ไทยรัฐ
ความเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์ วันที่ 3 มิ.ย. นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกสำนักการเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งของพรรคว่า ได้วางตัวผู้สมัคร ส.ส.ในพื้นที่ภาคใต้เกือบครบทุกเขตแล้ว ขาดเพียงเขต 1 จ.นครศรีธรรมราช และเขต 6 จ.สงขลา เนื่องจากเจ้าของพื้นที่เดิมคือนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ และนายถาวร เสนเนียม แสดงความจำนงลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ดังนั้น ต้องหาคนลงสมัครแทน ส่วนพื้นที่เลือกตั้งภาคอื่นนั้น ภาคกลางได้อนุมัติไปแล้ว 40 เขต สำหรับภาคเหนือและภาคอีสานจะมีการประชุมพิจารณาในวันที่ 8 มิ.ย. ส่วนพื้นที่ กทม. ได้เตรียมคนครบหมดทุกเขตแล้ว กำลังจัดให้เหมาะสมกับเขตเลือกตั้ง ยอมรับว่าในพื้นที่ กทม. ทางพรรคเป็นห่วงเกมการเมืองของพรรคไทยรักไทย ที่อาจมีการใช้อำนาจรัฐแทรกแซงการทำงานของกรมชลประทาน โดยให้ปล่อยน้ำเกินปริมาณ ทำให้ กทม. เกิดน้ำท่วมฉับพลัน อาจทำให้พรรคประชาธิปัตย์เสียคะแนนเสียงได้ พรรคจึงเฝ้าระวังในเรื่องนี้มาก ขอเตือนพรรคไทยรักไทยไม่ควรเล่นเกมการเมืองจนทำให้ประชาชนเดือดร้อน
จี้ ปริญญา นำทีมไขก๊อก
นายเทพไทยังได้กล่าวถึงกรณีศาลฎีกาให้เหตุผลที่ไม่เลือกบุคคลไปดำรงตำแหน่ง กกต. ที่ว่างอยู่เพราะ กกต.ชุดปัจจุบันขาดความชอบธรรมในการปฏิบัติหน้าที่ต่อไปว่า จากเหตุผลดังกล่าวของศาลฎีกา ขอเรียกร้องให้ กกต. 3 คนลาออกได้แล้ว โดยเฉพาะนายปริญญา นาคฉัตรีย์ ที่เคยประกาศอย่างภาคภูมิใจว่าได้รับคัดเลือกจากสายศาลฎีกาให้มาเป็น กกต. ดังนั้น เมื่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเห็นว่า กกต. กระทำขัดรัฐธรรมนูญ นายปริญญาควรมีความสำนึกก่อนที่พรรคพวกที่รักและเคารพจะมีความรู้สึกที่ไม่ดีมากขึ้น อย่าอยู่เพื่อปกป้องพรรคไทยรักไทยและ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคไทยรักไทย อีกเลย กกต.ทั้ง 3 คน อย่าทิ้งทวนด้วยการสรุปสำนวนเรื่องพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้ง เพราะสังคมจะไม่ยอมรับ ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ กกต.ชุดใหม่ดีกว่า
อ่อยเหยื่อยุคน ทรท.ย้ายรัง
นายเทพไทกล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่พรรคไทยรักไทยออกมาอุ้ม กกต. ชี้ให้เห็นชัดเจนว่า กกต. และพรรค ไทยรักไทยเป็นองค์กรเดียวกัน อีกทั้งพรรคไทยรักไทยหวั่นไหวกลัวถูกยุบพรรคถ้า กกต.ชุดนี้ลาออกไป ดังนั้นขอเรียกร้องสมาชิกพรรคไทยรักไทยที่เป็นน้ำดีมีอุดมการณ์ให้รีบลาออกก่อนที่พรรคจะถูกยุบ ถ้ากลับเนื้อกลับใจตอนนี้ พรรคประชาธิปัตย์ยินดีรับคนเหล่านี้เข้าพรรค ยกเว้นพวกวังน้ำลายที่ไม่ขอรับเข้าพรรคเด็ดขาด
อภิรักษ์ นัด มท.1 ถกรถดับเพลิง
ทางด้านความคืบหน้าในการแก้ปัญหาการฮั้วประมูลโครงการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของ กทม. หลังจากคณะกรรมการตรวจสอบสัญญาตามโครงการพัฒนาระบบบริหารและเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของ กทม. สรุปผลสอบว่าการจัดซื้อดังกล่าวมีราคาแพงเกินจริง และผู้เกี่ยวข้องเป็นบุคคลระดับสูงนั้น นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยว่า ได้รายงานผลการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว ในวันที่ 5 มิ.ย. นี้จะทำหนังสือถึง พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา รมว.มหาดไทย เพื่อนัดหารือและรายงานผลการสอบสวนดังกล่าวให้ทราบ ในฐานะที่กระบวนการจัดซื้อทั้งหมดมีความผูกพันโดยตรงในระดับรัฐบาล เพราะมีการเซ็นลงนามข้อตกลงความเข้าใจ (A.O.U.) ซึ่งกระทรวงมหาดไทยเป็นต้นเรื่อง นอกจากนี้จะส่งรายงานผลการสอบสวนทั้งหมดให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ร่วมพิจารณาด้วย
โยนมหาดไทย-รัฐบาลยกเลิกสัญญา
นายอภิรักษ์กล่าวว่า สาเหตุที่การจัดซื้อแพงเกินจริงอาจเป็นเพราะมีเงื่อนไข 2-3 เรื่องเข้ามาเกี่ยวข้องเช่น บริษัทสไตเออร์ฯให้ กทม. สามารถผ่อนชำระเป็นงวดๆได้ อีกทั้งยังมีความผูกพันเรื่องการค้าต่างตอบแทน ส่วนราคาจะแพงเกินจริงมากน้อยแค่ไหน คงต้องพิสูจน์กันต่อไป สำหรับการยกเลิกสัญญานั้น ต้องหารือในระดับนโยบายกับ รมว.มหาดไทยก่อน เท่าที่ทราบคณะกรรมการฯ ระบุว่าเป็นหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยกับรัฐบาล ขณะเดียวกัน กทม.คงต้องหารือกับบริษัทสไตเออร์ฯด้วย เนื่องจากในท้ายสัญญาระบุว่าถ้ามีข้อโต้แย้งคู่สัญญาจะต้องเจรจาตกลงกัน หากไม่สามารถหาข้อยุติได้ค่อยให้คณะอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศเป็นผู้ตัดสิน