ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติเพื่อขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ วันที่ 2 เริ่มด้วยการอภิปรายของนายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งได้รับมอบหมายให้อภิปรายนายกรัฐมนตรีในข้อกล่าวหาที่ 5 กรณีแสดงท่าทีปกป้องให้ท้าย กับผู้ใต้บังคับบัญชาที่กระทำความผิดอย่างออกหน้า แม้รัฐมนตรีที่มีทัศนคติที่เป็นอันตรายต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อันเป็นความผิดร้ายแรง นายสมัคร สุนทรเวช ก็ยังปกป้อง โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อสถาบันอันเป็นที่เคารพยิ่งของประเทศชาติและประชาชน
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ได้ลุกขึ้นชี้แจงนายนิพิฎฐ์ กรณีมีการระบุว่า
เป็นต้นตำรับการแสดงเอกสารเท็จในสภาฯ ว่า ความจริงเป็นอย่างนั้น ที่ต้องนำเอกสารเท็จเอามาแสดงให้ดู เพราะมีคนบอกว่า มีคนเอาเอกสารเท็จไปแสดงให้ดู เพื่อจะได้รับเงินส่วนที่เกินกว่าการลงทุน คนก็ด่าว่า นายสมัครนำเอกสารเท็จมาแสดง "คนที่เป็นไม้สักทำพื้นได้ ทำเสาได้ ตากแดดตากฝนได้ คือคนอย่างนายสมัคร คนที่เป็นไม้ฉำฉา มาปูพื้นทนฟ้าทนฝนไม่ได้นาน ควรศึกษาก่อนมาพูดจาว่า ผมเป็นต้นฉบับ"นายกรัฐมนตรี กล่าว และว่า การอภิปรายคุณสมบัติคนอย่างตนว่าไม่จงรักภักดี ควรไปศึกษาให้ดีก่อน อย่าได้สงสัยในเรื่องความไม่จงรักภักดีของนายสมัคร
ยก 2 สมัคร-อภิสิทธิ์ เปิดศึก ประเด็นปกป้องจักรภพ
ส่วนเรื่องนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรมต.ประจำสำนักนายกฯ นั้น นายสมัคร กล่าวว่า
คนที่เป็นนายกรัฐมนตรีต้องมีเหตุผล เพราะมีการเก็บเรื่องไว้ 8 เดือน พอไม่ถูกใจ แล้วนำมาเล่นงาน เรื่องอย่างนี้ตำรวจต้องวินิจฉัย ตนให้ตำรวจจัดการ นายจักรภพออกเพราะตำรวจบอกว่าผิด
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวถึงญัตติข้อที่ 5 ว่า
ตนไม่ได้สงสัยในความจงรักภักดีของนายกฯ เพียงแต่เรียกร้องว่า ให้ใช้อำนาจทางการบริหาร แก้ไขปัญหา ตนไม่ทราบว่านายกฯ เจตนาว่าใครเก็บเรื่องไว้ 8 เดือน ส่วนประเด็นการพูดจาดูแคลนคนมีอายุมาก ไม่จริง ตนให้ความเคารพกับผู้อาวุโส สิ่งที่อภิปรายเป็นเรื่องพฤติกรรมไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุ ดีชั่วไม่ได้อยู่ที่แก่หรือหนุ่ม คนดีคนชั่วมีทั้งคนแก่และคนหนุ่ม เราว่าไปตามข้อเท็จจริง
“ส่วนการพูดกันว่า อยากหรือไม่อยากเป็นนายกรัฐมนตรี ผมสนใจการเมืองตั้งแต่เด็ก แต่นักเมืองคนแรกที่ประกาศว่าอยากเป็นคนแรกคือท่านนายกฯ ที่ประกาศบันได 3 ขั้น สุดท้ายท่านก็มาตรงนี้ ส่วนผมก็มาตามระบบ และไม่ได้ไปไหน หรือออกไปตั้งพรรค จะเรียกอยากหรือไม่อยาก ถ้ามีความอยากก็คืออยากเข้าไปมาทำงาน แต่หากไม่สามารถมาตามระบบ ผมก็ยอมรับคำตัดสินของประชาชน ผมต้องต่อสู้ด้วยตัวเองไม่เป็นนอมินีหรือหุ่นเชิดให้ใคร” ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าว