วันที่ 1 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจของนายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ ในการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ระหว่าง 30 มิ.ย. - 3 ก.ย.
นายกฯ เดินทางไปพบชุมชนไทยในปักกิ่ง ที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปักกิ่ง จากนั้นให้สัมภาษณ์ว่า ได้เล่าให้คนไทยในปักกิ่งฟังถึงสถานการณ์การเมืองไทย ตั้งแต่เหตุการณ์ก่อนการรัฐประหาร จนถึงการบริหารประเทศมาได้ 4 เดือน ซึ่งการบริหารงานไม่ราบรื่น เพราะเรื่องไปจบโดยไม่มีเหตุผล และจะลากนักการเมืองอย่างตนเข้าไปพัวพันกับนักการเมืองเก่า ครั้งที่แล้วกลุ่มพันธมิตรฯ ชุมนุมกดดันรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้สำเร็จ ทหารออกมาปฏิวัติ แต่ครั้งนี้ปราศรัยโจมตีรัฐบาลมาเป็นเดือน ทหารไม่ออกมาปฏิวัติ เพราะตนไม่มีปัญหากับทหาร พูดจากับทหารเข้าใจ สถานการณ์บ้านเมืองไม่มีอะไร ยังมีการชุมนุมขับไล่รัฐบาล แต่ไม่สำเร็จ เพราะรัฐบาลประคับประคองให้อยู่ได้ และจากที่เดินทางไปเยือนประเทศต่างๆ ทุกประเทศมีไมตรีต่อประเทศไทย
นายกฯ กล่าวถึง พล.อ.เหลียง กวงเลี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจีน เข้าเยี่ยมคารวะว่า ทั้ง 2 ฝ่ายย้ำถึงความร่วมมือในการพัฒนาด้านความมั่นคง ที่จะเป็นประโยชน์กับทั้ง 2 ประเทศ
ตนขอบคุณทางการจีนที่ถ่ายทอดเทคโนโลยีดินขับระเบิด ซึ่งเป็นการพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพที่มีอานุภาพยิงไกลได้ถึง 180 กิโลเมตร ให้กับกองทัพบก และต้องการให้ถ่ายทอดไปยังกองทัพเรือและกองทัพอากาศ รวมทั้งการแลกเปลี่ยนบุคลากร การฝึกร่วมกองกำลังผสม ซึ่งเป็นสิ่งที่เห็นได้เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน
ช่วงบ่าย ศาสตราจารย์ชุย ซี เลี่ยง อธิการบดีมหาวิทยาลัยภาษาและวัฒนธรรมปักกิ่ง มอบตำแหน่งศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์ให้กับนายกฯ
โอกาสนี้นายกฯ กล่าวว่า "ถ้ามีโอกาสได้สอนหนังสือ จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด สมกับที่ได้รับปริญญาบัตรนี้ ประเทศไทยผูกพันกับประเทศจีนมานานกว่า 600 ปี ผมเป็นลูกหลานคนจีน แซ่หลี่ ต้นตระกูลพูดภาษาแต้จิ๋ว มีฮวงซุ้ยอยู่ที่จ.จันทบุรี ดังนั้นขอให้ถือว่าผมไม่ใช่คนแปลกหน้า และถ้ามีโอกาสได้สอนหนังสือ จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด สมกับที่ได้รับปริญญาบัตรนี้"