คตส.ช็อค!!อสส.พลิกไม่ส่งฟ้องคดีอายัดทรัพย์ชินวัตร ไม่อยากเชื่อหักหลังกันในวงราชการ

คตส.ตะลึงอสส.พลิกไม่ส่งฟ้องคดี'อายัดทรัพย์'ตระกูลชินวัตร 7.6 หมื่นล้านกระทันหัน ลั่น'หักหลัง'ไม่อยากเชื่อจะเกิดขึ้นในวงราชการ รองอสส.แถลงให้ตั้งคณะทำงานร่วมกับป.ป.ช.เหตุคตส.หมดอายุ ส่วนคดี'เอ็กซิมแบงก์-กล้ายาง'คตส.ไม่สนขอส่งฟ้องเอง

อัยการให้คตส.ตั้งกก.ร่วมคดียึดทรัพย์'แม้ว'

นายวัยวุฒิ หล่อตระกูล รองอัยการสูงสุด ประธานคณะทำงานอัยการคดีคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) มีมติเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ส่งหนังสือถึงนายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส.ให้ตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่างอัยการกับ คตส.เพื่อสอบสวนเพิ่มเติมคดีแพ่ง ที่ คตส.ส่งสำนวนให้ นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม เพื่อขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอายัดทรัพย์สิน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำนวน 76,671,603 ,061 บาท เนื่องจากมีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ

นายวัยวุฒิกล่าวว่า คณะทำงานอัยการพิจารณาคดีนี้แล้วมีความเห็นแตกเป็น 2 ฝ่าย โดยฝ่ายหนึ่งเห็นว่าควรสอบสวนเพิ่มเติมเพราะมีข้อไม่สมบูรณ์ ที่ คตส.ไม่ได้แยกจำนวนทรัพย์สินที่ พ.ต.ท.ทักษิณ มีมาก่อนถูกกล่าวหาว่าร่ำรวยผิดปกติมีเท่าไหร่ และหลังการขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือชินคอร์ป มีจำนวนเท่าไร เพราะหากยื่นอายัดทรัพย์สินทั้งหมด อาจจะไม่เป็นธรรม และทำให้ผู้ถูกกล่าวหาโต้แย้งในชั้นศาลได้ จึงเสนอให้ คตส.สอบสวนเพิ่มเติม ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งเห็นว่าควรยื่นฟ้องต่อศาลเพราะจะครบกำหนด 30 วันที่อัยการสูงสุดต้องมีคำสั่งคดีในวันที่ 29 มิถุนายน 

'ผมเป็นหัวหน้าคณะทำงานไม่สามารถชี้ขาดได้ จึงทำความเห็นเสนอ นายจุลสิงห์  วสันตสิงห์ รองอัยการสูงสุด รักษาการตำแหน่งอัยการสูงสุด โดยนายจุลสิงห์ พิจารณาแล้วเห็นว่าต้องแยกทรัพย์สินก่อนและหลังกระทำผิด จึงสั่งให้ผมทำหนังสือถึงประธาน คตส.ตั้งคณะทำงานร่วม' รองอัยการสูงสุดกล่าว

เล็งยื่นป.ป.ช.ให้ตั้งกก.ร่วมแทน'คตส.'

นายวัยวุฒิกล่าวว่า คดีอายัดทรัพย์สิน พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคดีแพ่งเรื่องแรกที่จะให้อัยการสูงสุด ฟ้องต่อศาลฎีกาฯ ตามกฎหมายเมื่อตัวความ คือ คตส.ยืนยันให้ฟ้อง อัยการสูงสุดต้องฟ้องให้อยู่แล้ว ไม่อาจบิดพลิ้วสั่งเป็นอย่างอื่น เพียงแต่ต้องให้สำนวนสมบูรณ์ ผู้ถูกกล่าวหาไม่อาจโต้แย้งได้ ส่วนปัญหาเรื่องระยะเวลายื่นฟ้อง นายจุลสิงห์เห็นว่า กรณีอายัดทรัพย์ตามกฎหมายป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มาตรา 81 ให้อัยการสูงสุดมีเวลาพิจารณาสั่งคดี 90 วัน ดังนั้น จึงยังเหลือเวลาสั่งคดีกว่า 2 เดือน 

'ผมคิดว่าเมื่ออัยการขอตั้งคณะทำงานร่วม แต่ คตส.จะหมดวาระในวันที่ 30 มิถุนายนนี้แล้ว ดังนั้น น่าจะส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ซึ่งจะรับงานต่อจาก คตส.มาร่วมพิจารณากับอัยการเพื่อไม่ให้เสียเวลา และตามกฎหมายถ้า ป.ป.ช.ไม่เห็นด้วยกับอัยการสูงสุด ก่อนจะครบกำหนดเวลา 90 วัน ป.ป.ช.สามารถตั้งทนายความยื่นฟ้องได้เหมือน คตส.ทำ' นายวัยวุฒิกล่าว

คดีซีทีเอ็กซ์ก็ให้ตั้งกก.ร่วมด้วย

นายวัยวุฒิกล่าวอีกว่า นายจุลสิงห์ยังเห็นชอบกับมติคณะทำงานอัยการที่เห็นควรเสนอประธาน คตส.ตั้งคณะทำงานร่วมอัยการกับ คตส.พิจารณาคดีทุจริตจัดซื้อเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ 9000 เนื่องจากมีข้อไม่สมบูรณ์ที่จำเป็นต้องสอบเพิ่มเติมมากถึง 10 หน้ากระดาษ เช่น เอกสารจากกระทรวงยุติธรรม ประเทศสหรัฐอเมริกายืนยันมาว่าไม่มีหลักฐานการจ่ายเงินสินบน นอกจากนั้นยังมีพยานหลักฐานทั้งในไทยและต่างประเทศอีกมากที่ไม่สมบูรณ์ ประกอบกับระหว่างพิจารณาผู้ถูกกล่าวหาที่เป็นคนไทยและชาวต่างชาติ ได้ยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมมามาก จึงเห็นว่าคดีนี้ควรจะต้องสอบเพิ่มเติมร่วมกัน

คตส.ส่งท้ายยื่นคดีซุกหุ้น2ให้อัยการ

วันเดียวกัน ที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายธรรมนูญ เรืองดิษฐ์ เจ้าพนักงานปราบปรามการทุจริต ระดับ 9 สำนักงาน ป.ป.ช. ในฐานะอนุกรรมการ คตส.ไต่สวนคดีร่ำรวยผิดปกตินำสำนวนการสอบสวนพร้อมสำเนา จำนวน 20 แฟ้ม รวม 7,537 หน้า พร้อมชี้มูลความผิด พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ถูกกล่าวหาว่า ปกปิดการกระทำอันเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจของตนเองและพวกพ้อง (ซุกหุ้นภาค 2) กรณีการกระทำอันเป็นการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม และกรณีทุจริตต่อหน้าที่แปลงค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต ทำให้เกิดความเสียหายกว่า 6.5 หมื่นล้านบาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152, 157 รวมข้อมูลเส้นทางการเงินของคนในครอบครัวชินวัตรหลังได้รับเงินจากการขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือชินคอร์ป ให้กับกลุ่มเทมาเส็ก จำนวน 7.3 หมื่นล้านบาท ว่าถูกเคลื่อนย้ายไปอยู่กับใครบ้าง มาส่งให้กับนายรุธ เขื่อนสุวรรณ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 พิจารณา

นายรุจกล่าวว่า จะเสนอให้นายเศกศรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษทราบ เพื่อรายงานให้นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานอัยการขึ้นพิจารณาเพื่อสั่งคดีภายใน 30 วัน

ฟ้องศาลเองอีก2คดี'เอ็กซิมฯ-กล้ายาง'

ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นายสิทธิโชค ศรีเจริญ ทนายความซึ่งได้รับมอบหมายจาก คตส. นำคำฟ้องจำนวน 65 หน้า พร้อมสำนวนพยานหลักฐานการทุจริตจำนวน 7 ลัง รวม 1,887 หน้า ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นจำเลยในความผิดฐานใช้อำนาจหน้าที่กระทำผิด กรณีเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด เข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเอง หรือผู้อื่นเนื่องด้วยกิจการนั้น ที่เห็นชอบให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือเอ็กซิมแบงก์ ปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำให้กับรัฐบาลพม่า 4,000 ล้านบาท ในโครงการพัฒนาระบบโทรคมนาคมของพม่า เพื่อหวังประโยชน์ในธุรกิจดาวเทียมของบริษัท ชินแซทเทิลไลท์ จำกัด (มหาชน) ในเครือชินคอร์ปของตระกูลชินวัตร

ต่อมานายเจษฎา อนุจารี ทนายความซึ่งได้รับมอบหมาย จาก คตส.นำคำฟ้อง รวม 50 หน้า พร้อมสำนวนพยานหลักฐาน 39 แฟ้ม ในคดีทุจริตการจัดซื้อกล้ายางพารา 90 ล้านต้น มูลค่า 1,440 ล้านบาท ของกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยื่นฟ้องผู้ถูกกล่าวหารวม 47 ราย ทั้งอดีตรัฐมนตรีในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ เช่น นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี นายอดิศัย โพธารามิก อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายเนวิน ชิดชอบ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ เป็นต้น รวมทั้งยังมีข้าราชการระดับสูงและกรรมการบริษัทเอกชนด้วย

นายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส. กล่าวว่า หลัง คตส.หมดวาระในวันที่ 30 มิถุนายน จะกลับไปเป็นที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย ของธนาคารไทยธนาคาร และจะยึดคติการทำงาน ในเรื่องการส่งเสริมคนดี กีดกันคนชั่ว เหมือนเดิม

พบอดีตรมต.รับสินบนบ้านเอื้อฯ1.4พันล.

นายสัก กอแสงเรือง โฆษก คตส. แถลงผลการประชุม คตส.ชุดใหญ่ ว่า มีมติเห็นชอบผลการไต่สวนคดีบ้านเอื้ออาทรในส่วนการเรียกรับสินบนแล้ว และให้ส่งสำนวนไปยังอัยการสูงสุดฟ้องร้องผู้ถูกกล่าวหาในวันที่ 30 มิถุนายน ส่วนคดีโครงการแอร์พอร์ต เรลลิงก์ และการจัดซื้อรถดับเพลิงและเรือดับเพลิงของ กทม. ที่ประชุมเห็นว่ามีเวลาไม่พอ จึงมีมติส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.รับเรื่องไปดูแลต่อ รวมถึงคดีเซ็นทรัลแล็บที่การไต่สวนยังไม่แล้วเสร็จด้วย

นายสักกล่าวว่า กรณีที่อัยการสูงสุดให้ คตส.ตั้งคณะกรรมการร่วมคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณและคดีซีทีเอ็กซ์ ที่ประชุมเห็นว่าไม่มีเวลาเพียงพอเช่นกัน จึงมีมติส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ดำเนินการต่อ โดยตั้งคณะทำงานร่วมระหว่าง ป.ป.ช.กับอัยการสูงสุด

คตส.ช็อค!! อสส.พลิกไม่ส่งฟ้อง

นายสัก กล่าวด้วยว่า สำหรับคดียึดทรัพย์ทางคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีดังกล่าวได้แจ้งให้ที่ประชุมชุดใหญ่ คตส.ทราบว่า ทางฝ่ายอัยการสูงสุด โดยนายเศกสรรค์ บางสมบุญ ตัวแทนฝ่ายอัยการ ได้แจ้งให้คตส.รับทราบเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน เกี่ยวกับความร่วมมือให้จัดเตรียมสำนวนการไต่สวนคดีนี้จำนวน 12 ชุด เพื่อส่งให้อัยการภายในวันที่ 26 มิถุนายน เพื่อที่จะได้นำไปยื่นฟ้อร้องต่อศาลในวันที่ 27 มิถุนายน อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ สตง. ซึ่งเป็นฝ่ายธุรการของคตส. ได้ดำเนินการจัดทำสำเนาคดีดังกล่าวจำนวน 12 ชุด ชุดละ 46 แฟ้ม แฟ้มละ 18,197 แผ่น (รวม 552 แฟ้ม) เป็นเอกสารทั้งสิ้น 218,364 แผ่น ซึ่งทำกันทั้งวันทั้งคืนและก็มีเจ้าหน้าที่สตง.บางคน ถึงขนาดเป็นลม อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลานัดหมายในวันที่ 27 มิถุนายน ทางคตส.ก็ได้ส่งผู้แทนไปพบนายเศกสรรค์ ที่ห้องทำงานชั้น 11 สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดา แต่นายเศกสรรค์ กลับแจ้งว่า ยังไม่สามารถยื่นเรื่องฟ้องได้ เนื่องจากได้นำเสนอเรื่องคำฟ้องต่ออัยการสูงสุด แต่ยังไม่มีคำสั่งลงมาว่าเห็นชอบให้มีการฟ้องร้องหรือไม่

'แต่ในช่วงเย็นวันนี้ ก็มีเหตุทำให้ คตส.ต้องตกใจ เพราะไม่คิดว่าเหตุการณ์อย่างนี้จะเกิดขึ้นกับวงราชการ เนื่องจากแทนที่อัยการฯ จะฟ้องร้องคดีนี้ให้ คตส.กลับได้รับหนังสือจากอัยการฯ แจ้งความไม่สมบูรณ์ของคดีนี้ และขอให้ตั้งคณะทำงานร่วมกัน' นายสัก กล่าว

คตส.ฉุนจัดอสส.หักหลังกัน

แหล่งข่าว คตส.รายหนึ่ง กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า สร้างความไม่พอใจให้กับกรรมการ คตส. หลายคนเพราะเห็นว่าในตอนแรกอัยการฯ จะทำหน้าที่ฟ้องร้องคดีให้ และจะทำให้งานสอบสวนคดีนี้เป็นไปด้วยความรวดเร็ว เพราะคตส.ใกล้จะหมดอายุงานในวันที่ 30 มิถุนายนนี้แล้ว และท่าทีของนายเสกสรรค์ ที่ประสานงานมาก็แสดงออกชัดเจนว่า พร้อมที่จะรับว่าความคดีนี้ให้ แต่ก็ไม่ได้มีการดำเนินการอะไร ซึ่งทำให้กรรมการ คตส. บางคนถึงกับหลุดคำพูดว่า 'การกระทำของอัยการฯ ครั้งนี้เหมือนการหักหลังกัน' เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยเกิดกรณีอย่างนี้มาแล้วในคดีเอ็กซิมแบงก์ให้ แต่ในภายหลังอัยการฯ ก็ตีกลับสำนวนมาเหมือนเดิม

นายแก้วสรร อติโพธิ กรรมการ คตส.และประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีบ้านเอื้ออาทร กล่าวว่า สำนวนการไต่สวนบ้านเอื้ออาทร กรณีการรับสินบนนั้นพบว่าอดีตรัฐมนตรีคนหนึ่ง ได้รับสินบนจากบริษัทเอกชน 1,445 ล้านบาท เพื่อแลกโควต้าการดำเนินงานบ้านเอื้ออาทร โดยมีเส้นทางเงินชัดเจน ส่วนคดีบ้านเอื้ออาทรในประเด็นอื่นๆ ที่เหลือ ให้ ป.ป.ช.รับดำเนินการต่อไป

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับบุคคลที่ คตส.ชี้มูลความผิดบ้านเอื้ออาทร กรณีการรับสินบน ได้แก่ นายวัฒนา เมืองสุข นายพรพรหม วงษ์พิวัฒน์ (หน้าห้องนายวัฒนา) นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร นางรัตนา แซ่เฮง นางสาวกรองทอง วงศ์แก้ว นางสาวรุ่งเรือง ขุนปัญญา และบริษัท เพรสิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์