พนักงานสอบสวนคนเดิมบอกด้วยว่า ล่ามที่จะนำมาเป็นคนกลางช่วยแปลต้องเป็นคนที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ
โดยจะไม่มีโอกาสรู้คำถามล่วงหน้า จะรู้ก็ต่อเมื่อมานั่งให้การต่อหน้าพนักงานสอบสวนแล้วเท่านั้น จากนั้นก็จะให้ล่ามเซ็นหนังสือรับรองด้วยว่าแปลได้ถูกต้องแล้ว ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้มีการซักซ้อมคำตอบเอาไว้ล่วงหน้า อันอาจจะทำให้สำนวนการสอบสวนเบี่ยงเบนไป ! สิ่งสำคัญอีกประการก็คือ จะต้องมีนักวิชาการด้านนิติศาสตร์และนักวิชาการด้านภาษาศาสตร์มาช่วยตีความในคำปาฐกถาของนายจักรภพด้วย และต้องเป็นนักวิชาการที่มีความรู้ความสามารถและเชี่ยวชาญทั้งด้านภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ตลอดจนเป็นนักวิชาการด้านนิติศาสตร์ที่มีความรู้ความสามารถ และเป็นคนกลางไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด คือไม่ฝักใฝ่นายจักรภพและไม่ฝักใฝ่ผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับนายจักรภพ
ในส่วนของนักวิชาการด้านนิติศาสตร์จะพิจารณาว่า คำพูดของนายจักรภพเข้าข่ายประมวลกฎหมายอาญา ภาค 2 ความผิดลักษณะ 1
ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หมวด 1 ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เบื้องต้นพนักงานสอบสวนตั้งข้อกล่าวหามาตรา 112 ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปีหรือไม่ นักวิชาการด้านนิติศาสตร์ต้องพิจารณาเอกสารที่ถอดมาจากคำพูดของนายจักรภพ โดยดูตั้งแต่ต้นว่าเข้าข้อหานี้หรือไม่ หากตีความว่าเข้าข่ายก็ต้องให้นักวิชาการด้านภาษาศาสตร์เข้ามาดูว่า คำพูดนี้สมควรพูดหรือไม่ คำพูดนี้หมายความว่าอย่างไร คำพูดนี้อ่านแล้วฟังแล้วมีความรู้สึกอย่างไร ?
ภายหลังการเข้าพบพนักงานสอบสวนของนายจักรภพแล้ว พนักงานสอบสวนคนเดิมที่ให้ข้อมูลกับ "คม ชัด ลึก" ได้เดินทางไปพบนักวิชาการด้านภาษาศาสตร์ ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โดยนำเอกสารพร้อมเทปคำพูดตัวจริง ตลอดจนเอกสารคำแปลไปให้พิจารณา ต่อมา "คม ชัด ลึก" ได้เดินทางไปพบนักวิชาการคนดังกล่าว และมีโอกาสได้พูดถึงเรื่องข้างต้น อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาศาสตร์บอกว่า จักรภพเป็นคนมีความรู้ ความสามารถ แต่การกระทำครั้งนี้ คำพูดบางคำพูดไม่เป็นการสมควรอย่างยิ่ง ส่วนคำถามที่ว่าเข้าข่ายความผิดที่พนักงานสอบสวนตั้งข้อหาหรือไม่ อาจารย์คนเดิมบอกไปในทำนองว่า บางคำพูดมีความหมายเกินไปกว่านั้นมากนัก !?!
หลังจากนี้เมื่อพนักงานสอบสวนระดับกองบังคับการรวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้นแล้ว ก็จะส่งไปให้คณะกรรมการระดับ สตช.พิจารณาตรวจสอบสำนวนการสอบสวน
เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะเสนอสำนวนพร้อมทั้งตัวจักรภพให้พนักงานอัยการตรวจสำนวนคดีทั้งหมดอีกครั้งว่า มีสิ่งขาดตกบกพร่องหรือไม่ หากบกพร่องก็จะสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติมจนสมบูรณ์ แล้วจะใช้ดุลพินิจว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่สั่งฟ้อง ทว่าการที่จักรภพแสดงเจตจำนงจะแถลงต่อสู้คดีต่อศาลด้วยตนเอง นั่นก็หมายถึงเขาพร้อมแล้วที่จะเข้าสู่กระบวนการต่อสู้ในชั้นศาล !