พันธมิตร กับ คนรักอุดรฯหวิดปะทะ หลัง เชิญ ไชวัฒน์ สินสุวงศ์ ขึ้นเวทีปราศัย โดยกลุ่มคนรักอุดรฯ 300 คน ได้นำรถกระบะติดเครื่องขยายเสียงมากล่าวโจมตีพันธมิตร พร้อมเดินเท้ากว่า 400 เมตรมาด่าพันธมิตรถึงเวที หวิดปะทะกัน จนหนึ่งในดีเจทีมรักอุดรฯ ต้องขึ้นเวทีพันธมิตร ขอให้สมาชิกกลับไปยังที่ตั้ง ณ ทุ่งศรีเมือง
(27มิ.ย.) การชุมนุมของพันธมิตรฯบริเวณแยกมิสกวันถึงแยกนางเลิ้ง บริเวณประตูทางเข้าปรากฏว่ามีประชาชนมาร่วมชุมนุมคึกคักเป็นพิเศษโดยเฉพาะช่วงวันศุกร์และวันเสาร์ โดยวันนี้ประชาชนเริ่มทยอยเดินทางมาตั้งแต่เวลา 18.00 น. จนเต็มพื้นที่ชุมนุมและหนาแน่นมากกว่าทุกวันที่ผ่านมา โดยแยกย้ายกันจับจองที่นั่งหน้าเวทีและหน้าจอโปรเจ็กเตอร์ที่ติดตั้งไว้กว่า 10 จอ เพื่อรับฟังการปราศรัยและการแสดงของกลุ่มพันธมิตรฯ ท่ามกลางการตรวจตราจากเจ้าหน้าที่ รปภ.ของพันธมิตรฯ
อย่างไรก็ตาม บนเวทีนอกจากจะมีการแสดงดนตรี แล้วยังได้นำนักเรียน โรงเรียนราชวินิตมัธยม ที่แสดงตัวเป็นแนวร่วมมาขึ้นมากล่าวด้วย ขณะที่กองทัพธรรมมูลนิธิยังคงปรุงอาหารมังสวิรัติและน้ำดื่มแจกจ่ายให้กับผู้ร่วมชุมนุม ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่รักษาความปลอดภัยยังคงทำหน้าที่ตามปกติ โดยวันนี้ท้องฟ้าโปร่งใสมีลมเย็นสบาย
พันธมิตรอุดรฯปะทะรักทักษิณรอบ 2
เมื่อเวลา 16.30 น. ที่ลานหน้าหน่วยบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลนครอุดรธานี ริมหนองประจักษ์ศิลปาคม นายเจริญ หมู่ขจรพันธ์ แกนนำกลุ่มพันธมิตรอุดรธานี พร้อมสมาชิกจำนวนประมาณ 100 คน ได้ตั้งเวทีปราศรัยเพื่อโจมตีการทำงานของรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี หลังจากที่สภาผู้แทนมีมติไว้วางใจ นายกรัฐมนตรี และ 6 รัฐมนตรี โดยในวันนี้มีการเชิญนายชัยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมาร่วมปราศรัยในช่วงค่ำ
ในขณะที่มีการเริ่มปราศรัย กลุ่มคนรักอุดรฯที่สนับสนุนรัฐบาล และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นำโดยนายขวัญชัย ไพรพนา นักจัดรายการวิทยุชมชน คลื่นคนรักอุดรฯ เอฟเอ็ม 97.5 เมกกะเฮิร์ต จำนวนประมาณ 300 คน ได้นำรถกระบะ ติดเครื่องขยายเสียงมากล่าวโจมตีกลุ่มพัธมิตรอุดรฯที่กำลังปราศรัยในช่วงต้น พร้อมกลุ่มคนที่เดินเท้ามาจากเวทีของกลุ่มคนรักอุดรฯ ที่ตั้งอยู่ที่สนามทุ่งศรีเมือง ห่างจากจุดที่กลุ่มพันธมิตรอุดรฯตั้งเวทีประมาณ 400 เมตร ท่ามกลางความสนใจงของประชาชนจำนวนหนึ่ง ที่มาวิ่งออกกำลังกายที่หนองประจักษ์ศิลปาคม
และเมื่อทั้ง 2 กลุ่มมาเผชิญหน้ากัน ทาง พ.ต.อ.ภัทธราวุธ เอื้มศศิธร รอง ผบก.จ.อุดรธานี พ.ต.อ.ก่อเกียรติ วงศ์สุเมธ ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบประมาณ 100 นาย รวมทั้งกำลัง อส. และ อปพร. ได้มากั้นไม่ให้กลุ่มคนรักอุดรฯเข้าไปยังบริเวณเวที โดยมีการ์ดของกลุ่มพันธมิตรอุดรฯ ยืนขวาง โดยนำเสาธงชาติ มาขวางยืนเรียง ซ้อนต่อจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยกลุ่มคนรักอุดรฯ ได้ตะโกนด่าทอกลุ่มพันธมิตร ด้วยคำหยาบคาย ท่ามกลางเสียงเชียร์ของกลุ่มคนรักอุดรฯ ที่ให้บุกเข้าไปหน้าเวที
ต่อมาเหตุการณ์ทำท่าจะบานปลายขึ้น โดยแกนนำไม่สามารถจะควบคุมกลุ่มคนที่เดินมาร่วมไม่ได้ จ่าพงษ์ฯ โฆษกของสถานีวิทยุของนายขวัญชัย ได้ขออนุญาตทางกลุ่มพันธมิตรขึ้นเวที โดยกล่าวว่า ขอให้กลุ่มคนรักอุดรฯ ได้พากันกลับไปที่เวทีสนามทุ่งศรีเมือง เพราะการมาแสดงกำลังให้เห็นก็เพียงพอแล้ว และขอให้อย่ามีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น ขอให้เดินกลับไปอย่างสงบ ซึ่งอีกด้านนายขวัญชัย ที่กล่าวปราศรัยโจมตีผ่านเครื่องขยายเสียงอยู่บนรถ กล่าวไล่ให้นายเจริญ แกนนำกลุ่มพันธมิตรอุดร ออกไป พร้อมขับรถเคลื่อนออกไป พร้อมกับกลุ่มสมาชิกที่ต่างทะยอยกันเดินกลับเวที
จากนั้น กลุ่มพันธมิตรอุดรฯ ได้ช่วยกันนำเก้าอี้มาตั้ง เพื่อรอฟังการปราศรัยของนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำ พธม.ที่จะมาปราศรัยในเวลาประมาณ 19.00 น. โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ คอยตรวจตราดูแลบริเวณรอบเวที เพื่อดูแลความเรียบร้อย และไม่ให้มีเหตุการณ์รุนแรงขึ้นอีก
พันธมิตรชี้นายกฯควรออกปรับครม.ใหญ่เล็กไม่สำคัญ
เมื่อเวลา 18.00 น. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงผลโหวดลงคะแนนไม่ว้าวางใจนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ทั้ง 7 คน ว่า ตนไม่แปลกใจกับผลโหวดที่ออกมา เนื่องจากก่อนหน้านี้ตนได้มั่นใจว่าพรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 5 พรรคจะโหวดลงคะแนนให้กับนายกรัฐมนตรีและครม.ทั้ง 5 คน นอกจากนี้การโหวดลงคะแนนตนเชื่อว่าน่าจะมีการแลกเปลี่ยนและให้ผลประโยชน์อย่างแน่นอน เพราะเราเห็นได้จากพรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 5 พรรค ก่อนที่จะประกาศเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน ก็ได้มีการตั้งเงื่อนไข 5 ข้อ เพื่อปูทางไปสู่การเข้าร่วมรัฐบาลอย่างชอบธรรม ซึ่งความจริงเป็นการเรียกผลประโยชน์
นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า หลังจากนี้จะมีการปรับ ครม.หรือไม่นั้น คงไม่ใช่ทางออกที่จะแก้ไขปัญหาของประเทศได้ตอนนี้ แต่ถ้าหากมีการปรับ ครม. ตนเห็นว่าควรปรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพียงตำแหน่งเดียว เนื่องจากพฤติกรรมของนายกฯคนนี้มีพฤติกรรมที่กลับกรอกและพูดจาเชื่อถือไม่ได้ อีกทั้งยังเป็นโมฆะบุรุษไปแล้ว ดังนั้นจึงอยากเตือนไปยังพรรคร่วมรัฐบาลว่า การที่ให้ความสนับสนุนรัฐบาล พวกท่านจะนำประเทศไปสู่ทางตันในการแก้ไขปัญหา
นายสุริยะใส กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรในเวลา 2-3 วันนี้ว่า การชุมนุมของพันธมิตรยังคงในยุทธวิธีปักหลักชุมนุมอย่างยึดเยื้อ ส่วนการเป่านกหวีดที่แกนนำทั้ง 5 คน จะมีขึ้นเมื่อไรนั้น คงต้องรอผลการหารือของแกนนำทั้ง 5 คนที่จะมีขึ้นในช่วงค่ำวันนี้ ส่วนกรณีที่มีการนำกำลังเจ้าหน้าที่มารักษาความปลอดภัยบริเวณรอบอาคารรัฐสภานั้น เพราะกลัวกลุ่มพันธมิตรฯจะเคลื่อนไปชุมนุม เรื่องนี้ตนขอยินยันว่าในช่วง 2-3 วัน กลุ่มพันธมิตรจะยังไม่มีการเคลื่อนไหว อย่างไรก็ตามจะต้องรอความเห็นจากแกนนำทั้ง 5 อีกครั้ง
นายสุริยะใส กล่าวถึงกรเจรจากับโรงเรียนที่ตั้งอยู่บริเวณที่ชุมนุมได้แก่ ร.ร.ราชวินิต มัธยม และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ว่า ในส่วนของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนครแกนนำได้มีการหารือไปแล้ว ซึ่งทาง ร.รงได้ขอร้องให้ช่วยลดการใช้เครื่องเสียงลง ซึ่งในส่วนนี้ทางเราพร้อมที่จะอำนวยความสะดวกให้ ส่วน ร.ร. ราชวินิต มัธยม เราได้ส่ง นายพิภพ ธงไชย หนึ่งในแกนนำเข้าไปเจรจา แต่ไม่สามารถหาข้อยุติได้ ทาง ร.ร.จึงขอหาข้อยุติด้วยการฟ้องร้องโดยในส่วนนี้ทางกลุ่มพันธมิตรก็ไม่มีปัญหาที่ร.ร.จะใช้ช่องทางของกฎหมายยุติปัญหา เพราะถือว่าใช้สิทธิ์ของทาง ร.ร. ซึ่งต้องว่าไปตามขั้นตอนของศาล
ส่วนกรณีที่พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น. 1 ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ในเชิงข่มขู่ว่า หากการชุมนุมสิ้นสุดลงจะมีการออกมาเช็คบิน โดยใช้กฎหมายอาญา มาตรา 116 ซึ่งเรื่องนี้กลุ่มพันธมิตร ไม่เคยเกรงกลัว ซึ่งหากอยากทำก็สามารถได้ แต่ตนขอเตือนว่าการเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจรับใช้ฝ่ายการเมืองสามารถถูกเช็คบินได้ง่ายเหมือนกัน
ต่อมานายวิวัฒน์ชัย กุลมาตย์ อาจารย์ภาควาจิตวิทยา คณะศึกษาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง(มร.) กรณีที่นายรังสรรค์ แสงสุข อดีตอธีการบดี มร. ได้ออกมาแถลงข่าวปกป้องความผิดของนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม ว่า หลังจากที่นายรังสรรค์ออกมาปกป้องความผิดให้กับนายสันติ โดยอ้างว่าความจริงแล้วชื่อที่ถูกลงโทษเป็นชื่อพ้องเสียง คือ นายสานติ หรือศานติ พรมพัฒน์ ซึ่งตนให้ทนายความไปดำเนินการตรวจสอบทะเบียนราษฎร์ พบว่าไม่ปรากฏชื่อบุคคลตามที่นายรังสรรค์กล่าวอ้างในสาระบบทะเบียนราษฎร์ ซึ่งตนขอสำเนาเอกสารและมีการรับรองเอกสารของทะเบียนราษฎร์ นอกจากนี้การลบชื่อของนายสันติ พร้อมพัฒน์ อดีต ส.ส.พรรคความหวังใหม่ จ.เพชรบูรณ์ ในขณะนั้น ซึ่งที่ประชุมมีคณาจารย์ถึง 50 คนทำหน้าที่พิจารณาชี้ขาดและเห็นด้วยที่จะลบชื่อนายสันติออก โดยผู้ดำเนินการเสนอลบชื่อในกับต้นสังกัดในขณะนั้นคือ นายพรชัย เทพปัญญา อดีตคณะบดีคณะรัฐศาสตร์ มร. ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ผอ.สถาบันพระปกเกล้า อย่างวไรก็ตามเพื่อทำความจริงให้ปรากฏต่อสาธารณะถึงบุคคลที่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จำเป็นที่ต้องมีจริยธรรมทางการเมือง
“เรื่องนี้น่าประหลาดใจตรงที่ว่า นายชำนิ ศักดิเศรฐ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ก็นั่งอยู่ในสภามหาวิทยาลัยด้วยและไม่เคยออกมาพุดอะไร ทั้งที่รู้เห็นทุกอย่าง ทำให้อาจารย์แก่ใกล้เกษียณอย่างผม ต้องออกมาสู้เพื่อความเป็นธรรมแทน ก็ไม่ทราบว่ามีสมผลประโยชน์อะไรหรือไม่” นายวิวัฒน์ กล่าว
ผู้สื่อข่ารายงานว่า ภายหลังจากที่ตัวแทนคณะอาจารย์และผู้ปกครอง ร.ร.ราชนิต มัธยม เดินทางไปยื่นคำร้องฟ้องต่อศาลแพ่ง ให้ดำเนินการกับกลุ่มพันธมิตรที่กีดขวางาการจราจร ปรากฏว่าในช่วงเวลา 18.30 น. กลุ่มพันธมิตรได้เชิญนักเรียนชายประมาณ 1 คน ขึ้นมากล่าวปราศรัยบนเวทีในฐานะตัวแทนนักเรียน ร.ร.ราชวินิต โดยเนื้อหาได้มีการกล่าวโจมตีคณาจารย์ที่ห้ามนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมกับกลุ่มพันธมิตรฯ ภายหลังการปราศรัยเสร็จสิ้นโฆษกบนเวทีได้กล่าวเตือนว่า หากคณาอาจารย์กำลังการใดๆกับนักเรียนคนนี้ กลุ่มพันธมิตรจะดำเนินการต่อสู้จนถึงที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 17.30 น. กลุ่มตัวแทนจาการไฟฟ้านครหลวงทั้ง 43 องค์กร ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 7 / 2551 โดยมีเนื้อหาระบุว่า การที่สรส.ประกาศจุดยืนที่จะเข้าร่วมการชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตร รวมทั้งได้ยื่นขอเสนอให้รัฐบาลยุติการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการแปลรูรัวิสาหกิจ ซึ่งการบริหารงานของรับบาลตลอดระยะเวลา 4 เดือนที่ผ่านมานั้นมีแต่ความล้มเหลง และสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ประกอบกับขณะนี้ได้มีสัญญาณจากรัฐบาลว่าจะมีการใช้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ ทำให้ สรส.ประกาศว่าหากมีการสลายการชุมนุมจริง เราจะมีการสั่งการให้พี่น้องรัฐวิสาหกิจทุกคนทั่วประเทศหยุดงาน พร้อมทั้งเดินทางเข้าร่วมชุมนุมกับพี่น้องประชาชนทันที ในส่วนของการไฟฟ้านครหลวงนั้นก็จะเข้าร่วมกับ สรส.ด้วย