กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
2 มิถุนายน 2549 19:20 น.
จนถึงขณะนี้กรณีเทปฉาวพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็กยังไม่จบ และดูเหมือนว่าเรื่องกลับเป็นประเด็นที่มองข้ามไม่ได้
++++++++
ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ (กกต.) ได้ทำหนังสือเชิญ นายทวี สุวรรณพัฒน์ คนสนิทของ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รมว.กลาโหม ซึ่งถูกระบุว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการจ้างวานพรรคเล็กลงสมัครรับเลือกตั้ง และมีภาพปรากฏเป็นหลักฐานว่า ได้นำ "นายชวการ โตสวัสดิ์" เข้าไปที่กระทรวงกลาโหม ตามเทปฉาวก่อนหน้านี้
ล่าสุดวันนี้นายทวี ได้เข้าพบและให้ปากคำ ต่อนายปริญญา นาคฉัตรีย์ เป็นรายที่สองต่อจากพล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ขุนพลอีสานในฐานะรมว.กลาโหม เจ้าของสถานที่ของเทปฉาว ที่มาให้ปากคำไปก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 1พ.ค.ที่ผ่านมา
นายทวี กล่าวว่า ตนเป็นคนหาข่าวในกรณีความไม่สงบในสามจังหวัดภาคใต้ ให้กับ พล.อ.ธรรมรักษ์ ซึ่งหลังจากที่มีการยุบสภา ตนก็ได้รับการติดต่อจากนายธีรชัย จุลพัฒน์ หรือต้อย โดยบอกว่าจะมีจ็อบเกี่ยวกับการเลือกตั้งให้ทำ และนัดพบกันที่ร้านอาหารข้างพรรคไทยรักไทย
เพราะขณะนั้นตนเพิ่งเสร็จงานจากโรงแรมอมารี ประตูน้ำ ซึ่งนายธีรชัย และนายพงษ์ศรี หรือ ยุทธพงษ์ ศิวาโมกข์ ก็ได้นำนายชวการมาพบ โดยนายชวการระบุว่า ต้องการเข้าพบกับผู้ใหญ่ในพรรคไทยรักไทย เพราะมีข่าวสำคัญเกี่ยวกับพรรคการเมืองจะบอก ซึ่งตนก็ถามไปว่า เล่ารายละเอียดให้ฟังได้หรือไม่ นายชวการตอบว่าไม่ได้ ต้องคุยโดยตรงกับผู้ใหญ่เพียงอย่างเดียว
นายทวี กล่าวต่อว่า จากนั้นตนจึงติดต่อไปที่กระทรวงกลาโหม โดยผ่าน พ.อ.เชิดพงษ์ บุญเกียรติ หรือ น้าอ้วน ซึ่งทำหน้าที่จัดคนเข้าพบ พล.อ.ธรรมรักษ์ และได้นัดให้มาพบในวันรุ่งขึ้นช่วงบ่ายๆ ซึ่งตนก็ได้นัดกับนายพงษ์ศรี นายธีรชัย และนายชวการ ที่ร้านอาหารครัวราชดำเนิน เวลา 13.00 น. ก่อนที่จะเดินทางไปยังกระทรวงกลาโหม เวลา 14.00 น. ซึ่งตนก็ได้โทรประสานกับ พ.อ.เชิดพงษ์ และขึ้นไปรอที่บริเวณระเบียงชั้น 2 รอประมาณ 20 นาที ก็เห็นพล.อ.ธรรมรักษ์ เดินขึ้นมา และก็เดินเข้าห้องไป
ตนจึงประสาน พ.อ.เชิดพงษ์ ว่า เมื่อพล.อ.ธรรมรักษมาแล้วจะขอเข้าพบได้หรือไม่ ซึ่งก็รอจน 14.30 น. ก็ได้รับแจ้งว่า พล.อ.ธรรมรักษ์มีแขกสำคัญ หากจะพบก็ต้องรอนาน นายชวการจึงบอกว่ามีธุระ ไม่สามารถรอได้ ตนจึงแจ้งไปว่านายชวการรอไม่ได้ และจึงเดินทางกลับ
นายทวีกล่าวอีกว่า ในวันรุ่งขึ้นนายธีรชัยก็ประสานมาว่า ขอให้มาพบที่โรงแรมกานต์มณี โดยระบุว่ามีงานสำคัญตนก็ไป ซึ่งก็พบกับนายพงษ์ศรีด้วย ซึ่งนายธีรชัยแจ้งว่า ได้ไปรับงานจากนายชวการ ซึ่งต้องการให้รับงานประชาสัมพันธ์ให้กับผู้สมัครพรรคพัฒนาชาติไทย และต้องการให้ช่วย เพราะตนรู้จักกับโรงพิมพ์ต่างๆ ตนก็เลยรับงานมา และงานดังกล่าวต้องนำช่างภาพ มาถ่ายผู้สมัครเพื่อทำโปสเตอร์
และในวันรุ่งขึ้นก็ได้ไปถ่ายรูปผู้สมัคร และหลังจากนั้นก็ได้นำตัวอย่างงานไปให้ดู และตนก็ขอเบิกเงินค่าใช้จ่าย แต่กลับไม่ได้รับ ตนจึงเลิกรับงานนนี้ และเรื่องทั้งหมดก็มีเท่านี้ ไม่ได้มีการจ่ายเงินเพื่อจ้างพรรคเล็กลงสมัครแต่อย่างใด
นายทวียอมรับว่า ภาพที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นำมาเปิดเผย เป็นภาพของตนจริง เพราะตนได้ไปที่กระทรวงกลาโหม อย่างที่บอกให้ทราบ และตนจะฟ้องผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน เพราะทำให้ตนเสื่อมเสียมาก
นายทวียังกล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.สุวิชชา บุญมี คณะอนุกรรมการของ กกต. ได้โทรศัพท์ไปสอบสวนตน โดยระบุว่าที่ต้องใช้โทรศัพท์ ก็เนื่องมาจากต้องรีบปิดสำนวน และถามเพียงว่า รู้จักกับนายชวการหรือไม่ และอย่างไร
ตนก็บอกว่า นายพงษ์ศรีแนะนำให้รู้จัก และก็ไม่ได้สอบถามอะไรเพิ่มเติมอีก ซึ่งการที่คณะอนุกรรมการสรุปอย่างนี้ ก็ขอให้ไปพูดกันในชั้นศาล
ขณะเดียวกันนายชูวิทย์ หรือบุญชู ซุ้นสุวรรณ อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 จ.สงขลา พรรคแผ่นดินไทย และนายแฟนดี้ ปะสู กรรมการจัดการเลือกตั้งในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดน ของพรรคแผ่นดินไทย ได้มาให้การเพิ่มเติมกับคณะอนุกรรมการสอบสวนของ กกต.
โดยนายบุญชู กล่าวว่า สื่อเสนอข่าวว่า กกต.จะดำเนินคดีกับผู้สมัครพรรคเล็กทุกคน ที่ลงสมัคร และถูกศาลสั่งเพิกถอนสิทธิ์ เพราะการเป็นสมาชิกพรรคนั้นอาจจะไม่ถูกต้อง ทำให้ตนเกิดความเสียหาย เพราะในข้อเท็จจริงตนเป็นสมาชิกพรรคแผ่นดินไทย มาตั้งแต่กลางเดือนกันยายน 2548 การลงสมัครมีคุณสมบัติครบถ้วน
แต่หัวหน้าพรรคส่งรายชื่อการเป็นสมาชิกพรรคให้ กกต. ล่าช้า ทำให้ไม่มีชื่อปรากฏในระบบฐานข้อมูลของ กกต.จึงถูกศาลสั่งตัดสิทธิ์ ตนไม่ได้รับจ้างให้มาลงสมัครด้วยเงิน 60,000 บาท ตามที่มีการกล่าวอ้าง และตนก็ไม่รู้จักกับเสธทหาร ที่มีการกล่าวว่าเป็นผู้มาจ้างให้พรรคแผ่นดินไทย ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง
ส่วนนายแฟนดี้ กล่าวว่า ตนมีหน้าที่ในการจัดหาคนมาลงสมัคร ส.ส.ใน 12 เขต ของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตนได้รับเงิน 70,000 บาท จากเหรัญญิกของพรรค เพื่อไปใช้ในการดำเนินการ โดยไม่ทราบว่าเงินดังกล่าว พรรคได้มาจากใคร เพราะระดับตนจะไปรู้จักกับคนระดับเสธใหญ่โต คงเป็นไปไม่ได้ และเงินที่ได้รับมาก็ไม่ได้นำไปจ้างคนที่มีคุณสมบัติไม่ครบถ้วนมาลงสมัคร ส.ส. หรือรับมาเพื่อลงสมัครเอง
ทั้งนี้บุคคลทั้ง 2 เป็นผู้ที่มีชื่อปรากฎอยู่ในรายงานผลการสอบสวนเรื่องพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็ก ของ"นายนาม ยิ้มแย้ม" ว่าเป็นบุคคลที่ต่างก็ยืนยันกับอนุกรรมการว่า ได้ลงรายมือชื่อรับเงินจำนวนดังกล่าวจากนางฐัติมา ภาวะลี ผู้ประสานงานพรรคแผ่นดินไทย เพื่อไปเป็นค่าใช้จ่ายในการสมัครรับเลือกตั้งในพื้นที่ภาคใต้