ไทยรัฐ
ที่สำนักงาน กกต. นายประยูร พูลจันทร์ สมาชิกพรรคพัฒนาชาติไทย ได้นำรูปของนายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ที่กำลังทำพิธีเปิดที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ สาขานครพนม เมื่อปี 2540 โดยมีนายสุขสันต์ ชัยเทศ ผู้อำนวยการเลือกตั้งพรรคพัฒนาชาติไทย อยู่ในภาพด้วย มาแจกให้กับผู้สื่อข่าว ทั้งนี้ในภาพดังกล่าวมีการระบุข้อความว่า การที่นายสุขสันต์ไปปรากฏตัวร่วมแถลงข่าวกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการประชาธิปัตย์ ระบุว่าได้ร่วมกันแต่ง บัญชีรายชื่อสมาชิกพรรคพัฒนาชาติไทย เพื่อให้มีคุณสมบัติสมาชิกพรรคครบ 90 วัน และเป็นหนึ่งในคณะของนายสุเทพ ที่ไปหานายบุญทวีศักดิ์ อมรสินธุ์ หัวหน้าพรรค พัฒนาชาติไทย เมื่อวันที่ 15 มี.ค. เพื่อเสนอเงิน 15 ล้านบาท ว่าจ้างให้ใส่ร้ายพรรคไทยรักไทยนั้น ภาพนี้แสดงว่านายสุขสันต์มีเบื้องหลังผูกพันกับพรรคประชาธิปัตย์ เป็นกระบวนการล้มการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตามเมื่อผู้สื่อข่าวซักถามว่า การไปยืนถ่ายรูปกับนักการเมืองชื่อดัง เป็นเรื่องที่คนทั่วไปชอบทำกัน และเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมา 9 ปีแล้ว จะมาบอกว่าต้องรู้จักกันได้อย่างไร นายประยูรตอบว่า ไม่ทราบ เพราะนายบุญทวีศักดิ์ให้นำเอกสารมาแจกเท่านั้น
ตัวแทนพรรคเล็กรุดให้ปากคำ กกต.
วันที่ 2 มิ.ย. กกต.ได้เรียกนายทวี สุวรรณพัฒน์ นายพงศ์ศรี ศิวาโมกข์ และนายธีรชัย จุลพัฒน์ ที่ปรากฏอยู่ในภาพวีดิโอวงจรปิด ที่เข้าพบ พล.อ.ธรรมรักษ์ที่กระทรวงกลาโหม เพื่อเจรจาเรื่องการส่งพรรคเล็กลงสมัคร มาชี้แจงข้อกล่าวหา โดยนายปริญญา นาคฉัตรีย์ กกต. เป็น ผู้สอบสวนเอง ภายหลังจากการชี้แจง นายทวีกล่าวว่าได้ชี้แจงว่าทำงานหาข่าวในพื้นที่ภาคใต้ให้ พล.อ.ธรรมรักษ์ และได้รู้จักกับนายชวการจากการติดต่อจากนายธีรชัย โดยบอกว่ามีงานให้ทำ เป็นเรื่องเกี่ยวกับ 2 พรรคใหญ่ ขอให้ประสานผู้ใหญ่ในพรรคไทยรักไทยให้ด้วย จึงได้โทรศัพท์ติดต่อไปหา พ.อ.เชิดพงษ์ บุญเกียรติ หรือ น้าอ้วน ช่างภาพประจำตัว พล.อ.ธรรมรักษ์ เพื่อติดต่อขอพบแต่ไม่ได้พบ และก็ไม่เคยรับเงินจาก พล.อ.ธรรมรักษ์ ส่วนผลสอบของคณะอนุกรรมการฯ ที่ผ่านมาคณะอนุกรรมการฯ โทร.ไปหา และบอกว่าต้องรีบปิดสำนวน ขอสอบปากคำทางโทรศัพท์ โดยถามเพียงว่า รู้จักกับนายชวการได้อย่างไร ก็บอกว่านายพงษ์ศรีแนะนำให้รู้จัก ดังนั้นจะฟ้องร้องทุกคนหมด เพราะทำให้เสื่อมเสีย
รู้ผลสอบภาพลับกลาโหมรั่ว 5 มิ.ย.
พล.อ.สิริชัย ธัญญสิริ ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนการนำภาพวีดิโอวงจรปิดภายในกระทรวงไปเผยแพร่ต่อสาธารณชนว่า ผลสอบก้าวหน้าไปมาก มีหลักฐานพอสมควร แต่คณะกรรมการขอตรวจสอบหลักฐานบางอย่างเพิ่มเติม เช่น บุคคลในกระทรวงกลาโหม ส่วนบริษัทติดตั้งวงจรปิดนั้น คณะกรรมการฯจะเชิญมาสอบถามทางเทคนิคเช่นกัน คิดว่าวันที่ 5 มิ.ย.นี้ จะทราบผลสรุปทั้งหมด คณะกรรมการฯ จะเสนอมาตรการลงโทษขึ้นมาด้วยว่าจะทำอะไรบ้าง ทั้งนี้จะสอบสวนทุกประเด็น ทั้งเรื่องเทคนิค เรื่องระเบียบ แต่ยังไม่สามารถระบุว่าจุดบกพร่องเกิดจากอะไร เพราะจะเป็นการชี้นำ จะลงโทษคนผิดตามอำนาจที่มี แล้วแต่ ลักษณะความผิด ไม่มีการซูเอี๋ยแน่
ขู่เล่นงานคดีอาญาคนปูดความลับ
เมื่อถามว่าบทลงโทษจะถึงปลด ไล่ออกหรือพักราชการหรือไม่ พล.อ.สิริชัยตอบว่า ทุกอย่างอยู่ในเกณฑ์ทั้งนั้น เพียงแต่ว่าต้องให้โอกาสเขาเหมือนกัน เพราะผลคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยขั้นต้น ไม่ใช่เรื่องทางอาญา หากเป็นเรื่องทางอาญาต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินคดีอาญาอีกขั้นตอนหนึ่ง ในขั้นนี้อาจเป็นการลงทัณฑ์ทางวินัย ตามมาตรการที่ราชการกำหนด เมื่อถามว่าทหารที่เปิดข้อมูลจะมีความผิดทางอาญาหรือไม่ พล.อ.สิริชัยตอบว่า หากเอาเอกสาร หรือหลักฐานทางราชการที่รั่วไหลไปให้บุคคลที่ไม่พึงประสงค์ ก็ผิดทั้งวินัยและอาญา ทางราชการมีสิทธิ์จะดำเนินการอะไรก็ได้ ตามอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ ยืนยันว่า ต้องมีคนผิดแน่นอน แต่อยู่ที่หลักฐานแวดล้อมมีแค่ไหน อย่างไร และคนผิดจะยอมรับหรือไม่ หากไม่ยอมรับก็ต้องว่ากันด้วยเหตุผล
อภิสิทธิ์ เรียกร้อง กกต.ให้ลาออก
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ กกต.จะสรุปผลสอบกรณีพรรคการเมืองใหญ่จ้างพรรคเล็กลงสมัครในวันที่ 5 มิ.ย.ว่า ขณะนี้สิ่งที่ กกต.ที่เหลือควรทำที่สุดคือลาออกไป เพราะศาลให้แนวทางที่ชัดเจนแล้วว่า วิกฤติของประเทศจะคลี่คลายอย่างไรขึ้นอยู่กับ กกต. และที่ผ่านมาทุกฝ่ายได้แสดงเหตุผลของการเรียกร้องมาแล้ว คงไม่ต้องพูดเรื่องถูกหรือผิด เพราะเรื่องที่อยู่ในศาลไม่เหลือเหตุผลอะไร ที่จะทำให้ กกต.ทำหน้าที่ต่อไป
ทุกคนเรียกร้องต่อ กกต.มามากแล้ว ผมอยากเรียกร้องต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคการเมือง ให้แสดงท่าทีที่ชัดเจนว่า ควรให้ กกต.ชุดใหม่มาทำงานจะดีกว่า หากคิดถึงบ้านเมืองและประชาชน น่าจะมาร่วมกับพรรคการเมืองอื่นที่เคยอยู่ในสภาฯ บอก กกต.บ้าง จะได้เท่ากับว่า ทุกพรรคการเมืองที่อยู่ในสภาฯ ต้องการ กกต.ชุดใหม่ จะได้ปลดล็อกตรงนี้ ไม่ให้ยืดเยื้อ นายอภิสิทธิ์กล่าว
เหมาะสมที่สุดที่จะคลี่คลายวิกฤติ
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า หาก พ.ต.ท. ทักษิณไม่ได้คิดถึงผลประโยชน์ของตัวเอง พวกพ้อง หรือไม่ได้มีความผูกพันอะไรเป็นพิเศษกับ กกต. ทั้ง 3 คน เวลานี้เหมาะสมที่สุดที่จะคลายวิกฤติของชาติ น่าจะได้ แสดงออก เรื่องจะได้จบ ส่วนกรณีการจัดการเลือกตั้งใหม่การประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ว.ที่เหลือ หรือการสอบสวนเรื่องที่ค้างอยู่นั้น เชื่อว่าขณะนี้ กกต.ชุดใหม่จะสามารถเข้ามารับต่อได้ ดังนั้น ตรงนี้ถือเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพื่อให้ทุกฝ่ายมั่นใจว่า ทุกอย่างจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ จะมีการเลือกตั้งและมีสภาที่ทุกคนยอมรับ เพราะเรื่องใครจะแพ้ใครจะชนะไม่สำคัญเท่าผลประโยชน์ของประชาชน และเวลานี้ประชาชนรอคอยว่าเมื่อไรที่กลไกทุกอย่างจะเรียบร้อย เมื่อถามว่าการตรวจสอบพรรคการเมืองใหญ่จ้างพรรคการเมืองเล็กลงสมัครรับเลือกตั้งยังจำเป็นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า สิ่งที่ต้องการตอกย้ำในนาทีนี้สิ่งที่ กกต.ควรทำอย่างดีที่สุดคือลาออกไป ถ้า กกต.ยังอยู่ ต่อไป เรื่องจะยืดเยื้อ ปัญหาไม่จบ และจะมีคดีไปสู่ศาล มากขึ้น ส่วนเรื่องอื่นก็ให้ กกต.ชุดใหม่มาทำก็ได้
ปชป.ท้าฟ้องศาลพิสูจน์ภาพตัดต่อ
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกสำนักการเลือกตั้ง พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์กรณี พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ปฏิเสธหลักฐาน รูปภาพที่พูดคุยว่าจ้างผู้สมัครพรรคเล็กลงเลือกตั้ง ตามที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ นำเสนอต่อศาลว่า ถึง พล.อ.ธรรมรักษ์ปฏิเสธอย่างไร สังคมก็ไม่เชื่อ ถ้าเป็นข้อมูลไม่จริง พล.อ.ธรรมรักษ์ ซึ่งเป็นคนโผงผางต้องตอบโต้ก้าวร้าว และฟ้องหมิ่นประมาท แต่ที่ไม่กล้าฟ้องศาล เพราะกลัวหลักฐานเด็ดๆ ไปปรากฏในชั้นศาล อีกทั้งคนในพรรคไทยรักไทยและนายโภคิน พลกุล รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ได้แสดงท่าทีตัดช่องน้อยพอตัว โยนให้ พล.อ.ธรรมรักษ์รับผิดชอบไปคนเดียว ถ้าบอกว่าภาพดังกล่าวเป็นภาพตัดต่อจริง แล้วกระทรวงกลาโหมไปตั้งคณะกรรมการสอบสวน รปภ.ทำไม ถ้าอยากพิสูจน์ขอให้นำภาพของนายสุเทพไปเปรียบเทียบกับภาพต้นฉบับที่กระทรวงกลาโหมมีอยู่ว่าเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร ส่วนกรณีพรรคไทยรักไทยระบุว่ามีหลักฐานสามารถยุบพรรคประชาธิปัตย์ได้นั้น ขอให้นำหลักฐานมาโชว์ ไม่ใช่พูดเพื่อแก้เกี้ยวทางการเมือง