สมัคร จี้แพทยสภาสอบจรรยาแพทย์ มาลินี

นายสมัครกล่าวถึงกรณี พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายนายกฯ เป็นผู้ที่มีความไม่ปกติทางจิต บกพร่องทางวาจาและสติ

ในช่วงที่เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า อยากบอกว่าที่ผิดปกติคือตั้งแต่เปิดสภาฯ ก็มีหมอจำนวนมากอยู่ในสภาฯ เพิ่งจะมีคราวนี้ที่หมอมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง คิดว่าเธอทำหน้าที่ถูกต้องที่ไปวินิจฉัยโรคคนไข้กลางสภาฯ ตนต้องต่อว่าสภาฯ ที่เลี้ยงน้ำแดงกับขนมเค้ก จะบอกว่าอายุมากแล้วไม่เอาได้อย่างไร มันเสียน้ำใจคน จะกินหรือไม่กินก็เรื่องของใคร ไม่คาดคิดเลยว่าถูกจับจ้องวิพากษ์วิจารณ์ ฟังดูก็แปลกดี ในทางการเมืองไม่คาดคิดเลยว่าวิชาชีพหนึ่งจะไปวิจารณ์วิชาชีพหนึ่ง ต้องฝากแพทยสภาช่วยดูเรื่องใบประกอบโรคศิลปะด้วย การที่เป็นหมอวิพากษ์วิจารณ์วิเคราะห์คนไข้กลางสภาฯ ท่ามกลางธารกำนัลนั้น ตนก็ไม่ทันได้ไปเปิดดูว่าจรรยาแพทย์มีอะไรตรงไหนอย่างไร ต้องเรียกว่าเข็มขัดสั้นคือคาดไม่ถึง ไม่คาดคิด 

จวกสื่อสาระแนตีข่าวถูกบีบปรับ ครม. 

จากนั้นนายสมัครใช้เวลาส่วนใหญ่ของการจัดรายการครั้งนี้พูดคุยถึงข้อดีของการใช้ปุ๋ยจุลินทรีย์ ซึ่ง กอ.รมน. ทดลองผลิตเป็นผลสำเร็จ จึงนำไปประชาสัมพันธ์ชักจูงให้เกษตรกรนำไปใช้แทนปุ๋ยเคมี นอกจากนี้ ยังพูดถึงโครงการขุดลอกคูคลองหนองบึงทั่วประเทศ รวมถึงการดึงน้ำจากแม่น้ำโขงที่ลาวจะทิ้งจากท้ายเขื่อนมาใช้ในประเทศไทย  

กระทั่งช่วงท้ายก่อนจบรายการ นายสมัครกล่าวทิ้งท้ายว่า “ผมคงทำงานให้บ้านเมืองได้อีกยาวพอสมควร เรื่องอื่นไม่คุยหรอก

ท่านก็รู้ว่าทำไมถึงไม่คุย ไม่จำเป็นต้องคุย รวมทั้งเรื่องปรับ ครม. ผมพูดในสภาฯไว้แล้วจะไม่มาพูดซ้ำที่นี่ พาดหัวกันเอิกเกริกใหญ่โต พรรคร่วมรัฐบาลสั่งบีบให้ปรับอะไรต่างๆ ผมก็บอกคอยดู แล้วเป็นอย่างไร มันสาระแนกันจริงๆ ไอ้เรื่องเสี้ยมให้มันเกิดอย่างโน้นอย่างนี้ คนที่เป็นรัฐมนตรีรู้ว่าข้างในเป็นอย่างไร แต่ไอ้การออกข่าวพาดหัวกัน ผมไม่ให้หนังสือพิมพ์มาสั่งว่าอะไรเป็นอะไรหรอก ผมจะไม่ให้หนังสือพิมพ์มาพาดหัวสั่ง แล้วรัฐมนตรีก็ทำด๊กๆๆๆ ไม่หรอก ดูสิใครจะแน่กว่ากัน ทำนายกันสิจะปรับจะปรุงจะเปลี่ยนอย่างไร ทำนายกันเลย หน้าแหกแล้วก็อายคนที่ซื้ออ่านบ้างก็แล้วกัน”