แฉผลสอบฮั้ว กทม. คนระดับบิ๊กพัวพัน งาบเงิน 6 พันล้าน

ไทยรัฐ

การฮั้วซื้อรถและเรือดับเพลิงของ กทม.ใกล้ได้ข้อยุติเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้อง ภายหลังคณะกรรมการชุดสอบสวนส่งรายงานให้กับผู้ว่าฯ กทม. โดยเมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 2 มิถุนายน ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร นางนิตยา จันทร์เรืองมหาผล ที่ปรึกษาสำนักวิชาการกระทรวงสาธารณสุข รศ.ดร.ชัยฤทธิ์ สัตยประเสริฐ สภาวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ 2 ใน 7 คณะกรรมการตรวจสอบสัญญาตามโครงการพัฒนาระบบบริหารและเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของ กทม.พร้อมด้วยนายวัลลภ สุวรรณดี รองผู้ว่าฯ กทม. ร่วมกันแถลงสรุปผลการสอบสวนข้อเท็จจริงในโครงการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิง มูลค่า 6,687 ล้านบาท โดยคณะกรรมการได้ใช้เวลาในการสอบสวนข้อเท็จจริงนานกว่า 4 เดือน หลังจากที่นายอภิรักษ์เซ็นลงนามแต่งตั้งเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา

นางนิตยากล่าวว่า คณะกรรมการได้ตรวจสอบความถูกต้องและรายละเอียดของสัญญาการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงเสร็จแล้ว และได้รายงานให้นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม.ทราบแล้ว โดยคณะกรรมการไม่มีอำนาจหน้าที่ในการสืบสวนสอบสวนหาผู้รับผิด เพราะต้องดำเนินการตามกรอบที่ได้รับมอบหมายเท่านั้น เป็นการตรวจสอบความถูกต้องและรายละเอียดของสัญญาจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงทุกขั้นตอน เรื่องดังกล่าวมีเอกสารเกี่ยวข้องหลายสังกัด และเกี่ยวข้องเฉพาะบุคคล คณะกรรมการฯจึงมีความเห็นว่ารายงานผลการสอบสวนเป็นเอกสารที่ต้องตีตราเป็นความลับ ดังนั้นจึงไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณชนได้ จะเป็นการให้คุณให้โทษแก่ บุคคลที่เข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้

นางนิตยากล่าวว่า การตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่ามีความผิดปกติหลายขั้นตอน ลักษณะวิธีการซื้อขายไม่ปกติธรรมดา และยอมรับว่ากระบวนการทั้งหมดมีส่วนทำให้การจัดซื้อครั้งนี้มีราคาที่แพงเกินจริง แต่การที่จะยืนยันว่ากระบวนการทั้งหมดผิดหรือถูกจะต้องมีผู้ที่ชำนาญการเฉพาะด้านมาช่วยพิจารณาตรวจสอบด้วย ดังนั้นจึงไม่สามารถสรุปได้ สำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องคณะกรรมการฯเห็นว่าเป็นการดำเนินการในระดับสูง ไม่ใช่ ข้าราชการระดับปฏิบัติงานโดยทั่วไป เป็นการตัดสินใจในระดับนโยบาย อีกทั้งคณะกรรมการฯมองว่า กทม.เป็นหน่วยงานท้องถิ่น แต่การดำเนินการจัดซื้อครั้งนี้เป็นงานระดับชาติ เนื่องจากเป็นการค้าต่างตอบแทนระหว่างรัฐต่อรัฐ

ผู้สื่อข่าวถามว่า การยกเลิกสัญญาควรเป็นหน้าที่ของรัฐบาลใช่หรือไม่ นางนิตยาตอบว่า ประเด็นดังกล่าวขอตอบในฐานะส่วนตัวไม่เกี่ยวกับคณะกรรมการฯ ซึ่งโดยส่วนตัวเห็นว่าวิถีทางตัดสินใจเป็นการซื้อต่างตอบแทนระหว่างรัฐต่อรัฐ ซึ่งมีการเซ็นข้อตกลงความเข้าใจ (A.O.U.) เป็นเรื่องที่อยู่ในระดับรัฐบาลทั้งสิ้น หลังจากนั้นจึงมาสู่ระดับท้องถิ่น ดังนั้นการยกเลิกสัญญาจึงน่าจะเป็นหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยหรือรัฐบาล ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ในประเด็นเรื่องสัญญามีผลซึ่งมีการถกเถียงกันระหว่าง กทม.และมหาดไทยว่าการเปิด L/C ของผู้ว่าฯ กทม. ทำให้สัญญาสมบูรณ์ ขณะที่ กทม.บอกว่าการเปิด L/C เป็นไปตามเงื่อนไขของ A.O.U. ก่อนหน้านี้ นางนิตยากล่าวว่า การเปิด L/C ก็มีส่วนทำให้ สัญญามีผลสมบูรณ์ ซึ่งจะต้องพิจารณาต่อว่าเหตุใดจึงมีการตัดสินใจเปิด L/C ทั้งนี้ เท่าที่ได้ตรวจสอบพบว่ามีหลายประเด็นที่นำโยงไปในการเปิด L/C

เรื่องนี้ไม่สามารถให้ปลาซิวปลาสร้อยมารับ ผิดชอบได้ จะต้องสืบสวนสอบสวนให้ลึกกว่านี้ ผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ใช่ตัวเล็กๆแน่นอน เป็นระดับบิ๊กๆ แต่จะมีใครเกี่ยวข้องบ้าง คงบอกไม่ได้เพราะยังไม่มีการสอบ สวนในทางลึก ชั้นนี้เป็นเพียงการสืบสวนในขั้นต้น คงจะไม่ยุติธรรมที่จะให้ข้อมูล เพราะอาจทำให้มีผู้เสียประโยชน์ นางนิตยากล่าว

ทั้งนี้ นางนิตยายอมรับว่ามีความอึดอัดใจในการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว เพราะไม่ใช่เรื่องง่าย ค่อนข้างมีปัญหาอุปสรรคในการรวบรวมเอกสารหลักฐานจากหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ขอปฏิเสธว่าไม่มีการล็อบบี้หรือได้รับโทรศัพท์จากบุคคลใดให้พิจารณาผลออกมาในทางบวก และผู้ว่าฯ กทม.ก็ไม่เคยมาเจรจาอะไรกับคณะกรรมการฯเป็นพิเศษ

ด้านนายวัลลภ สุวรรณดี รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า กทม.จะนำผลการสอบสวนของคณะกรรมการฯไปหารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในสัปดาห์ หน้า เพื่อหาทางออกร่วมกันในฐานะที่เป็นหน่วยงานที่ลงนาม A.O.U. นอกจากนี้จะส่งข้อมูลไปให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และผู้ว่าการการตรวจเงินแผ่นดินดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์