'นายชัยทำหน้าที่ได้แจ๋ว รวมทั้งรองประธานสภาคนที่ 1, 2 ก็ทำหน้าที่ใช้ได้ ถือว่ามีความเป็นกลาง ให้ความเป็นธรรมฝ่ายค้าน ถ้าให้พูดเฉพาะนายชัย พูดได้ว่าไม่มีข้อตำหนิแม้ ส.ส.ที่เป็นเด็กรุ่นลูก รุ่นหลานพูดจาไม่เหมาะ ก็คุมอารมณ์ได้ดี' สุขุม นวลสกุล
เนื่องจากเวทีการประชุมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลแต่ละครั้ง เป็นการวัด "กึ๋น" และความเป็น "กลาง" ของคนทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม
โดยเฉพาะ "ชัย ชิดชอบ" ส.ส.สัดส่วน พลังประชาชน ที่นั่งเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎร หมาดๆ ขณะนี้อายุปาเข้าไป 81 ปีแล้ว และยังเป็น บิดาของ "เนวิน ชิดชอบ" อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่รับรู้กันว่าเป็น "ฝ่ายจรยุทธ์" ของ "นายใหญ่" นั้น น่าติดตามเป็นอย่างยิ่งว่า "สอบผ่าน" หรือไม่
"เสรี สุวรรณภานนท์" อดีตรองประธานสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ให้ความเห็นว่า "ผมติดตามการอภิปรายตลอด นั่งลุ้นท่านชัยมาก เวลามีการประท้วง เมื่อไหร่ท่านจะตัดเข้าประเด็นที่อภิปรายกัน เพราะปล่อยให้ประท้วงกันมาก จนยืดเยื้อ ทำให้ได้สาระน้อยเกินไป และการวางตัวของท่านไม่ได้ทำให้สมาชิกเกรงใจ เช่น เวลาพูดให้สมาชิกทำอย่างนั้นอย่างนี้ จะเอาความรู้สึกมากำหนดมากกว่ายึดข้อบังคับ หรือบางครั้งให้สมาชิกหยุดพูดแต่สมาชิกไม่หยุด พอท่านใช้อำนาจประธาน สมาชิกก็ไม่ค่อยเชื่อ ดังนั้น ถ้าประธานเข้มแข็งและแม่นข้อบังคับจะดีกว่านี้
"เมื่อสไตล์ของท่านชัยเป็นอย่างนี้ ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ถ้าเปรียบเทียบกับ "ขุนค้อน" สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รองประธานสภาคนที่ 1 จะเห็นว่า "ขุนค้อน" ดีกว่ามาก โดยเฉพาะการดึงให้กลับมาสู่เนื้อหาการอภิปรายนั้นทำได้เร็ว ดังนั้น ถ้าให้ผมพูดโดยภาพรวม คือ ท่านชัยทำหน้าที่ได้กระท่อนกระแท่น ไม่แม่นข้อบังคับ และไร้ประสิทธิภาพ จนคนฟังอภิปรายเกิดอาการอึดอัดมาก การประชุมสะดุด ไม่ราบรื่น ส่วนความเป็นกลางนั้น ไม่ต้องถามหา เพราะการทำหน้าที่ไม่ได้วิกฤต จนถึงขนาดต้องถามความเป็นกลาง แต่ผมคงไม่กล้าให้คะแนนท่านว่าสอบผ่านหรือไม่ เพราะต้องให้เจ้าตัวคือท่านชัยและสมาชิกในที่ประชุมคิดเอง"
แต่ "สุขุม นวลสกุล" อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง เห็นแย้งว่า "นายชัยทำหน้าที่ได้แจ๋ว รวมทั้งรองประธานสภาคนที่ 1, 2 ก็ทำหน้าที่ใช้ได้ ถือว่ามีความเป็นกลาง
ให้ความเป็นธรรมฝ่ายค้าน ถ้าให้พูดเฉพาะนายชัย พูดได้ว่าไม่มีข้อตำหนิ แม้ ส.ส.ที่เป็นเด็กรุ่นลูก รุ่นหลานพูดจาไม่เหมาะ ก็คุมอารมณ์ได้ดี ผมว่านายชัยสอบผ่าน ผมให้ A เนื่องจากเห็นว่านายชัยได้พยายามใช้บารมี ความเป็นผู้ใหญ่ มากกว่าใช้อำนาจตามตัวบทกฎหมาย ไม่หักหาญน้ำใจสมาชิก แต่ถึงคราวเด็ดขาดก็เด็ดขาด โดยอาศัยข้อบังคับ อย่างการเชิญนายสมคิด บาลไธสง ส.ส.หนองคาย พรรคพลังประชาชน ออกจากห้องประชุม เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน
ส่วนการประชุมที่ยืดเยื้อนั้นผมไม่โทษการคุมเกมของประธานสภา แต่ผมโทษ ส.ส.มากกว่าที่ประท้วงเรื่องไม่เป็นเรื่อง
ผมว่าน่าจะออกข้อบังคับ ส.ส.คนหนึ่งประท้วงได้กี่ครั้ง และจะเห็นว่าการที่นายชัยมีความอาวุโส เป็น ส.ส.หลายสมัยได้เปรียบ เพราะการทำหน้าที่ประธานการประชุมจะใช้ข้อบังคับอย่างเดียวเอาไม่อยู่ สรุปคือ บทเรียนแรก ถือว่านายชัยใช้ได้ แต่อย่าเพิ่งสรุป ขอให้ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน ดีกว่า"
ที่มา หน้า 11 หนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2551