที่ปรึกษา ตามข้อบังคับของกรรมการมรดกโลกก็คือ 6 สัปดาห์ก่อนที่ประชุม ถ้าการประชุมที่ทราบกันดีว่าเริ่มต้นวันที่ 2 ก.ค.


ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวว่า
 
ลองนับถอยหลังไป 6 สัปดาห์ จะพบว่าวันสุดท้ายที่จะสามารถรวบรวมเอกสารเสนอเข้าสู่ที่ประชุมได้ก็คือวันที่ 22 พ.ค. เพราะฉะนั้นการที่นายนพดลได้เดินทางไปลงนามเป็นอักษรย่อ เมื่อวันนั้นเป็นเอกสารเดียวที่จะทำให้กัมพูชานำไปอ้างอิงในการประชุม เนื่องจากคณะขององค์กรที่ปรึกษาก็จะรวบรวมเอกสารไปยืนยันว่าประเทศไทยให้การสนับสนุน


“ผมไม่ทราบว่าการที่ไปลงนามในวันที่ 22 พ.ค.ได้แรงบันดาลใจจากที่ไปเปิดถนนที่เกาะกงเมื่อวันที่ 24 พ.ค.หรือไม่ มีอะไรแลกเปลี่ยนหรือไม่ แต่สิ่งมันผิดปกติก็คือว่ามีความจำเป็นอะไรที่ทางฝ่ายไทยจะต้องไปลงนามผูกมัดตัวเองในระดับหนึ่ง เพียงพอที่จะให้การนำเสนอเอกสารเข้าสู่ที่ประชุมของฝ่ายกัมพูชาเกิดความสมบูรณ์ทั้ง ๆ ที่ยังไม่มีมติครม.และสาระของเอกสารในวันที่ 22 พ.ค.เป็นสาระเดียวกัน โดยที่นายนพดลยังไม่ได้ให้มีการตรวจสอบแผนที่และการกำหนดพื้นที่ต่างๆเลย


นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า

ดังนั้นรมว.ต่างประเทศควรจะต้องบอกความจริงให้กับประชาชนทราบ ไม่ควรไปโยนความผิดไปให้คนอื่นหรือเสนอข้อมูลที่ขัดแย้งกับสมุดปกขาวที่กระทรวงทำออกมาเผยแพร่ เพราะเอกสารฉบับนี้จะเป็นส่วนสำคัญที่คณะกรรมการมรดกโลกจะตัดสินว่าจะยอมรับข้อเสนอของกัมพูชาหรือไม่ จึงเป็นความรับผิดชอบของนายนพดลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย ถ้าไม่สามารถระงับยับยั้งการขึ้นทะเบียนฝ่ายเดียวของกัมพูชาได้ ความจริงได้เสนอมาตั้งแต่แรกว่าให้เปลี่ยนตัวรมว.ต่างประเทศเร็วที่สุด แต่นายกฯก็ไม่ทำ ดังนั้นนายกฯก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย ซึ่งถ้าผมเป็นนายกฯก็ปรับไปนานแล้ว”นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเดินทางไปลงนามทุกครั้ง ครม.ได้รับทราบทุกขั้นตอนจะต้องร่วมรับผิดชอบด้วยหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า

ตนยังไม่เห็นการมอบหมายอย่างชัดเจน ทราบแต่ว่ามีความพยายามจะเสนอแถลงการณ์ร่วม เพราะหลังจากวันที่ 22 พ.ค.แล้วเอกสารอื่นก็จะไม่สามารถเข้าไปอยู่ในแฟ้มของคณะกรรมการมรดกโลกได้ ตนไม่ทราบว่าครม.ได้รับทราบทุกครั้งหรือไม่ก็จะไปตรวจสอบในประเด็นนี้ แต่อย่าลืมว่านายนพดลได้อ้างว่าวันที่ 22 พ.ค.ต้องมารอให้ครม.รับรองในภายหลัง ซึ่งก็หมายความว่าตอนที่ทำไปครม.ยังไม่ได้อนุมัติให้ไปทำเช่นนั้น


ผู้สื่อข่าวถามว่า การอ้างเรื่องผลประโยชน์ที่ทำให้นายนพดลต้องทำอย่างนั้น มีเหตุผลอะไรที่ต้องทำเพราะนายนพดลไม่ใช่เป็นผู้ได้ แต่ผู้ที่ได้ผลประโยชน์เป็นคนอื่น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า

ได้มีคนที่ตั้งข้อสังเกตมาโดยตลอดในเรื่องของโครงการการลงทุนในกัมพูชา ที่เริ่มมาตั้งแต่สมัยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งการสร้างแหล่งท่องเที่ยว ศูนย์ความบันเทิงครบวงจร ซึ่งความจริงแล้วในส่วนที่เป็นการช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านเราไม่ได้มีปัญหา
แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าอดีตนายกฯมีความสนใจและยอมรับเองว่าจะเป็นผู้รวบรวมคนเข้าไปลงทุนในกัมพูชา เราก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่ารมว.ต่างประเทศกับอดีตนายกฯมีความสัมพันธ์กันอย่างไร
 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมนายนพดลต้องเอาตัวเองเข้าไปแลกกับผลประโยชน์ของคนอื่น ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวว่า
 
รัฐมนตรีอาจจะคิดว่าคนจะไม่สามารถเอาข้อมูลเหล่านี้ออกมาได้และคิดว่าจะสามารถชี้แจงกลบเกลื่อนไปได้ แต่ยุคนี้ต้องบอกว่าทุกอย่างต้องโปร่งใสสุดท้ายข้อมูลหลายอย่างก็ปกปิดไม่ได้ ซึ่งก่อนหน้านี้เราก็ไม่ได้คิดเหมือนกัน


ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าเรื่องนี้จะลงเอยอย่างไร หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า
 
เรากังวลมากว่าในการประชุมวันสองวันนี้ ฝ่ายไทยจะทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหนเพราะว่าการกระทำของรมว.ต่างประเทศหลายเรื่อง ถลำลึกลงไปในแง่ของการผูกมัดประเทศ แม้ว่าจะมีคำสั่งศาล หรือพัฒนาการด้านอื่นที่ภาคประชาชนและฝ่ายค้านเสนอไป นอกจากนั้นยังไม่ชัดเจนท่าทีของรมว.ต่างประเทศว่าได้มีการคัดค้านจริงจังแค่ไหน เพราะความจริงรมว.ต่างประเทศ ก็ไม่ใช่เป็นคนจะเป็นตัวแทนเข้าประชุมคณะกรรมการมรดกโลกอยู่แล้ว แต่เป็นหน้าที่ของนายปองพล อดิเรกสาร
อย่างไรก็ตามอยากเห็นรมต.หนักแน่นในการชี้แจง ถ้าชี้แจงเพียงเพื่อแก้ตัวก็เท่ากับเป็นการลดน้ำหนักของประเทศ


ผู้สื่อข่าวถามว่า นายนพดลระบุว่า ตอนนี้ทำงานยากเพราะกัมพูชาอยู่ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า
 
เป็นหน้าที่ของนายนพดลที่จะต้องไปลอบบี้ และก่อนหน้านี้ทางกระทรวงก็ทำ แต่ขณะที่รัฐมนตรีมุ่งหน้าที่จะไปให้การสนับสนุน ถึงไม้ว่ารมต.จะไม่ได้ทำอะไรเลยก็เป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศที่จะต้องลอบบี้เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศ แต่วันนี้จะมาบอกว่ากัมพูชาลอบบี้เก่งกว่าก็เพราะเขาเอกสารของท่านไปอ้าง เพราะฉะนั้นความรับผิดชอบอยู่ที่รมว.ต่างประเทศและต้องแสดงความสามารถว่าสิ่งที่ท่านไปลงนามไว้ก็ต้องไปบอกว่าใช้ไม่ได้เพราะอะไร

ส่วนความเป็นไปได้ที่คณะกรรมการมรดกโลกจะพิจารณาหรือเลื่อนการพิจารณาออกไปนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า

ยังหวังว่าคณะกรรมการจะคำนึงถึงวัตถุประสงค์ที่แท้จริงในการขึ้นทะเบียนก็คือการอนุรักษ์และการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ถ้ายึดแต่เพียงเอกสารที่กัมพูชาเสนอไปเราก็จะลำบาก
 

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญออกมาว่า

ขัดกับมาตรา 190 ครม.จะต้องรับผิดชอบทั้งคณะหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ ตอบว่า อยู่ที่ครม.เพราะไม่ได้มีมาตราไหนบังคับ ซึ่งในส่วนของพรรคก็ต้องดูคำวินิจฉัย ถ้าเข้าข่ายจงใจฝ่าฝืนก็จะเข้าสู่เงื่อนไขการถอดถอนได้


สำหรับการลงพื้นที่ตรวจดูบริเวณปราสาทเขาพระวิหารในวันที่ 10 ก.ค.นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า
 
เราจะไปดูสภาพปัญหาในพื้นที่ให้ชัดเจนขึ้นเพราะไม่ว่าเรื่องนี้จะลงเอยอย่างไรประเด็นปัญหาที่จะต้องบริหารจัดการพื้นที่เราก็เห็นว่าเป็นของเรา เขาก็เห็นว่าคือของเขา ก็จะเป็นปัญหาต่อเนื่อง จึงไม่อยากให้ความสัมพันธ์ในพื้นที่ไม่ดี


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์