จากกรณีที่อัยการตีกลับสำนวนการไต่สวนคดีที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำอันก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ (คตส.) เสนอให้ดำเนินคดีแพ่งเพื่อยึดทรัพย์พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำนวน 7.6 หมื่นล้านบาท เนื่องจากคตส. ไม่ได้แบ่งแยกทรัพย์สินให้ชัดเจนระหว่างทรัพย์สินที่ได้มาก่อนและหลังเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นั้น
'ชัยสิทธิ์' ซัดคตส.จ้องล้าง'แม้ว'
พล.อ.ชัยสิทธ์ ชินวัตร อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด และญาติผู้พี่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ในรายการ 'ลับ ลวง พราง เรดิโอ' เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ถึงสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ว่า บ้านเมืองควรรักสามัคคีกันได้แล้ว ประเทศควรไปได้ดีกว่านี้ ไม่ควรมีอุปสรรค ส่วนพวกสร้างความวุ่นวายอยู่ ควรตัดคำว่าประชาธิปไตยออก อย่ามาอ้างเพื่อสร้างความวุ่นวาย ทั้งนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ถือเป็นวิบากกรรมเขา ทุกอย่างถูกจับให้ลงล็อค เพื่อปลดเขาลง ตนในฐานะพี่ชายนับถือในความฉลาดของเขา ควรนำความฉลาดเขามาใช้ เหตุที่เกิดขึ้นทุกคนรู้ดีว่า มีเบื้องหน้าเบื้องหลังอยู่ และไม่เห็นด้วยที่ตั้งองค์กรต่างๆมา เพราะเป็นศัตรูพ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งนั้น เขาต้องโดนหนัก ถือเป็นวิบากกรรมเขา
เมื่อถามว่า มองว่ามีขบวนการที่มุ่งเอา พ.ต.ท.ทักษิณ ลง ใช่หรือไม่ พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวว่า ก็มองเช่นนั้น ถ้าไม่มีปฏิวัติก็ทำไม่ได้ และการแต่งตั้งคตส.ที่มาจากการปฏิวัติก็เอาคนที่เกลียดพ.ต.ท.ทักษิณ มาเป็นกรรมการ ใครโดนแบบนี้ก็ไม่ไหว ที่พึ่งสุดท้ายอยู่ที่ศาล ตนมั่นใจว่าจะมีความยุติธรรม แต่คตส.ไม่ใช่ ใครเป็นศัตรูจะจองล้างจองผลาญกันทั้งนั้น เรียกทางทหาร คือล้างสมอง ฟังความข้างเดียว มีความอิจฉา
ปูดมีขบวนการลอบฆ่า 'ทักษิณ'
เมื่อถามว่า ครอบครัวห่วงความปลอดภัย พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวว่า "มีขบวนการที่จะจ้องปราบเขาให้สิ้น โดยใช้วิธีการฆ่าให้สิ้น การทำแบบนี้ต่างชาติจะดูถูกคนไทยมาก โดยเฉพาะนักลงทุน"
เมื่อถามย้ำว่า มีคนที่พยายามลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวว่า ' มีข่าวว่า ไปวางแผนทำอะไรกันอยู่ ทำไมจะไม่รู้ เรามีหน่วยข่าวเช่นกัน มีการเฝ้าระวัง ประมาทกันไม่ได้ พวกนี้ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ถ้ามีโอกาสเขาก็จะทำ อยากให้ไปทบทวนกันดูว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ทำคุณให้ประเทศแค่ไหน ประชาชนก็รักเขา แต่มีเพียงกลุ่มเล็กคิดอะไรอยู่ไม่รู้ เป็นคนไทยหรือเปล่า ทำให้ประเทศและประชาชนเดือดร้อน แล้วเรียกตนเองเป็นประชาธิปไตย น่าสงสารคนพวกนี้ ผมกรวดน้ำให้พวกนี้ทุกวัน'
ยันทรัพย์ 'แม้ว' ยังถูกอายัด
นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ คตส. กล่าวว่า แม้ว่าคดีนี้ จะถูกโอนเข้ามาอยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า อำนาจการอายัดทรัพย์ของคตส. จะหมดไป เพราะตามกฎหมาย ถือว่า การกระทำอะไรที่ คตส. ดำเนินการไปแล้วยังมีผลบังคับในทางกฎหมายอยู่
นายแก้วสรร อติโพธิ กรรมการและเลขานุการ คตส. กล่าวว่า แม้จะส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.แล้ว แต่คำสั่งอายัดทรัพย์ของคตส.ยังมีผลเหมือนเดิม รวมทั้งป.ป.ช. มีกฎหมาย กำหนดเรื่องการได้ทรัพย์สินมาโดยมิสมควรอยู่ และในช่วงที่ คตส.ทำงานก็มีการนำกฎหมายตัวนี้ มาใช้ด้วย
แหล่งข่าวจาก คตส. กล่าวว่า แม้คตส.จะหมดอายุในวันที่ 30 มิถุนายน แต่อำนาจการสั่งอายัดทรัพย์ยังอยู่ เนื่องจากคตส.ได้ลงมติชี้มูลความผิดคดีนี้และส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดพิจารณาส่งฟ้องก่อนที่คตส.จะหมดอายุการทำงาน ทำให้คำสั่งอายัดทรัพย์ของคตส.ยังมีผลบังคับใช้อยู่ ส่วนที่ว่า
นายบรรเจิด สิงคะเนติ กรรมการคตส. ในฐานะคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบในการเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจตนเองและพวกพ้อง กล่าวว่า คตส. คงให้ความเห็นอะไรไม่ได้แล้ว เพราะกำลังหมดวาระ ควรเป็นดุลยพินิจของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่าจะดำเนินการอย่างไร จะเห็นชอบตามความเห็นของอัยการหรือไม่ เพราะขั้นตอนต่อไป ป.ป.ช.จะต้องเป็นผู้ตั้งคณะทำงานร่วมกับฝ่ายอัยการ แต่หากป.ป.ช. ต้องการที่จะเชิญคณะอนุฯไต่สวนของ คตส. ไปชี้แจงก็ยินดีให้ความร่วมมือ
ไม่ประหลาดใจอัยการตีกลับ'ซีทีเอ็กซ์'
แหล่งข่าวจาก คตส. ถึงสำนวนการสอบสวนคดีซีทีเอ็กซ์ ที่มีความเห็นที่แตกต่างของอัยการ และส่งคืนสำนวนให้ คตส. ว่า อัยการได้ตั้งข้อสังเกตมาหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นการที่คณะอนุฯ ไต่สวน ไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับผู้ถูกกล่าวหาบางราย เช่นเดียวกับในคดีกล้ายาง ที่ถูกตีกลับเรื่องมาก่อนหน้านี้ แต่ไม่น่าประหลาดใจ ถ้าอัยการไม่ส่งคืนเรื่องกลับมา น่าจะเป็นเรื่องประหลาดใจมากกว่า
'ส่วนที่มีการอ้างเหตุผลว่า ในหลักฐานเอกสารจากกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐ ยืนยันมาว่าไม่มีหลักฐานการจ่ายเงินสินบน ก็ไม่น่าจะถูกต้อง เพราะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 เพียงแต่ปรากฏข้อมูลว่า มีการเสนอให้สินบน หรือเรียกรับ ก็ถือว่าเป็นความผิดแล้ว อย่างไรก็ตาม คงเป็นหน้าที่ของป.ป.ช. ที่จะตั้งคณะทำงานขึ้น มาพิจารณาเรื่องนี้กับฝ่ายอัยการ' แหล่งข่าวระบุ