มท.1ฉุนด่าโคตรเหง้าท่านทักษิณพลิ้วเปล่าสั่งปิดASTVเหลิมหมดสภาพ

สงสัยฝีมือ "ศรีธนญปื๊ด" บัญชาการปิด ASTV เพราะ "ดร.เหลิม" ปฏิเสธลั่นเปล่าสั่ง แค่บอกให้ผู้ว่าฯ ไปเจรจาขอปิดๆ เปิดๆ เซ็นเซอร์คำหยาบด่านายกฯ "จมูกหมูหน้าหมา"

เคืองมันต้องเคารพผู้นำประเทศกันบ้าง  เย้ยรอให้น้ำท่วมหลังเป็ดค่อยออก   แต่ชักแหยงอ้อนอย่าฟ้องเลยเสียเวลาศาล ขณะพันธมิตรฯ เอาแน่ ฟ้องศาลปกครองกราวรูด "นายกฯ-มท.1" ยัน ผวจ.อีก 10 คน
หลังออกคำสั่งทางวาจาไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศให้ดำเนินการกับเคเบิลทีวีท้องถิ่นที่เชื่อมสัญญาณ   ASTV โดยอ้างว่าการปราศรัยและการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผิดประมวลกฎหมายอาญาและ พ.ร.บ.จราจรไปเมื่อวันศุกร์  เพียงแค่ข้ามคืน  ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้สั่งปิด ASTV
รมว.มหาดไทยเปิดแถลงข่าวที่บ้านริมคลองย่านบางบอน บอกว่าเรื่องนี้นายสมัคร สุนทรเวช  นายกรัฐมนตรี ไม่ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษ  แต่กลุ่มพันธมิตรฯ และ ส.ว.เกิดความเข้าใจผิดคิดว่าสั่งให้ปิดสถานีโทรทัศน์   ASTV   และเคเบิลทีวี  ซึ่งไม่เป็นความจริง  ASTV  สามารถดำเนินการถ่ายทอดสัญญาณได้ตามปกติ  ขณะที่เคเบิลทีวีในภูมิภาคยังสามารถรับสัญญาณไปถ่ายทอดได้ตามปกติเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม  ร.ต.อ.เฉลิมบอกว่า  หากพันธมิตรฯ  ปราศรัยบนเวทีแล้วกระทำผิดกฎหมาย  พูดจายุยงส่งเสริม ละเมิดอำนาจรัฐ ไล่รัฐบาล ขณะที่ใครร่วมกระทำความผิด ใครใช้  จ้างวาน ใครสนับสนุน ก็ต้องถูกลงโทษ  ซึ่งดูได้จากประมวลกฎหมายอาญา มาตรา  85 ที่ระบุชัดเจนว่า ผู้ใดโฆษณาหรือประกาศแก่บุคคลทั่วไปให้กระทำความผิด และความผิดนั้นมีกำหนดโทษไม่ต่ำกว่า  6  เดือน  ผู้นั้นต้องระวางโทษกึ่งหนึ่งของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
"พจนานุกรมเขียนไว้ชัด   คำว่า โฆษณา หมายถึง เผยแพร่ข้อความออกไปยังสาธารณชน  ป่าวร้อง ป่าวประกาศ  ผมเข้าใจ  ASTV  วันนี้  ศาลปกครองคุ้มครองให้ออกอากาศได้ก็ออกไป   แต่กรณีที่พันธมิตรฯ กระทำความผิดระหว่างปราศรัย สถานีโทรทัศน์หรือวิทยุใดเอาไปเผยแพร่ ก็จะมีความผิดไปด้วย"
ร.ต.อ.เฉลิมบอกว่า ความผิดที่การปราศรัยกล่าวถึง เช่น มาตรา 113 (2) บอกว่า ล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ  อำนาจบริหาร หรืออำนาจตุลาการ การที่พันธมิตรฯ ออกมาประกาศไล่รัฐบาลทุกวัน  เขาเรียกว่าล้มล้างอำนาจบริหาร  เพราะไม่มีบทบัญญัติกฎหมายใดให้พันธมิตรฯ ทำอย่างนั้นได้ พันธมิตรฯ สร้างความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชน  สร้างความปั่นป่วน  ปราศรัยอึกทึกคึกโครมเหมือนกับแผ่นดินไทยจะถูกยึดจากฝ่ายตรงข้าม  เหมือนกับรัฐบาลชุดนี้จะล้มล้างระบอบสำคัญของบ้านเมืองแล้วสถาปนาสาธารณรัฐ  ถ้าทีวีใดก็ตาม  วิทยุใดก็ตาม   เอาข้อความตรงนี้ไปเผยแพร่ สื่อนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นทีวี ASTV หรือวิทยุ  ก็มีความผิด 
"มีความผิดต้องมีหลักฐาน   ASTV เขาไม่กลัวฟ้ากลัวดิน เคเบิลในต่างจังหวัด 1.บางเคเบิลท่านไม่ได้รับอนุญาต    2.ท่านรับอนุญาตแต่ท่านเอาข้อความดังกล่าวซึ่งเป็นการกระทำผิดกฎหมายไปเผยแพร่  ท่านต้องรับผิดชอบ  พอรับผิดชอบดำเนินคดีก็ไม่ได้ปิดเคเบิล  ก็เผยแพร่ไปใหม่ แต่ถ้ามีลักษณะผิดก็ถูกดำเนินคดีอีก  ส่วนจะปิดได้หรือไม่  ก็ต้องอยู่ที่ศาล หากว่า ASTV  และเคเบิลทีวีถ่ายทอดธรรมดา เหมือนกับพรรคการเมืองเขาปราศรัยมันก็ไม่ได้ผิดอะไร  ถามว่าพันธมิตรฯ ปราศรัยแล้วมีการถ่ายทอดทาง ASTV  ทำไมช่อง  3  ช่อง  5 ช่อง 7 ช่อง 9 ช่อง 11 ไอทีวีเดิม ถึงไม่กล้าไปถ่ายทอดสด เพราะท่านรู้ว่าการพูดจาอย่างนั้นมันผิดกฎหมาย เพราะทีวีทุกช่องรู้ว่าไปเผยแพร่แล้วสถานีโทรทัศน์จะผิดด้วย"
ยัวะด่าโคตรพ่อโคตรแม่
รมว.มหาดไทยยังกล่าวว่า   ได้ตรวจสอบในโลกมนุษย์นี้  ในโลกมนุษย์ ไม่มีประเทศไหนที่เอาคำปราศรัยคำพูดจาด่าโคตรพ่อโคตรแม่คน ไอ้อีมึงกูจิกหัวเอาไปออกโทรทัศน์ มาเลเซียประท้วงน้ำมันแพง  เขาก็เดินประท้วง  เกาหลีประท้วงว่าไปนำเข้าเนื้อวัวเข้ามาในประเทศเขา เขาก็ประท้วง อังกฤษเขาประท้วงว่าจะขยายสนามบิน  ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงสนามบิน  เขาประท้วงก็ทำได้ แต่พันธมิตรฯ ด่าโคตรพ่อโคตรแม่รัฐบาล ท่านอดีตนายกฯ ทักษิณท่านไปเกี่ยวข้องอะไรด้วย
"ทหารปฏิวัติท่านก็พ้นไป ไทยรักไทยยุบก็มีบ้านเลขที่ 111 ท่านก็หยุดทางการเมือง มีคดีความก็ไปขึ้นศาล   พันธมิตรฯ  ไปโกรธไปเคืองอะไรท่านทักษิณและคุณหญิงพจมานมานักถึงได้ด่าว่า  ฟังไม่ได้จริงๆ ด่าว่าผมผมฟังได้เพราะผมเป็นคนอดทน  ท่านนายกฯ สมัคร ไอ้ อี มึง กู จมูกหมูหน้าหมา ไอ้นี่มันคนหรือเปล่า มันต้องเคารพตำแหน่งผู้บริหารประเทศบ้าง  ไม่ใช่คุณมีความรู้สึกส่วนตัว แล้วไอ้ 5 พันธมิตรฯ กับ 1 เลขาฯ หรือ 1 โฆษก คุณเป็นใครถึงทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย"
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า   การที่บอกผู้ว่าราชการจังหวัด ไม่ได้เป็นนโยบาย แต่ให้บังคับใช้กฎหมายโดยเคร่งครัด  คือเจรจากับเคเบิลให้รู้ว่าสิ่งที่เคเบิลนำมาถ่ายทอดมันผิดกฎหมาย   หากมีข้อความปรากฏตามที่ตนอธิบายแต่แรก   ถ้าจะถ่ายทอดต้องระมัดระวัง  พอมีข้อความไม่เหมาะต้องตัดทันที  แล้วถ้าคนที่พูดจารุนแรง  ก้าวร้าวจบไป  ก็ถ่ายทอดใหม่  ก็เรื่องมีเท่านี้
รมว.มหาดไทยฝากไปยังนายกสมาคมเคเบิลทีวีว่า   ให้มาพบแล้วจะอธิบายให้ฟัง ฝากบอกไปยังพันธมิตรฯ   ถ้าอยากจะประเทืองปัญญาละก็   เอาคำอธิบายของตนไปเปิด  แล้วไปดู  ไปศึกษา  จะไปยื่นศาลปกครองทำไม  เสียเวลาศาลท่าน เพราะตนกำลังบอกผู้ว่าราชการจังหวัดให้ดำเนินการเรื่องนี้โดยเคร่งครัด   ไม่มีคำว่าถอย  มีแต่ใส่เกียร์  5  ตนต้องการให้บ้านเมืองมีกติกา  ถ้าผิดเชิญฟ้อง
เขายังพูดถึง  ส.ว.ที่ออกมาเคลื่อนไหวว่า    ตนไม่ว่า  พวกเพิ่งมาอยู่ฝ่ายการเมืองใหม่ๆ   ก็คึก ไหนตนแทรกแซงสื่อตรงไหน  การทำกฎหมายให้เป็นกฎหมาย  ลอว์แอนด์ฟอร์ซเมนต์   กฎหมายบังคับใช้ แทรกแซงสื่อตรงไหน  จะไปปิด  ASTV  ตอนไหนจะไปปิดเคเบิลทีวีที่ไหน  ไม่มีเลย เว้นแต่พวกคุณไปแปลงสาร  ไปสร้างความปั่นป่วน 
"เรียนด้วยความเคารพ ทองแท้ไม่แพ้ไฟ เห็นประกายแวววับไม่ใช่ทองเสมอไป"
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่นายกฯ  ไฟเขียว  และก็ไม่ใช่เรื่องไฟแดง  ไฟเหลือง  เป็นเรื่องท่านใช้บริการกระทรวงมหาดไทย และที่ต้องใช้กระทรวงมหาดไทยก็เพราะว่าผู้ว่าราชการจังหวัด การปฏิบัติงานขึ้นกับกระทรวงมหาดไทย ตำรวจในภูมิภาคก็ขึ้นกับผู้ว่าฯ ก็ทำงานด้วยกัน  ผมติดต่อผู้ว่าฯ  หลายจังหวัด  ผู้ประกอบการเคเบิลทีวีส่วนหนึ่งเริ่มหยุด  ส่วนที่ไม่หยุดก็รับว่าจะระมัดระวัง  หากพันธมิตรฯ ปราศรัยทั่วไป ให้ความรู้ ASTV ถ่ายทอดก็ไม่ผิด
"พวกพันธมิตรฯ   รู้ไหมเนี่ย  ทำไมมันปัญญาทึบกันนักไอ้พวกนี้ และหากดำเนินคดี คุณก็ยังถ่ายทอดได้ต่อ  เคเบิลก็ถ่ายทอดได้ต่อ แต่เคเบิลที่ไม่ได้รับอนุญาต หากผิดบทบัญญัติกฎหมายใด เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องก็ดำเนินการไป ชัดเจนไหมเนี่ย"
ผู้สื่อข่าวถามว่า   อาจจะมีการถ่ายทอดสดได้แต่ต้องมีการเซ็นเซอร์ ร.ต.อ.เฉลิมปฏิเสธว่า ไม่ใช่เซ็นเซอร์ เขาต้องระมัดระวังตัวเขาเอง ถ้าเป็นการปราศรัยที่รุนแรง ยุยงส่งเสริมให้ประชาชนกระด้างกระเดื่องต่อรัฐบาล ไม่ให้เสียภาษี ตัดน้ำตัดไฟ คุกคามทำผิด
"แล้วคุณเห็นว่าทำอย่างนี้กำลังพรั่งพรูออกจากพันธมิตรฯ  แล้วคุณไม่ยุติการถ่ายทอด คุณผิด ไม่มีเซ็นเซอร์ เคเบิลต้องระมัดระวัง  เอ๊ะอย่างนี้ไม่ได้  หยุดก่อน เดี๋ยวดูซิตอนไหนดีไม่ผิด  เอาคุณก็ถ่ายทอดไป ไหนผมคุกคามสื่อตรงไหน ฝากบอกไปยังบรรดาวุฒิฯ ท่านไม่ต้องมาถามผมหรอก  เพียงแต่ยกหูมาผมจะไปพบ  จะอธิบายให้ฟัง  แล้วเรื่องนี้ผมดำเนินการเคร่งครัดถูกต้อง ทำไมไม่ชอบว่า รัฐบาลใช้กฎหมาย  รัฐบาลนิยมสติปัญญา นิยมใช้หลักเกณฑ์ของบ้านเมือง รัฐบาลไม่นิยมใช้ความป่าเถื่อน ใช้ความเป็นโจรไปทุบตี  ไปยิงบ้าง  ไปเอาระเบิดโยนบ้าง  รัฐบาลไม่เคยคิด  ไม่มี  แต่นี่เมื่อคุณผิดกฎหมาย ต้องดำเนินคดี"
ให้รอน้ำท่วมหลังเป็ด
"บังเอิญรัฐมนตรีมหาดไทยคนนี้เคยรับราชการตำรวจกองปราบฯ นานนับ  10 ปี ผมไม่ตกใจง่ายหรอก  คุณเอาเป็ดมาให้ผม  เป็ดไม่ใช่ห่าน เป็ดไม่ตกใจ แต่ห่านตกใจง่าย อย่ามาข่มขู่ว่าจะมาบ้านผมหรือไปกระทรวง  คุณอย่ามาคิดว่าผมจะตกใจ  ที่เอาเป็ดมาให้ผม  และการที่ไล่รัฐบาลออกไป  ถ้าพวกผมจะออกตามคำสั่งของคุณ   พวกคุณต้องรอน้ำท่วมหลังเป็ด ซึ่งเป็นไปไม่ได้  ย้ำอีกครั้งเรื่องนอกแบบใต้ดินไม่มี  ด่ามาด่าไป  กล่าวหามาชี้แจงไป  มีจังหวะก็ทุบกลับบ้าง  ทุบที่นี้คือทุบด้วยคำพูดนะ" ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวพร้อมหัวเราะ
ทั้งนี้  ร.ต.อ.เฉลิมให้สัมภาษณ์ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม โดยบอกว่าตัวเองมีความสุขเพราะสามารถทำให้พันธมิตรฯ  หันมาด่าตนคนเดียวโดยไม่ด่านายสมัคร พ.ต.ท.ทักษิณ เหมือนวันก่อนๆ
เห็นที่น่าสังเกตว่าช่วงสัปดาห์ที่แล้วเวทีพันธมิตรฯ ขุดคุ้ยการได้มาซึ่งปริญญาเอกนิติศาสตร์   มหาวิทยาลัยรามคำแหง ของ ร.ต.อ.เฉลิม อย่างต่อเนื่อง โดยที่เจ้าตัวตอบโต้เรื่องนี้ไม่เคลียร์ จึงอาจเป็นเหตุผลหลักในการสั่งตัดสัญญาณ ASTV
อย่างไรก็ตาม  การดำเนินการครั้งนี้  ร.ต.อ.เฉลิมบอกกับสื่อมวลชนว่า  นายสมัครเป็นผู้สั่ง  แต่เมื่อผู้สื่อข่าวถามนายสมัครขณะไปราชการที่จังหวัดเชียงใหม่    กลับได้รับคำตอบว่า  ให้ไปถาม รมว.มหาดไทย เนื่องจากเป็นผู้ดำเนินการ
วันเดียวกันนี้   นายจตุพร  พรหมพันธุ์ คณะทำงานศูนย์ติดตามและวิเคราะห์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ   พรรคพลังประชาชน   แถลงว่า  ในความเห็นวอร์รูม  ความจริงแล้วพวกเราต้องการให้  ASTV ออกอากาศ เพราะการออกอากาศเท่ากับเป็นการประจานพฤติกรรมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ไม่มีข้อสิ้นสุด และพันธมิตรฯ กำลังจะถึงจุดจบอยู่แล้ว ถ้าประกาศอารยะขัดขืน  โดยเฉพาะการประกาศปิดน้ำปิดไฟ หากนำมาใช้เมื่อไหร่บ้านเมืองก็จะจัดการกับกลุ่มพันธมิตรฯ 
เขาบอกว่า  ถ้าการเป็นรัฐบาล โดยเฉพาะการเป็นรัฐมนตรีมหาดไทย เมื่อมีกฎหมายที่ต้องปฏิบัติ  ถ้าไม่ปฏิบัติตาม  คำถามก็คือว่า ถ้าเป็นรัฐบาลหรือรัฐมนตรีมหาดไทย  ถ้าพูดจาภาษาชาวบ้านก็จะบอกว่าแล้วเป็นหาพระแสงอะไร  รัฐมนตรีต้องใช้อำนาจตามที่ประชาชนมอบหมายมา
นายจตุพรกล่าวว่า  สิ่งที่ต้องเรียกร้องก็คือ สมาคมประกอบวิชาชีพสื่อจะต้องพูดมาตรฐานของการทำหน้าที่สื่อ  เพราะสื่อที่มีพฤติกรรมแบบ  ASTV  สื่ออื่นๆ ต้องปฏิบัติตามนั้นหรือไม่  ถ้าเป็นสื่อพวกเดียวกันแล้วไม่ออกมาดำเนินการแต่อย่างใด  มาตรฐานเรื่องสื่อจะมีปัญหาเหมือน ถ้ามีหน้าที่ตรวจสอบพฤติกรรมของคนอื่น สื่อก็ต้องดูพฤติการณ์ของพวกตัวเองเหมือนกัน
ถามว่า  ส.ว.สรรหาระบุว่ากรณีดังกล่าวเป็นใช้อำนาจการแทรกแซงสื่อ นายจตุพรตอบว่า  ต้องดูคำสั่งของ รมว.มหาดไทย  ไม่ได้สั่งระงับสัญญาณของ  ASTV  สามารถออกอากาศได้ตามปกติ  ตามที่ศาลปกครองคุ้มครองอยู่  แต่เคเบิลทีวีที่รับช่วงถ่ายทอดจาก  ASTV ไป  มาตรา 85 ผู้โฆษณาต้องได้รับโทษเหมือนตัวการ  แต่ถ้าผู้ประกอบการบอกว่าจะพร้อมร่วมรับโทษก็ออกอากาศได้ไม่มีปัญหา  
"เคเบิลท้องถิ่นยังต้องใช้สายพาดเกี่ยวกับเสาไฟฟ้าของการไฟฟ้าที่เกี่ยวกับรัฐ   และอยู่ในช่องว่างของกฎหมาย  ฉะนั้นต้องว่าตามจริงของกฎหมาย ถ้าผู้ประกอบการใดทั้งประเทศจะรับผิดชอบกับ  ASTV  และพันธมิตรฯ  ก็เชิญออกอากาศดำเนินการไป  และฝ่ายรัฐก็จะดำเนินการตามยุติธรรม มีช่องทางออกของแต่ละฝ่าย"
นายจตุพรตั้งคำถามว่า  เงินบริจาคในม็อบจะนำจ่ายเป็นเงินเดือนให้พนักงาน  ASTV หมายความว่าถ้าสื่ออื่นๆ   มีพฤติการณ์ด้วยการระดมเงินด้วยการจัดการชุมนุมไล่รัฐบาล แล้วตั้งกล่องบริจาคมาจ่ายเงินเดือน  ที่ไม่ต้องเสียภาษีเงินบริจาค  สื่ออื่นๆ ที่ไม่ใช่ ASTV สามารถดำเนินการได้หรือไม่  ฉะนั้นคนจะมีความเชื่อที่ว่าพันธมิตรฯ จัดชุมนุม เอเอสทีวีเคลื่อนไหว ก็เมื่อเงินเดือนไม่มีเงินจ่าย จึงเคลื่อนไหวระดมเงินบริจาค
"ไม่สงสัยเลยว่าเงิน  400  ล้านบาท  ที่คุณสนธิบอกว่าเป็นเงินส่วนตัว หมดไปกับการขับไล่รัฐบาลทักษิณ   ไปจ่ายอะไรบ้าง  เงินบริจาคที่เปิดเผยก็ไม่ได้นับเงินจำนวนนี้ เพราะฉะนั้นวันนี้สมาคมผู้ประกอบวิชาชีพสื่อควรตรวจสอบมาตรฐานพวกเดียวกันด้วย"
"ตุ๊ดตู่" ยุ "เหลิม" ลงเหว
นายจตุพรกล่าวว่า   การที่ ร.ต.อ.เฉลิมทำหน้าที่เป็นเรื่องที่ถูกต้อง  เมื่อคิดว่าตัวเองทำถูกกฎหมายก็ไม่ต้องกลัวอะไร พันธมิตรฯ ก็ใช้สิทธิ์ของตัวเองไปร้องศาลปกครอง ไปบอกกับ  ส.ว.สรรหา ทำหน้าที่ถอดถอน  เหมือนพรรค คมช. ที่พร้อมทำตามพันธมิตรฯ อยู่แล้ว ก็ไปใช้กระบวนถอดถอนของ ส.ว.ตามที่ประกาศ  กฎหมายอาญารัฐบาลใช้  ศาลปกครองพันธมิตรฯ ไปร้อง ส.ว.ถอดถอน ให้ 3 กระบวนการทำหน้าที่ของตัวเองไป
"เมื่อรัฐมนตรีมหาดไทยเดินหน้าก็เดินให้สุดตัว  เมื่อตัดสินใจแล้วอย่าถอย เพราะถ้าถอยอีกประชาชนจะขาดความเชื่อมั่นทันที   คิดว่ารัฐบาลเหลาะแหละ   ถ้าไม่ทำอย่าตัดสินใจทำ เมื่อลงมือทำแล้วถอยไม่ได้ อย่างน้อยที่สุดประชาชนเลือกคนมาบริหารและทำอย่างรับผิดชอบ" นายจตุพรกล่าว
ที่เวทีปราศรัยของกลุ่มพันธมิตรฯ  เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์  นายสุวัฒน์  อภัยภักดิ์ ทนายความเอเอสทีวี   เปิดเผยว่า ในบ่ายวันจันทร์นี้ นายสมัครและ ร.ต.อ.เฉลิม รอรับหมายศาลได้เลย เนื่องจากตนเองจะรับมอบอำนาจไปฟ้องศาลปกครอง  กรณีใช้คำสั่งมิชอบดังกล่าว
นายสุวัฒน์กล่าวว่า  รัฐธรรมนูญให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธิเสรีภาพของประชาชน  และที่ผ่านมาในช่วงการใช้รัฐธรรมนูญปี   2540  ศาลปกครองยังให้การคุ้มครอง  แต่ในรัฐธรรมนูญฉบับปี  2550 ยิ่งให้การคุ้มครองมากกว่าเดิมเสียอีก  พร้อมทั้งยกตัวอย่างการให้สิทธิเสรีภาพของประชาชนที่กำหนดในหมดที่  7  ที่ว่าด้วยเรื่องเสรีภาพของสื่อมวลชนในการแสดงความคิดเห็น  ซึ่งการปิดกิจการหนังสือพิมพ์หรือมวลชนใดก็ตามจะกระทำมิได้
เขายกตัวอย่างมาตรา   46  ที่ระบุว่า พนักงานหรือลูกจ้างเอกชนหรือสื่ออื่นๆ มีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น  เว้นแต่ขัดจริยธรรม  ดังนั้นการสั่งการไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม  หรือเจ้าของกิจการขัดขวางการแสดงความคิดเห็น หรือว่าใช้อำนาจโดยมิชอบ  ใช้บังคับไม่ได้  ดังนั้น ผู้ว่าฯ หรือเจ้าของกิจการเคเบิลฯ ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตาม
นายสุวัฒน์ยังบอกว่า   กรณีชาวบ้านไม่อาจดู ASTV ถือเป็นผู้เสียหายแล้ว สามารถแจ้งความที่สถานีตำรวจในแต่ละพื้นที่  ให้ดำเนินคดีกับผู้ว่าฯ ที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ  ละเมิดสิทธิในการรับรู้ข่าวสาร แล้วให้คัดสำเนาถ่ายเอกสารส่งมาที่ตนเองหรือสถานี  ASTV ซึ่งจะได้รวบรวมเป็นคดีเดียวกัน โดยขณะนี้ได้ร่างคำฟ้องเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ทนายผู้นี้ยังกล่าวว่า  จำเลยที่ 1 คือ นายสมัคร จำเลยที่ 2 คือ ร.ต.อ.เฉลิม ส่วนจำเลยที่ 3 จะเป็นผู้ว่าฯ ในแต่ละจังหวัดที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ส่วนกรณีที่   ร.ต.อ.เฉลิมมีท่าทีเปลี่ยนไป  เมื่อวานพูดอย่างวันนี้พูดอีกอย่างนั้น นายสุวัฒน์บอกว่า เหมือนลิ้นไม่มีกระดูก กระดกไปได้เรื่อยๆ
ถามถึงกรณี ร.ต.อ.เฉลิมได้เลี่ยงความผิดโดยการสั่งด้วยวาจา  นายสุวัฒน์ระบุว่า ได้บันทึกเทปเป็นหลักฐานเอาไว้แล้ว  และกรณีที่ผู้ว่าฯ  ทำหนังสือไปถึงเจ้าของกิจการเคเบิลฯ  ในทำนองขอความร่วม  ซึ่งกรณีแบบนี้ศาลปกครองเคยชี้ว่าเป็นคำสั่งทางการปกครองแล้ว  ในวันยื่นฟ้องในวันจันทร์จะขอให้ศาลบรรเทาทุกข์ชั่วคราวด้วย  ส่วนคดีแพ่งจะแยกฟ้องต่างหาก ซึ่งเชื่อว่าศาลคงจะเมตตา  ขณะเดียวกันยังได้เตือนไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ  หากไม่รับแจ้งความจากประชาชนให้ระวังข้อหาการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วย  โดยให้ประชาชนจดชื่อ  ยศของเจ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้นหากไม่ยอมรับแจ้งความ
ด้าน  พล.ต.จำลอง  ศรีเมือง หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ กล่าวถึงกรณีจะมียุทธการดาวกระจายไปที่บ้านพัก  ร.ต.อ.เฉลิมว่า  กรณีดังกล่าวต้องถามนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานพันธมิตรฯ ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มโครงการ  เชื่อว่าหากมีการเคลื่อนขบวน  ก็คงมีเหตุผลที่สามารถชี้แจงทำความเข้าใจได้   ว่าเป็นเพราะ ร.ต.อ.เฉลิมรุกหนักถึงขั้นปิดกั้นไม่ให้ประชาชนรับทราบข่าวสารผ่าน ASTV
พันธมิตรฯ ฟ้องแน่
"เป็นการลิดรอนสิทธิโดยไม่คำนึงถึงกฎหมาย   และรัฐธรรมนูญที่ให้การคุ้มกันอยู่  จึงต้องฟ้องร้องคดีทั่วประเทศ  ที่ผ่านมารัฐบาลคิดว่ามีอำนาจจะทำอะไรก็ได้  รู้ว่าไม่ถูกแต่ก็จะทำ และรัฐบาลยังไม่คำนึงถึงภาพลักษณ์ที่จะย้อนมาสู่ตัวเอง  เพราะเชื่อมั่นว่า  ตราบใดที่มีอำนาจ  จะทำอะไรก็ได้  แม้แต่เรื่องผิดกฎหมายหรือเรื่องที่ทำแล้วประชาชนจะเกลียดชัง"
พล.ต.จำลองบอกว่า   ทุกครั้งที่คนในรัฐบาลพูดหรือทำอะไรออกไป มักจะเกิดปฏิกิริยาเป็นวงกว้าง   คือคนจะมาชุมนุมมากขึ้น  ในต่างจังหวัดประชาชนเริ่มเดินขบวนไปเรียกร้องที่จวนผู้ว่าฯ เป็นการกดดันผู้ว่าฯ  ว่าจะฟังคำสั่งจากรัฐมนตรี หรือจะทำตามความต้องการของประชาชน ซึ่งตนเคยเป็นผู้ว่าฯ มา 6 ปี เชื่อว่าผู้ว่าฯ จะต้องยึดถือประชาชนและกฎหมายเป็นใหญ่ ไม่ใช่เจ้านายเป็นใหญ่ เพราะเรื่องเจ้านายเป็นเรื่องชั่วคราว
"เชื่อว่า  ส.ว.คงติดตามข่าวสารอย่างกระชั้นชิด เพราะมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงต่อความเป็นไปของบ้านเมือง   ต้องคิดให้ดีว่าจะทำอะไรต่อไป  ไม่ใช่นั่งเฉยๆ ถึงเวลาไปประชุมบ้าง-ไม่ไปประชุมบ้าง  ครบองค์ประชุมบ้าง-ไม่ครบบ้าง ถ้าประชาชนอิดหนาระอาใจจะยิ่งไปกันใหญ่ ใครที่รู้จักกับ ส.ว. ช่วยไปบอกเขาด้วย" พล.ต.จำลองกล่าว
ช่วงเย็น  แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย  ประกอบด้วย  นายสุริยะใส  กตะศิลา นายพิภพ ธงไชย และ พล.ต.จำลอง ร่วมแถลงข่าว
นายสุริยะใสกล่าวว่า   คำสั่งของ ร.ต.อ.เฉลิม มีผลทำให้เกิดความเสียหายต่อผู้ประกอบการเคเบิลทีวีท้องถิ่นและประชาชนที่เป็นสมาชิกเคเบิล  ซึ่งพันธมิตรฯ ได้แนะนำให้ไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ    แม้ว่าขณะนี้มีบางจังหวัดเปิดสัญญาณให้ถ่ายทอดได้แล้ว  แต่ก็ถือว่าความผิดได้สำเร็จแล้ว  ดังนั้น ในวันอังคารที่ 17 มิถุนายน จะเดินทางไปฟ้องต่อศาลปกครอง  โดยมีบริษัทไทยเดย์ดอทคอม สมาคมเคเบิลท้องถิ่น  และสมาชิกเคเบิลที่ได้รับผลกระทบ  จะเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสมัคร   ร.ต.อ.เฉลิม และผู้ว่าราชการจังหวัด  ประมาณ  10   จังหวัด ที่ยังยืนตามคำสั่งเดิมของ ร.ต.อ.เฉลิม โดยแยกเป็น 2 คำฟ้อง  คือ  1.โต้แย้งคำสั่งของ  ร.ต.อ.เฉลิม ว่าเป็นคำสั่งที่มิชอบ และขอให้เพิกถอนคำสั่ง เพื่อเป็นหลักประกันไม่ให้ถูกคุกคามหรือถูกตัดสัญญาณอีก  และ 2.ในฐานะที่ทำให้ประชาชน บริษัทไทยเดย์ฯ และสมาคมเคเบิลท้องถิ่นเสียหาย
มติสมาคมเคเบิลทีวี
วันเดียวกันนี้   สมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์ไปยังสมาชิกสมาคมทั่วประเทศ เพื่อย้ำจุดยืนการเป็นสื่อสารมวลชนที่ต้องแผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่างๆ ถึงประชาชนอย่างเป็นกลาง 5 ข้อ
1.สมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย เป็นตัวแทนของผู้ประกอบการเคเบิลทีวีทั่วประเทศ และเป็นสื่อสารมวลชนแขนงหนึ่งที่ต้องเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่างๆ  ให้กับประชาชนได้รับทราบอย่างทั่วถึงและรอบด้าน   ภายใต้กรอบของกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย  พ.ศ. 2550   และพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงวิทยุโทรทัศน์
2.การดำเนินการให้บริการช่องรายการต่างๆ  ทางเคเบิลทีวีของสมาชิกสมาคมฯ  สมาคมฯ   มีความประสงค์ที่จะให้สมาชิกทุกท่านเผยแพร่ช่องรายการต่างๆ  โดยอิสระ  เพื่อความเป็นกลางและเป็นธรรม ทั้งต่อผู้ประกอบการและสมาชิกผู้บริโภคสื่ออย่างเสมอภาค
3.กรณีที่ทางราชการมีความประสงค์จะให้เคเบิลทีวีทั่วประเทศปิดช่อง   ASTV ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ  สมาคมฯ  ขอให้ทางราชการออกเป็นคำสั่งโดยเอกสารและการลงนามให้ถูกต้องในการปิดช่องรายการดังกล่าว  เพื่อสมาคมฯ จะได้นำไปพิจารณาแจ้งให้สมาชิกถือปฏิบัติต่อไป
4.ในระหว่างที่สมาคมฯ   ยังไม่ได้รับคำสั่งอย่างเป็นทางการจากทางราชการว่าให้ปิดช่องรายการดังกล่าว  สมาคมฯ ขอให้สมาชิกเผยแพร่ช่องรายการดังกล่าวต่อไป เพื่อเป็นการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชนที่ดี และรักษาความเป็นกลางในการเผยแพร่ข่าวสารอย่างรอบด้านตามสิทธิที่มีอยู่ในรัฐธรรมนุญ
5.ทางสมาคมฯ   และสมาชิกผู้ประกอบการเคเบิลทีวีทั่วประเทศ ขอยืนยันว่าจะยึดถือความถูกต้องและเป็นธรรม  และพร้อมที่จะให้ความร่วมมือทางราชการ  โดยขอให้สมาชิกพิจารณาถึงการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารอย่างตรงไปตรงมา  และเตือนผู้ชมรายการให้ใช้ดุลยพินิจที่จะไม่ทำผิดกฎหมาย เนื่องจากผลแห่งการชมรายการถ่ายทอด
นายเกษม   อินทร์แก้ว  นายกสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เครือข่ายนายกสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทยได้ร่วมหารือกัน   ซึ่งมติในที่ประชุมมีความเห็นร่วมกันว่าจะแสดงจุดยืนด้วยการแพร่ภาพออกอากาศต่อไป เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารอย่างครบถ้วน  เพียงแต่ทางเครือข่ายสมาคมเคเบิลทีวีฯ ที่รับสัญญาณจากต้นทางของสถานี   ASTV  ต้องระมัดระวังการนำเสนอซึ่งอาจจะดูดเสียงของการพูดที่ใช้ถ้อยคำรุนแรงไม่เหมาะสม   และมีตัวหนังสือวิ่งด้านล่างจอให้ผู้รับชมทราบว่าอาจมีคำพูดไม่เหมาะสม  โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม
นายเกษมยอมรับว่า  เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน มีประชาชนบางจังหวัด เช่น จังหวัดขอนแก่น จังหวัดพัทลุง  จังหวัดสงขลา ได้บุกเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อกดดันเนื่องจากทำการปิดสัญญาณการถ่ายทอดเอเอสทีวี  อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ได้ทำการเปิดสถานีตามเดิมเรียบร้อยแล้ว
มีรายงานว่า   เคเบิลทีวีในหลายจังหวัดกลับมาเชื่อมสัญญาณอีกครั้ง  แต่ยังมีบางจังหวัด ผู้ว่าฯ ยังเชื่อฟังคำสั่งของ ร.ต.อ.เฉลิม  อาทิ ชุมพร ตราด ทำให้ประชาชนผู้รับชม ASTV เตรียมนัดชุมนุมในวันจันทร์และอังคาร โดยระบุว่าเป็นการขับไล่ทรราช
นายบุญยอด   สุขถิ่นไทย  ส.ส.กทม.  พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะคณะกรรมการสิทธิเสรีภาพสื่อของพรรคประชาธิปัตย์  ให้ความเห็นเรื่องนี้ว่า  ไม่ต้องเรียนกฎหมายระดับดอกเตอร์ก็รู้ว่ารัฐธรรมนูญได้ให้ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพในการรับข้อมูลข่าวสาร  การปิดกั้นการตรวจสอบไม่สามารถทำได้ แต่หากเอเอสทีวีทำผิด  สิ่งที่ รมว.มหาดไทยต้องทำคือ ต้องไปแจ้งความดำเนินคดี  มากกว่าการไปสั่งผู้ว่าฯ ให้สกัดกั้น  ไม่เช่นนั้นจะถือว่าเป็นการละเว้นปฏิบัติหน้าที่   จึงอยากถามรัฐบาล กลัวอะไรกับความจริงที่ ASTV เสนอจึงต้องปิดกั้นสกัดกั้น.


ข้อมูลข่าวจาก

ThaiPost.net : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด 

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์