สมัครรับปากพรรคร่วมปรับครม.4เก้าอี้มิ่ง -นพดล-สันติ-ทรงศักดิ์ แก้แผนที่พระวิหาร

  
เผยเบื้องหลังก่อนโหวตไว้วางใจ'นายกฯ-7รมต. 'เติ้ง-สุวิทย์-ป้าอุ' รุกนายกฯทบทวนแผนที่-แถลงการณ์ร่วมปมมรดกโลก เจอขู่กลับ ยุบสภา พรรคร่วมบี้ต่อ ปรับ ครม. 4 เก้าอี้ เป้าใหญ่ 'มิ่งขวัญ' เป้ารอง 'นพดล-สันติ-ทรงศักดิ์' ผลโหวต รมว.ต่างประเทศน้อยสุด

'เติ้ง' ย้ำต้องปรับรมต.บางคนแจงน้อยไป

หลังการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ลงมติไว้วางใจ นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีรายบุคคลรวม 7 คน ส่งผลให้นายกฯและรัฐมนตรีทั้งหมดยังคงดำรงตำแหน่งต่อไปนั้น
นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย พรรคร่วมรัฐบาลอันดับ 1 กล่าวว่า หลังจากพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีแล้ว ก็ยังคงความเห็นเดิมคือต้องปรับ ครม. เพราะการอภิปรายครั้งนี้มีข้อมูลบางอย่างที่รัฐมนตรีบางคนชี้แจงเหตุผลน้อยเกินไปหน่อย และการทำงานของบางกระทรวงก็ต้องปรับปรุงแก้ไข ดังนั้น คิดว่า สมควรมีการปรับ ครม. ส่วนจะปรับเล็กหรือปรับน้อยขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายกฯ อีกทั้งตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังว่างอยู่ มั่นใจว่าจะมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งรัฐมนตรีแน่นอน แต่ยังไม่ทราบว่าจะปรับเมื่อไหร่ ซึ่งขึ้นอยู่ที่นายกฯ

เมื่อถามว่า การปรับ ครม.ช่วยลดกระแสภายนอกสภาได้หรือไม่ นายบรรหารกล่าวว่า เป็นธรรมดา เมื่อญัตติไม่ไว้วางใจผ่านไปแล้วก็คงไม่น่ามีปัญหา กระแสกดดันคงไม่มีอะไรมากพอ ขอให้รัฐบาลตั้งใจทำงานทุกเรื่อง ไม่ว่าด้านเศรษฐกิจ สังคม รวมทั้งปัญหาข้าวของมีราคาแพง แต่ขณะนี้ตนยังไม่ได้พูดคุยกับกระทรวงที่มีปัญหา

พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทย กล่าวว่า การเมืองหลังจากนี้คงเป็นไปตามที่นายกฯให้สัมภาษณ์ว่าเรื่องเขาพระวิหารจะต้องมีการพูดจากันในรายละเอียดให้ชัดเจนต่อไป คือ ต้องทบทวนในประเด็นเรื่องเขตแดนไทย และต้องดูแถลงการณ์ร่วมที่ได้ลงชื่อไว้ให้ละเอียดรอบคอบมากขึ้น แต่การปรับ ครม.นั้น ต้องปรับแน่ แต่จะปรับเล็กหรือใหญ่ ขึ้นอยู่กับนายกฯ ทั้งนี้ หากจะปรับครม.จริง นายกฯก็ต้องหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลด้วย '' หากปรับ ครม.แล้ว เชื่อว่ากระแสต่างๆ จะลดลง บ้านเมืองจะเดินหน้าไปได้ อะไรที่ไม่ถูกต้อง ก็ทำเสีย รัฐบาลก็ไปต่อได้'' พล.ต.สนั่นกล่าว

สะพัดพรรคร่วมบีบปรับ4เก้าอี้

รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนการลงมติ นายสมัครหารือกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลที่ห้องรับรองนายกฯ อาคารรัฐสภา 3 เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 26 มิถุนายน โดยนายสมัครแจ้งความประสงค์ต้องการให้พรรคร่วมรัฐบาลลงมติไปในทิศทางเดียวกัน พร้อมรับปากว่าจะยอมให้มีการพิจารณารายละเอียดกรณีปราสาทพระวิหารที่พรรคชาติไทยและเพื่อแผ่นดินยังติดใจกันใหม่อีกครั้ง นอกจากนี้ พรรคร่วมยังเสนอให้ปรับ ครม.อย่างน้อย 4 เก้าอี้ ประกอบด้วยนายนพดล นายสันติ นายทรงศักดิ์และนายมิ่งขวัญ เนื่องจากเห็นว่า ชี้แจงไม่ค่อยชัดเจน 3 คนแรกให้อยู่ในดุลพินิจนายสมัครที่จะพิจารณา ส่วนนายมิ่งขวัญพรรคร่วมเห็นว่าต้องปรับออก ขณะที่นายสมัครบอกว่า ต้องปรับอยู่แล้ว เนื่องจากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯว่างลง จากนั้นแต่ละพรรคแยกประชุม และกำชับให้ลงมติในทิศทางเดียวกัน

โดยในส่วนการประชุมพรรคชาติไทยนั้น ได้หารือกันว่าจะลงมติไว้วางใจ ก็ต่อเมื่อ นายสมัครต้องตอบรับ 2 เงื่อนไข คือ 1.แก้ไขข้อตกลงเรื่องปราสาทพระวิหารใหม่ โดยไทยจะต้องเสนอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกร่วมกับกัมพูชา โดยให้รวมพื้นที่รอบปราสาทเขาพระวิหารที่เป็นพื้นที่ในส่วนของประเทศไทยร่วมด้วย เพราะเรื่องปราสาทพระวิหารกระทบความรู้สึกของประชาชน ซึ่งเกรงว่าจะเป็นความขัดแย้งระหว่างประเทศ และ 2.ควรมีการปรับ ครม.เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของ ครม. 4 ตำแหน่ง โดยเฉพาะนายมิ่งขวัญ เพราะไม่มีวิสัยทัศน์ในการทำงาน

เจอ'เติ้ง-สุวิทย์-อุ'บี้ 'สมัคร'ขู่ยุบสภา

รายงานข่าวอีกกระแสแจ้งด้วยว่า นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน รวมถึงนายอุไรวรรณ เทียนทอง จากพรรคประชาราช พยายามพูดคุยให้นายสมัครยอมถอยกรณีปราสาทพระวิหารทั้งเรื่องแผนที่และแถลงการณ์ร่วมกับกัมพูชา เพื่อนำมาทบทวนใหม่อีกครั้งระหว่างการประชุมพรรคร่วมรัฐบาล โดยพูดกับนายสมัครหลายครั้ง ด้วยการยกเหตุผลว่าเป็นประเด็นที่มีความอ่อนไหวทั้งเรื่องการเสียดินแดนและอธิปไตยของไทย จะส่งผลให้สถานการณ์ทางการเมืองบานปลายออกไป สุดท้ายรัฐบาลอาจไม่อาจควบคุมได้ จนทำให้นายสมัครพูดขู่ตัดบทว่าถ้าพรรคร่วมรัฐบาลคิดกันแบบนี้ ก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องยุบสภา คำพูดของนายสมัครทำให้นายบรรหาร นายสุวิทย์มีท่าทีอ่อนลงว่าไม่ได้ถึงขั้นรุกกันแบบนั้น เพราะถึงอย่างไรก็ต้องโหวตไว้วางใจสนับสนุนกันอยู่แล้ว  

ยื้อปรับครม.กลัวเข้าทางฝ่ายค้าน

ทั้งนี้ ในส่วนของการปรับ ครม.นั้น แกนนำรัฐบาลระบุว่า นายสมัครมีแนวคิดที่จะปรับโดยรอช่วงเวลาอีกสักระยะหนึ่ง เนื่องจากการปรับในช่วงเวลานี้ จะเกิดปัญหาทางการเมือง ถูกมองว่าไม่ได้พิจารณาคัดเลือกบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเข้าสู่ตำแหน่งอย่างแท้จริง ทำให้เกิดปัญหาบริหารไม่มีประสิทธิภาพ ทำงานมาได้เพียง 4 เดือนเศษ ก็ต้องปรับเปลี่ยนแล้ว ซึ่งเท่ากับว่าจะเข้าทางฝ่ายค้าน แต่เมื่อถึงเวลาหนึ่งที่มีการตัดสินเรื่องคุณสมบัตินายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ รวมถึงคดีใบแดงนายยงยุทธ ติยะไพรัช ส.ส.ระบบสัดส่วนกลุ่มที่ 1 พรรคพลังประชาชนออกมาแล้ว รวมถึงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯว่างก็มีความชอบธรรมที่จะปรับ ทั้งนี้ หากนายยงยุทธหลุดพ้นคดี ก็ต้องหาตำแหน่งใน ครม.รองรับด้วย ส่วนรัฐมนตรีคนอื่นๆ ที่อาจอยู่ในข่ายต้องพิจารณาปรับเปลี่ยนตัวประกอบด้วย นายนพดล นายมิ่งขวัญ 

สมัคร-7รมต.ฉลุย-นพดลไว้วางใจต่ำสุด

ก่อนหน้านี้ ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ลงมติญัตติอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และญัตติอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคลรวม 7 คน ด้วยคะแนนเสียงไม่ไว้วางใจ ไม่มากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกเท่าที่มีอยู่ทั้งหมดของสภาผู้แทนราษฎร ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญที่ระบุ มติไม่ไว้วางใจต้องมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่ง ส่งผลให้นายกฯและรัฐมนตรีทั้งหมดยังคงดำรงตำแหน่งต่อไป 

ผลการลงมติปรากฏดังนี้
1.นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ที่ประชุมมีมติไม่ไว้วางใจ 162 เสียง ไว้วางใจ 280 เสียง จากผู้ที่แสดงตนลงคะแนน 442 คน

2.นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ไม่ไว้วางใจ 161 เสียง ไว้วางใจ 279 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง คือ นายฐานิสร์ เทียนทอง ส.ส.สระแก้ว พรรคประชาราช จากผู้ที่แสดงตนลงคะแนน 441 คน

3.นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ไม่ไว้วางใจ 161 เสียง ไว้วางใจ 279 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง คือ นพ.วัลลภ ไทยเหนือ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อแผ่นดิน จากผู้ที่แสดงตนลงคะแนน 441 คน

4.ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ไม่ไว้วางใจ 162 เสียง ไว้วางใจ 279 เสียง จากผู้ที่แสดงตนลงคะแนน 441 คน

5.นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ไม่ไว้วางใจ 162 เสียง ไว้วางใจ 280 เสีย จากผู้ที่แสดงตนลงคะแนน 442 คน

6.นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ไม่ไว้วางใจ 162 เสียง ไว้วางใจ 279 เสียง จากผู้ที่แสดงตนลงคะแนน 441 คน

7.นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ไม่ไว้วางใจ 162 เสียง ไว้วางใจ 280 เสียง จากผู้ที่แสดงตนลงคะแนน 442 คน และ

8.นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ไว้วางใจ 162 เสียง ไว้วางใจ 278 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง คือ นพ.วัลลภ ไทยเหนือ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อแผ่นดิน ไม่ลงคะแนน 1 คน คือนางอนุสรา ยังตรง ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชาชน (พปช.)

จากนั้นนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานการประชุมสรุปผลว่า นายกฯและรัฐมนตรี 7 คน มีผลโหวตไม่ไว้วางใจไม่เกินหนึ่งหนึ่งของ ส.ส.ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ ทำให้ทั้งหมดยังดำรงตำแหน่งต่อไป

ผลการลงประชามติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล

 ลำดับ

ชื่อ/ ตำแหน่ง

ไว้วางใจ 

 ไม่ไว้วางใจ

งดออกเสียง 

ไม่ลงมติ 

 1.

นายสมัคร สุนทรเวช
นายกรัฐมนตรี/รมว.กลาโหม

 280

 162

 -

 -

 2.

นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี
รองนายกรัฐมนตรี/รมว.คลัง

  279

 161

 1

 -

 3.

นายมิ่งขวัญ  แสงสุวรรณ์
รองนายกรัฐมนตรี/รมว.พาณิชย์       

 279

 161

 1

 -

 4.

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง
รมว.มหาดไทย

 279

 162

 -

 -

 5.

นายนพดล ปัทมะ
รมว.ต่างประเทศ

 278

 162

 1

 1

 6.

นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์
รมว.ยุติธรรม

 280

 162

 -

 -

 7นายสันติ พร้อมพัฒน์
รมว.คมนาคม

 279

 162

 -

 -

 8

นายทรงศักดิ์ ทองศรี
รมช.คมนาคม

 280

 161

 -

 -

22รมต.สละสิทธิโหวตญัตติรายบุคคล

ทั้งนี้ การประชุมนัดนี้ มีขึ้นเมื่อเวลา 09.30 น. มี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์เข้าประชุม 162 คน จาก 164 คน  ลาป่วย 2 คน คือ พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร ส.ส.สัดส่วน และนายวินัย เสนเนียม ส.ส.สงขลา ฝ่ายรัฐบาล ประกอบด้วย พรรคพลังประชาชน มี ส.ส.223 คน อยู่ระหว่างพิจารณาคดีใบเหลืองใบแดง ของศาลฎีกาแผนกเลือกตั้ง 10 คน พรรคชาติไทย 34 คน เพื่อแผ่นดิน 24 คน มัชฌิมาธิปไตย 11 คน รวมใจไทยชาติพัฒนา 9 คน ประชาราช 5 คน รวมเป็น 306 เสียง
อย่างไรก็ดี มีรัฐมนตรีที่เป็น ส.ส.เข้าประชุม 21 คน จาก 22 คน ขาดนายนพดล ซึ่งทั้ง 21 คน ไม่สามารถใช้สิทธิโหวตมติไม่ไว้วางใจนายกฯได้ เนื่องจากรัฐธรรมนูญมาตรา 172 วรรคสอง บัญญัติว่า นายกฯและรัฐมนตรีลงคะแนนไม่ได้หากมีส่วนได้เสีย รวมถึงประธานและรองประธานอีก 2 คน ที่ประกาศไม่ใช้สิทธิโหวต และขาดประชุม 2 คน คือ นายสากล ม่วงศิริ ส.ส.กทม. และนายอัสนี เชิดชัย ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน ทำให้รัฐบาลมีเสียงโหวตที่ 280 เสียง
ก่อนลงมตินายชัยแจ้งว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 172 วรรคสอง บัญญัติว่า นายกฯและรัฐมนตรีลงคะแนนไม่ได้หากมีส่วนได้เสียให้ที่ประชุมรับทราบ ส่วนการโหวตไม่ไว้วางใจ 7 รัฐมนตรียังมีปัญหาจึงขอหารือที่ประชุม

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แจ้งต่อที่ประชุมว่า นายกฯและรัฐมนตรี ที่เป็น ส.ส.รวม 22 คน ขอไม่ใช้สิทธิโหวตทั้งสองญัตติ เพื่อไม่ให้เป็นปัญหา จากนั้นนายสามารถ แก้วมีชัย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) แจ้งว่า รัฐมนตรีต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งคือ เกิน 235 เสียง เนื่องจากขณะนี้มี ส.ส.ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ 470 คน จากจำนวน ส.ส.ทั้งหมด 480 คน เนื่องจากอีก 10 คน อยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีใบแดง ใบเหลือง ของศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง 

'สมัคร' ฉีกยิ้มหัวเราะร่ารับชัยชนะ

ต่อมา ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์หลายคน อาทิ นายเชน เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.สัดส่วน เสนอให้ลงคะแนนลับตามข้อบังคับการประชุมสภา ขณะที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชน อาทิ นายสุขุมพงศ์ โง่นคำ ส.ส.สัดส่วนคัดค้าน นายชัยจึงขอให้ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์เสนอญัตติมาว่า จะให้โหวตแบบใด แต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า เป็นเรื่องการตีความรัฐธรรมนูญ จึงขอให้ประธานวินิจฉัย สุดท้ายนายอดุลย์ วันไชยธนวงศ์ ส.ส.แม่ฮ่องสอน พรรคพลังประชาชน เสนอญัตติให้ลงมติโดยเปิดเผย ซึ่งที่ประชุมเสียงส่วนใหญ่เห็นด้วย

จากนั้นจึงลงมติ ผลปรากฏคะแนนเสียงไม่ไว้วางใจไม่เกินกึ่งหนึ่ง ทำให้ทั้งหมดยังคงดำรงตำแหน่งต่อไป โดยหลังจากนายชัยประกาศผลลงมติ นายสมัครฉีกยิ้มและหัวเราะร่า พร้อมหันหน้าไปคุยกับนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รองประธานสภาคนที่ 1 ขณะที่รัฐมนตรีคนอื่นๆ เมื่อทราบผลโหวต ก็มีสีหน้ายิ้มแย้ม โดยเฉพาะ ร.ต.อ.เฉลิม ที่นายชัยประกาศว่า ให้ลงมติในมวยคู่เอก ทำให้ ร.ต.อ.เฉลิมหัวเราะเสียงดัง ขณะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สัดส่วน และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ผู้นำอภิปราย ร.ต.อ.เฉลิม มีสีหน้าเรียบเฉย 

พผ.งดออกเสียงหวังกระตุกพระวิหาร

ทั้งนี้ เมื่อการลงมติเสร็จสิ้น วิปรัฐบาลได้ตรวจสอบเสียงฝ่ายรัฐบาลที่หายไปทันที โดยในส่วนนายสมัคร นายสมพงษ์ และนายทรงศักดิ์ ได้เสียงสนับสนุนครบ 280 ต่อ 162 เสียงนั้นไม่มีปัญหา แต่ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ที่ได้คะแนนไว้วางใจ 279 เนื่องจากนายฐานิสร์ เทียนทอง ส.ส.สระแก้ว พรรคประชาราชงดออกเสียง ส่วนเสียงไม่ไว้วางใจนายสุรพงษ์ 161 เสียงหายไปหนึ่งเสียงนั้น เป็นเพราะนายประพร เอกอุรุ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้แสดงตนเสียบบัตร สำหรับนายมิ่งขวัญได้ 279 เนื่องจาก นพ.วัลลภ ไทยเหนือ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อแผ่นดินงดออกเสียง เสียงไม่ไว้วางใจ 161 เสียง ปรากฏว่าเป็นนายกำพล สุภาแพ่ง ส.ส. เพชรบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ไม่แสดงตน ร.ต.อ.เฉลิมได้ 279 ต่อ 162 เสียง ขาดหายไปจากเสียงของนายอดุลย์ วันไชยธนวงศ์ ส.ส.แม่ฮ่องสอน พรรคพลังประชาชน ไม่แสดงตน นายสันติซึ่งได้เสียงสนับสนุน 279 ต่อ 162 เสียงนั้น เนื่องจากนายประสิทธิ์ วุฒินันชัย ส.ส.เชียงใหม่ พรรคพลังประชาชนไม่แสดงตน  นายนพดล ปัทมะ ที่ได้เสียงสนับสนุนน้อยที่สุดคือ 278 ต่อ 162 เนื่องจาก นพ.วัลลภ ไทยเหนือ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อแผ่นดิน งดออกเสียง และนางอนุสรา ยังตรง ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชาชน ไม่แสดงตน

อย่างไรก็ตาม ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลต่างออกมาแถลงและให้สัมภาษณ์แก้ตัว นางอนุสรากล่าวว่า กดปุ่มไว้วางใจนายนพดล คะแนนที่ปรากฏออกมาว่างดออกเสียงนั้น อาจเป็นเพราะความผิดพลาดของเครื่องลงมติ ส่วนนายฐานิสร์กล่าวว่า ตั้งใจที่จะกดไม่เห็นด้วยกับมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งไม่รู้ว่าผลที่ออกมาเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร หากจะงดออกเสียงจริง ก็คงงดกับนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทุกคน คิดว่าพรรครัฐบาลคงเข้าใจ และคงไม่จำเป็นที่จะต้องชี้แจง นพ.วัลลภกล่าวว่า เหตุงดออกเสียงเพราะต้องการกระตุกเรื่องปราสาทพระวิหาร เพราะเห็นว่าไม่น่าจะให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกฝ่ายเดียว แต่ควรยื่นขึ้นทะเบียนร่วมกัน หากรัฐบาลทบทวนก็จะลดความคลางแคลงใจของประชาชนได้ ส่วนที่งดออกเสียงนายมิ่งขวัญนั้นเพราะเห็นว่าขาดภาวะผู้นำ

'เฉลิม' คุกเข่าคุย 'สมัคร' ชื่นมื่น

ส่วนบริเวณที่นั่งของคณะรัฐมนตรีเมื่อการลงคะแนนเสร็จสิ้นสุด ร.ต.อ.เฉลิมเดินไปหานายสมัคร พร้อมนั่งคุกเข่า ก่อนที่จะเอามือไปจับที่หัวเข่าด้านซ้ายของนายสมัครพร้อมกล่าวขอบคุณ ซึ่งนายสมัครก็ได้จับมือตอบ และพูดคุยด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสกันทั้งสองคนประมาณ 5 นาที จากนั้นแยกย้ายกันออกมานอกห้องประชุม โดยบรรดา ส.ส.ต่างเข้าไปจับไม้จับมือแสดงความยินดีกับ ร.ต.อ.เฉลิม

กระทั่งเวลา 11.15 น. นายสุธา ชันแสง ส.ส.กทม.พรรคพลังประชาชน นั่งรถเข็นไปรอนายสมัครที่บริเวณหน้าห้องประชุม โดยนายสมัคถอดสูทออกด้วยท่าทีที่ผ่อนคลาย พร้อมขอบคุณนายสุธาที่มาลงคะแนนให้ทั้งที่ยังป่วยอยู่ และได้เข็นรถเข็นพานายสุธาจากบริเวณห้องประชุม เพื่อมาส่งขึ้นรถเดินทางกลับ ระหว่างรอรถมารับ นายสมัครได้กล่าวกับบรรดารัฐมนตรีที่เดินมาสอบถามอาการและให้กำลังใจนายสุธา อาทิ นายชูศักดิ์ ศิรินิล นายอนุสรณ์ วงศ์วรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งนายธีรพล นพรัมภา เลขาธิการนายกรัฐมนตรีและ ส.ส.ของพรรคพลังประชาชน ว่า ''อุตส่าห์ขออนุญาตหมอมาเพื่อลงคะแนนให้ อย่างนี้เรียกว่าจริงใจจริงๆ''
ทำให้ผู้มาส่งแซวว่านายกฯถึงกับเข็นรถให้นายสุธาเลยหรือ นายสมัครกล่าวตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า เป็นการตอบแทนไมตรี และเมื่อนายสมัครส่งนายสุธาขึ้นรถ ก็ได้ให้กำลังใจและบอกกับนายสุธาว่า ''ไว้เจอกันใหม่ ว่างๆ จะไปเยี่ยมที่บ้าน'' ทำให้นายสุธาถึงกับน้ำตาคลอเบ้า

ต่อมาเวลา 12.00 น. นายสมัครพร้อมผู้ติดตามได้ลงไปรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านข้าวแกงคุณวรรณด้านหลังรัฐสภา โดยสั่งแกงเขียวหวานลูกชิ้น แกงไก่ใส่หน่อไม้ ผัดกะเพราหมูสับ ผัดดอกไม้กวาด มีเครื่องเคียงเป็นผักสด ก่อนจะเดินกลับไปยังห้องรับรองบริเวณชั้น 2 อาคารรัฐสภา เพื่อรอการประชุมพิจารณางบประมาณ

'เลี้ยบ' มองไกลรบ.อยู่ครบเทอม4ปี

นพ.สุรพงษ์กล่าวว่า เสียงโหวตที่ออกมา เห็นได้ว่าเป็นความมั่นใจที่ทำให้นายกฯ และรัฐมนตรีทั้ง 7 คน มีกำลังใจที่จะทำงานต่อไป เชื่อว่าสิ่งต่างๆ ที่มีการซักถาม ได้ตอบเป็นที่เข้าใจของ ส.ส. ส่วนการปรับ ครม.นั้นยังไม่ได้คุยกัน เพราะเชื่อว่าบรรดารัฐมนตรีที่ ส.ส.ได้ให้ความไว้วางใจอยู่แล้ว ทำหน้าที่ได้ดี หากจะมีก็เป็นตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่ว่างอยู่ คงจะต้องมีการพิจารณากันต่อไป ส่วนทีมเศรษฐกิจทำงานประสานกันอยู่แล้ว ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่แน่นอนว่าในช่วงแรกที่เข้ามารับหน้าที่ อาจมีปัญหาที่คั่งค้างต้องรอสานต่ออยู่มาก จึงต้องคลายปัญหาทีละเปลาะ แต่ตอนนี้ปัญหาที่ได้แก้กันมาตลอด 4 เดือน ก็ค่อยๆ ทุเลาลงแล้วหลายเรื่อง การขับเคลื่อนเศรษฐกิจน่าจะไปได้คล่องตัวและดีมากขึ้น

''หากเราได้ใช้เวทีแห่งนี้ให้เกิดประโยชน์ ในการรับฟังความเห็นของประชาชน ก็จะทำให้บรรยากาศทางการเมืองดีขึ้น เชื่อว่าปัญหาต่างๆ ที่มีอยู่ทุกวันนี้ น่าจะค่อยๆ คลี่คลายลงไป ส่วนการเมืองนอกสภานั้นยังไม่เห็นมีความรุนแรงอะไร และถ้ารัฐบาลทำงานให้เกิดประโยชน์ เป็นที่ประจักษ์ เชื่อว่าอายุของรัฐบาล 4 ปี ก็ต้องการตั้งความหวังว่าจะไปให้ถึง'' นพ.สุรพงษ์กล่าว


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์