เมื่อวันที่ 1 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้ากลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ปักหลักชุมนุมอยู่ด้านข้างทำเนียบรัฐบาล ยังคงเปิดเวทีปราศรัยและเล่นดนตรีกันอย่างต่อเนื่อง
กระทั่งเวลา 06.30 น. จึงเริ่มรื้อถอนเต็นท์ที่ตั้งอยู่บนถนนหน้าโรงเรียนราช วินิตมัธยม และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตพณิชยการพระนครออกไป ตามคำสั่งศาลแพ่ง ที่ให้เปิดเส้นทางการจราจรถนนพระราม 5 และถนนพิษณุโลก และงดใช้เครื่องขยายเสียงตั้งแต่เวลา 07.30-16.30 น.วันจันทร์ถึงวันศุกร์ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของครูนักเรียนและประชาชนในย่านดังกล่าว แต่ตัวเวทีปราศรัยยังคงตั้งอยู่ตามเดิม แต่งดใช้เครื่องขยายเสียงตามคำสั่งศาลเช่นกัน
ภายหลังเปิดเส้นทางจราจรบนถนนดังกล่าว ปรากฏว่าการจราจรเริ่มคล่องตัวขึ้นเล็กน้อย
ขณะที่นักเรียนโรงเรียนราชวินิตมัธยม และวิทยาเขตพณิชยการพระ นคร ทยอยเดินทางมาเรียนตั้งแต่ช่วงเวลา 06.00 น. เนื่องจากยังไม่แน่ใจว่ากลุ่มพันธมิตรฯ จะยอมเปิดถนน นอกจากนี้กลุ่มพันธมิตรฯ ใช้แผงเหล็กและเชือกกั้นตลอดแนวริมถนนพระราม 5 ด้านข้างทำเนียบ รัฐบาลระยะยาวกว่า 200 เมตร โดยให้ประชาชนที่สัญจรผ่านบริเวณดังกล่าวเดินอยู่ในแนวเชือก เพื่อป้องกันอันตรายจากรถภายหลังเปิดการจราจร
เวลา 09.30 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ ขึ้นเวทีขอร้องตำรวจอย่ารื้อถอนเวทีปรา ศรัยและเต็นท์ของผู้ชุมนุม เพราะจะไปยื่นอุทธรณ์ ต่อศาลเวลา 10.00 น. หากรื้อถอนเวทีถือว่าทำลายทรัพย์สิน
จากนั้นเวลา 10.00 น. พล.ต.จำลองพร้อมด้วยนายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯ เดินทางไปถึงศาลแพ่งเพื่อยื่นคำร้องไต่สวนฉุกเฉินขอเพิกถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลแพ่ง ที่ให้กลุ่มพันธมิตรฯ เปิดถนนพระราม 5 และถนนพิษณุโลก รวมทั้งงดใช้เครื่องขยายเสียงช่วงเวลา 07.30-16.30 น. รวมทั้งนำพยานเข้าไต่สวนเพื่อให้เห็นความจำเป็นในการชุมนุม โดยอ้างรัฐธรรมนูญ มาตรา 63 เกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพการชุมนุมโดยปราศจากอาวุธ ทั้งนี้มีประชาชนมาให้กำลังใจกว่า 50 คน
พล.ต.จำลองให้สัมภาษณ์สั้นๆ ว่า ขอให้ไปสัมภาษณ์นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความพันธมิตรฯ
ทั้ง นี้เวลาเดียวกันนี้น.ส.ชลนที ชูเชิด กลุ่มผู้สนับสนุนนำเงิน 1 หมื่นบาทมามอบให้กับแกนนำพันธมิตรฯ เพื่อใช้สู้คดี ซึ่งศาลแพ่งกำหนดพิจารณาคำร้องวันนี้