เวทีพันธมิตรฯ คึกคักยก "เหลิม" เป็นพระเอกประจำวัน กระหึ่มราชดำเนินนอกประณาม "มท.1" ลุแก่อำนาจสั่งปิดเอเอสทีวี ลั่นจันทร์นี้ไล่ "สมชัย-สดศรี"
หน้าอาคารศรีจุลทรัพย์ "เจ๊สด" ปัดซี้ "จาตุรนต์" ขู่ฟ้องพันธมิตรฯ หากโจมตีกันเกินเลยโดยไม่มีหลักฐาน "พัลลภ" ชี้ถึงจุดหนึ่งทหารต้องออกมาคลี่คลายสถานการณ์
เข้าวันที่ 21 ที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยังคงปักหลักชุมนุมที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ ถนนราชดำเนิน อย่างต่อเนื่อง โดยตลอดทั้งวันเสาร์ที่ผ่านมา มีนักวิชาการ ศิลปินนักร้อง นักแสดง ผลัดเปลี่ยนเวียนกันขึ้นปราศรัยและสร้างความบันเทิงไม่ขาดสาย ทั้งนี้ได้มีประชาชนเข้าร่วมชุมนุมเป็นจำนวนมากหลายหมื่นคน เนื่องจากเป็นวันหยุดราชการ โดยประชาชนพากันชูป้ายจังหวัดของตัวเองเพื่อเป็นการแสดงสัญลักษณ์ว่าจังหวัดนั้นๆ มีประชาชนไม่ต้องการระบอบทักษิณ และไม่พอใจการทำงานของรัฐบาลเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศในช่วงเย็นวันเสาร์ว่า มีความคึกคักเป็นอย่างมากเพราะเป็นช่วงที่แดดร่มลมตก โดยเริ่มด้วยรายการสรุปข่าวประจำวัน ซึ่งวันนี้เน้นข่าวโจมตี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในกรณีปิดสถานีโทรทัศน์เคเบิลทีวีเอเอสทีวี และโจมตีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) บางคน ในกรณีที่ปลอมแปลงเอกสารเพื่อช่วยนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ให้รอดพ้นจากคดีทุจริตการเลือกตั้งที่จังหวัดเชียงราย ทั้งนี้เวทีพันธมิตรฯ ได้มีการยก ร.ต.อ.เฉลิมให้เป็นพระเอก และมีนางสดศรีเป็นนางเอกประจำวันเสาร์
ช่วงเย็นวันเดียวกัน บริเวณหลังเวทีแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกอบด้วย นายสุริยะใส กตะศิลา, นายพิภพ ธงไชย และ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ร่วมกันแถลงข่าวถึงแนวทางการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ
นายพิภพเปิดเผยว่า รัฐบาลใช้อำนาจแบบเผด็จการก่อให้เกิดความแตกแยกในรัฐบาลมากขึ้น ซึ่งมีการแบ่งพวกออกเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มสายเหยี่ยว ซึ่งมีนายสมัคร, ร.ต.อ.เฉลิม และนายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่ใช้อำนาจเผด็จการยัดเยียดข้อกล่าวหากบฏในราชอาณาจักรให้พันธมิตรฯ 2.กลุ่มสายกลาง เป็นกลุ่มที่พันธมิตรฯ วิพากษ์วิจารณ์และตรวจสอบรัฐบาลได้ และสนับสนุนให้ใช้กระบวนการยุติธรรม และกลุ่มที่ 3.คือกลุ่มไม่เอาเรื่องใคร คือกลุ่มที่สร้างผลงานทำโปรเจ็กต์ใหญ่ๆ ให้กับตนเอง เพื่อดึงผลประโยชน์และเตรียมตัวสำหรับเตรียมการเลือกตั้งครั้งต่อไป
นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายต้านคอรัปชั่นภาคประชาชน ปราศรัยบนเวทีว่า ได้ให้นักศึกษามหาวิทยาลัยราชดำเนินไปร่วมเก็บคะแนนที่อาคารศรีจุลทรัพย์ ในการเดินทางไปกดดันให้นายสมชัย จึงประเสริฐ และนางสดศรี สัตยธรรม กกต.ลาออกจากตำแหน่งในวันจันทร์ที่ 16 มิถุนายนนี้
ต่อมาเวลา 21.00 น. แกนนำทั้ง 5 ของพันธมิตรฯ ประกอบด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง, นายสนธิ ลิ้มทองกุล, นายพิภพ ธงไชย, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ได้ขึ้นปราศรัยบนเวที โดยแกนนำพันธมิตรฯ ได้กล่าวโจมตีพฤติกรรมการลุแก่อำนาจของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กรณีสั่งปิดเอเอสทีวี ว่าถือเป็นรัฐบาลเผด็จการ นอกจากนี้ยืนยันว่าในวันจันทร์นี้ (16 มิ.ย.) พันธมิตรฯ จะไปที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อให้กำลัง 3 กกต. และไปไล่นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ฝ่ายสืบสวนสอบสวน
นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า อัยการท่านหนึ่งนำคำพิพากษาคดีนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. ฟ้องนายสมัครในคดีหมิ่นประมาทมาให้ โดยตนจะอ่านให้ฟังวันที่ 15 มิถุนายน
นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงกรณีนายวีระ สมความคิด ระบุบนเวทีพันธมิตรฯ เมื่อวันศุกร์ว่า มีหลักฐานเป็นภาพถ่ายนางสดศรีกับนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่ประเทศจีน ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา จึงมีความสงสัยเรื่องความเป็นกลางของนางสดศรี ว่าไม่เคยถ่ายรูปคู่กับนายจาตุรนต์ อีกทั้งไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว และเพียงแต่เคยรับรู้คำวิจารณ์ของนายจาตุรนต์ ที่ได้วิจารณ์ตนผ่านสื่อมวลชนในประเด็นเรื่องอดีตกรรมการพรรคไทยรักไทยที่ถูกตัดสิทธิ์ ขอให้นายวีระแสดงหลักฐานด้วย และหากรูปถ่ายมีการดัดแปลงทางเทคนิคเพื่อกล่าวหาตนจริงก็จะฟ้องร้องนายวีระ
นางสดศรีกล่าวอีกว่า เขา (นายวีระ) ปั้นน้ำให้เป็นตัวได้ขนาดนี้ อีกหน่อยไม่ปั้นมากไปกว่านี้หรือ ตนไม่รู้จักนายจาตุรนต์เลย เคยเห็นแต่ที่เขาวิจารณ์เราในหนังสือพิมพ์ และเป็นไปไม่ได้ที่เราจะไปไหนกับนักการเมือง ถามพันธมิตรฯ หน่อยสิว่ามีมนุษย์หน้าโง่ที่ไหนจะไปกับนักการเมือง ทั้งที่ตัวเองมีหน้าที่ต้องรักษาความเป็นกลาง และทำไมพันธมิตรฯ ไม่พูดถึงภาพถ่ายที่ประเทศเยอรมนีที่ตนถ่ายคู่กับนายคำนูณ สิทธิสมาน, นายประพันธ์ คูณมี เมื่อครั้งไปดูงานในฐานะนักศึกษาของสถาบันพระปกเกล้า ฝ่ายพันธมิตรฯ ทำไมไม่พูดถึงรูปถ่ายกับฝ่ายพันธมิตรฯ บ้าง การจะกล่าวหาอะไรก็ควรจะมีหลักฐาน หรือถ้ามีความผิดอะไรก็ไปว่ากันในศาล
เธอบอกว่า ในวันที่ 16 มิถุนายน จะแสดงหลักฐานสำเนาพาสปอร์ตหรือหนังสือเดินทาง ว่าตนได้เดินทางไปประเทศจีนตามที่ถูกนายวีระกล่าวหาหรือไม่ และจะแสดงภาพถ่ายตนกับนายคำนูณและนายประพันธ์ด้วย ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ กกต.ได้ถอดเทปการปราศรัยที่พาดพิงถึง กกต.เอาไว้แล้ว โดยเฉพาะวันที่พูดถึงประเด็นการปลอมลายเซ็นในเอกสารของสำนักงาน เพราะอาจมีเนื้อหาบางอย่างเกินเลยความจริงพาดพิงทำให้ กกต.เสียหาย ซึ่งอาจจะนำไปสู่การฟ้องร้องได้ ตนสงสัยว่าเหตุที่ถูกพันธมิตรฯ โจมตี อาจเนื่องมาจากว่าตนวินิจฉัยคดีต่างๆ ไม่ถูกใจกลุ่มพันธมิตรฯ ทั้งนี้เชื่อว่าการทำหน้าที่ควรมีความเป็นตัวของตัวเอง
"ถ้าเราตามใจกลุ่มพันธมิตรฯ ทุกอย่าง ถามหน่อยสิว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราต้องเป็นตัวของตัวเองไม่ตามใจเขา ไม่ใช่ตั้งเรื่องขึ้นมาแล้วจะเอานักเลงมากดดันเรา ฆ่ากันให้ตายดีกว่าที่จะมาทำอย่างนี้ ถ้า กกต.คิดต่างกันแล้วเป็นความผิด ต่อไปจะวินิจฉัยอะไรได้ ต้องตามใจพันธมิตรฯ ทั้งหมดหรืออย่างไร ที่ผ่านมาเราทำตามกฎหมายทุกอย่าง" นางสดศรีกล่าว
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ในวันจันทร์ ที่กลุ่มพันธมิตรฯ จะไปที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แต่ก่อนไปมีการแบล็กเมล์ข่มขู่คุกคามบอกว่า 3 คนเราให้กำลังใจ อีกคน 1 เราจะขับไล่ อีกคนไม่รู้จักก็ดุด่าว่ากล่าว ฉะนั้นเหมือนยุทธการตีเมืองขึ้นว่าถ้าคุณไม่ยอมฝ่ายเรา ก็เจอแบบนายสมชัย หากยึดกำลังใจของพันธมิตรฯ เป็นตัวตั้ง วันหน้าถ้า 3 คนนี้ไม่สนองความต้องการของพันธมิตรฯ เขาจะออกมาขับไล่เช่นเดียวกัน
"ฉะนั้น กกต.จะอยู่ได้ก็คือยุติธรรมเท่านั้น ความเป็นกลางก็คือความรู้สึกของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ถ้าเข้าข้างฝ่ายใด ฝ่ายนั้นก็บอกว่าเป็นกลาง บ้านเมืองมันจะอยู่ไม่ ผมเชื่อว่ากลุ่มพันธมิตรฯ จะทำอย่างนี้กับหน่วยงานอื่นเช่นกัน คงเห็นพันธมิตรฯ ออกประกาศ ยังกับเป็นคณะรัฐประหาร สั่งการข้าราชการตั้งแต่ปลัดกระทรวง ผู้ว่าฯ ถ้าไม่ปฏิบัติตามจะได้รับผลสนองอย่างสาสม ผมถามว่าพันธมิตรฯ มีอำนาจอะไร"
นายจตุพรกล่าวด้วยว่า เวทีผู้ปราศรัยทุกวันนี้ส่วนใหญ่จะมี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ มี ส.ส.สอบได้คือนายสมเกียรติ์ พงษ์ไพบูลย์ ที่เหลือเป็น ส.ส.สอบตก ตนตั้งคำถามไปยังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาของตนว่าเล่นการเมือง 2 หน้า ตนบอกว่าให้นายอภิสิทธิ์ประกาศชัดเจนว่าเห็นด้วยกับการชุมนุมของพันธมิตรฯ จึงไม่ห้าม ส.ส.และ ส.ส.สอบตกให้กลับพรรค และให้ประกาศท้ากับประชาชนว่าถ้าการยืนเคียงข้างพันธมิตรฯ ผิดหรือถูกให้ไปตัดสินในการเลือกผู้ว่าฯ กทม.ในเดือนสิงหาคม ทางด้าน พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตที่ปรึกษากองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ให้สัมภาษณ์ทางสถานีวิทยุคลื่น 100.5 "ลับ ลวง พลาง เรดิโอ" ว่าเท่าที่ติดตามสถานการณ์การเมืองรู้สึกไม่สบายใจ ยังมองไม่ออกว่าผลจะเป็นอย่างไร ซึ่งการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ได้กำหนดเงื่อนไขไว้อย่างชัดเจนว่า รัฐบาลต้องลาออก และระบอบทักษิณต้องไม่มี ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ในคดีต่างๆ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
พล.อ.พัลลภกล่าวว่า ตนไม่สบายใจเรื่องศาล การแทรกแซงการทำงานของ คตส. เงิน 2 ล้าน การใช้อำนาจรัฐที่ไม่ถูกต้อง อย่างกรณีของนายสุนัย มโนมัยอุดม อดีตอธิบดีดีเอสไอ ที่ส่งตำรวจไปจับที่สนามบิน ตนมองว่าเป็นการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เพราะข้อหาหมิ่นประมาทเป็นโทษเบามาก และนายสุนัยเองก็เป็นข้าราชการซี 10 เป็นอดีตผู้พิพากษา และยังดำรงตำแหน่งอยู่ การที่จะไปทำเช่นนั้นได้ต้องเป็นคนที่เป็นคนไม่มีหลักแหล่ง ไม่มีที่อยู่แน่นอน และเข้าข่ายชัดเจน
อดีตที่ปรึกษา กอ.รมน.กล่าวอีกว่า วันนี้ทหารไม่อยากเข้ามา เพราะมีบทเรียนครั้งที่แล้ว ทำให้คนในประเทศไม่สบายใจเมื่อทหารเข้ามายึดอำนาจ แต่ถ้าฝ่ายรัฐบาลและพันธมิตรฯ ไม่ยอมกัน ใช้กำลังทำร้ายกันจนเกิดความจลาจล ตำรวจควบคุมไม่อยู่ ทหารก็ต้องออกมาดูแลความเรียบร้อย เพราะทหารมีหน้าที่ปกป้องประเทศ รักษาความมั่นคงอยู่แล้ว ถ้าเป็นในลักษณะนี้ทหารจะออกมาแน่นอน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายยุติไม่ให้เกิดการจลาจล ไม่ใช่อยู่ฝ่ายไหน
พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รอง (ผบช.ก.) ในฐานะรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพันมิตรฯ จะเดินทางไปให้กำลังใจและขับไล่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.บางคนว่า ทาง พล.ต.ต.วิทยา รัตนวิชช์ ผบก.น.6 รับผิดชอบ ดูแลความปลอดภัยให้กับกลุ่มพันมิตรฯ และคอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจรแก่ผู้ใช้รถใช้ถนน ตั้งแต่สนามศุภฯ ไปจนถึงอาคารศรีจุลทรัพย์ ซึ่งเป็นที่ทำการ กกต.ด้วย เนื่องจากบริเวณดังกล่าวถือเป็นเส้นทางหลักที่อยู่ใจกลางกรุงเทพฯ การจราจรหนาแน่น.