จาก ๓๑ พฤษภา.ถึง ๑๕ ตุลา. / เปลวสีเงิน

ไทยโพสต์

เปลวสีเงิน คนปลายซอย
1 มิถุนายน 2549 กองบรรณาธิการ

โลกหมุนเร็ว หรือเพราะใจผมเร็วก็ไม่ทราบซินะ เพราะ ส.ค.ส. ๒๕๔๙ ยังเวียนอ่านไม่ครบดี ป๊อบแป๊บ..ป๊อบแป๊บ..ครึ่งปีเข้ามาแล้ว อายุคนมากขึ้น การป่วยไข้ตามวัยสังขารเป็นเรื่องปกติ แต่ประเทศชาตินี่ซีครับ จะเห็นว่า "ป่วยเรื้อรัง" และกระเสาะกระแสะ "ข้ามปี" จนถึงเดี๋ยวนี้

ครับ..ป่วยการเมือง แล้วก็ลามเป็นป่วยเศรษฐกิจ และสังคม

"ต้นโรค" เขาบอกกันว่ามาจาก "ระบอบทักษิณ" ฉะนั้น การรักษาให้หายขาดก็มีทางเดียวคือ

ถอนราก-ถอนโคน "ระบอบทักษิณ"!


จะถอนกันอย่างไร ก็ต้องตามไปดูกันเรื่อยๆ เรื่องของบ้านของเมือง มันเป็นเรื่องของทุกคน แต่จำไว้อย่างหนึ่งว่า ระบบอะไรก็ตาม ใครจะมีอำนาจ หรือใครจะมาบริหารประเทศชาติบ้านเมืองก็ตาม

ของแท้ต้อง..ทำเป็นธรรม!


เมื่อวานมีคนนัดเลี้ยงข้าวเย็นผม ก็เลยรีบเข้ามาทำงานในภาระรับผิดชอบให้เสร็จแต่วัน ฟังข่าวจากวิทยุในรถมาเรื่อยๆ ก็ทราบว่า "ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา" คว่ำบาตร กกต.เรียบร้อยไปแล้ว

เสียงเลขาธิการศาลฎีกาแถลงผลประชุมว่า

"มีมติด้วยเสียงข้างมาก ๗๒ คะแนน ข้างน้อย ๔ เสียง งดออกเสียง ๖ เสียง เห็นสมควรไม่พิจารณาสรรหาผู้สมควรเป็นคณะกรรมการการเลือกตั้งตามหนังสือของประธานวุฒิสภา"


ครับ..ที่ "ประชุมใหญ่ศาลฎีกา" ก็มีความเห็นสอดคล้องเป็นแนวทางเดียวกับประมุข ๓ ศาล คือไม่ต้องการเข้าไปทำงานเกลือกกลั้วกับ ๓ กกต.ที่เหลืออยู่

เพราะ ๓ กกต.นั้น ศาลรัฐธรรมนูญก็มีวินิจฉัยไปแล้วว่า "มีการปฏิบัติหน้าที่มิชอบ" ในการจัดการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา และขณะนี้ก็ตกเป็น "จำเลย" ต่อศาลอาญาในคดีที่ "นายถาวร เสนเนียม" เป็นผู้ฟ้องเป็นคดีแรกแล้ว

และยังจะทยอยตามมาให้ตกเป็นจำเลยอีกหลายสิบคดี!

ฉะนั้น มันเรื่องอะไรที่ "ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา" ท่านจะส่งคนลงไปทำงานกับพวกที่มัวหมอง และไร้ความเชื่อถือจากสังคม

นายสุชนนี่นับวันจะพิลึกขึ้นเรื่อย ความจริง กกต.มีเสียชีวิตไป ๑ คน นานแล้วคือ "นายจรัล บูรณพันธุ์ศรี" ไม่นับพลเอกจารุภัทร เรืองสุวรรณ ที่เพิ่งลาออกไปทีหลัง

แต่ครั้งนั้น นายสุชนไม่ยักรีบร้อน-ขมีขมันสรรหาคนมาแทนตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๓๘ ปล่อยให้ ๔ กกต.ที่เหลือทำหน้าที่ไปเรื่อยๆ แม้กระทั่งในการเลือกตั้ง ๒ เมษา.ที่ผ่านไป

ต้องจำกันได้นะครับ เมื่อ ๒๕ เมษายน ๒๕๔๙

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชกระแสรับสั่ง และประมุข ๓ ศาลรับด้วยเกล้าฯ มาแก้ไขปัญหาวิกฤติของบ้านเมือง อันสืบเนื่องจากการเลือกตั้งที่ส่อถึงความไม่สุจริต และไม่ยุติธรรมมากมาย


ที่ประชุมประมุข ๓ ศาลแนะให้ กกต.ทั้ง ๔ ลาออกเพื่อเห็นแก่ชาติบ้านเมือง แล้วศาลจะสรรหา กกต.ใหม่ทั้ง ๕ คน เพื่อจัดการเลือกใหม่ให้บริสุทธิ์ ยุติธรรม

๓ กกต.เฉย ทำหูทวนลมซะงั้นแหละ มีเพียง ๑ ท่านที่สำเหนียกแล้วสำนึก "ลาออก" ทันที คือ พลเอกจารุภัทร

คราวนี้แหละ ทำเป็นขมีขมัน เหมือนเคร่งครัดว่า กกต.ขาดแล้วก็ต้องรีบสรรหามาให้ครบ ๕ ขึ้นมาทันที อันที่จริงแล้ว "กรรมคือเครื่องส่อเจตนา"

และนี่ก็คือ ๓ กกต.กับนายสุชน "เจตนา" ท้าทายคำเสนอแนะจากประมุข ๓ ศาล แถมเล่นบทศรีธนญชัย ทำหนังสือถึงที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาให้สรรหาคนมาแทนที่ กกต.ที่ขาดอยู่ ๒

เหมือนพระที่ประพฤติ "ผิดศีล-ผิดวินัย" ชาวบ้านก็ขับไล่ พระวินัยธรก็กำลังไต่สวนทวนความในโทษถึงขั้น "ถูกจับสึก" ส่งเข้าคุกเข้าตะราง

แล้วอย่างนี้ พระชุดนี้ จะไปนิมนต์พระสงฆ์องคเจ้าจากวัดอื่นให้มาร่วมทำสังฆกรรมด้วย พระที่ศีลบริสุทธิ์ทั้งหลาย ที่ไหน..ที่ไหน..ท่านก็ไม่ยอมมาร่วมสังฆกรรมด้วยหรอก

ลีลาแบบนี้มันชัดเจนว่า พวกอลัชชีหวังอาศัยพระที่ "ศีลบริสุทธิ์" ให้มาช่วยมาคลุกเคล้า ให้สิ่งที่เน่ากลายเป็นสิ่งหอม

แล้วก็จะอ้างเป็นความถูกต้อง-ชอบธรรมใน "สังฆกรรม" ว่าบริสุทธิ์!


กรณี ๓ กกต.กับนายสุชนที่ไปร้องขอคนมาเป็นอีก ๒ กกต.จากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาก็ทำนองนั้น

ท่านจะมาทำงานภายใต้คำที่รัฐธรรมนูญระบุชัดว่า "สุจริตและเที่ยงธรรม" กับ ๓ กกต.ที่ตกเป็นจำเลยของศาลในข้อหา "ทำงานไม่สุจริตและเที่ยงธรรม" ได้อย่างไร!

ไม่มีใครอยากลงไปเกลือกกลั้วกับ "หนอนในถังขี้" หรอกครับ!


เผลอๆ ๓ กกต.ผู้เป็นจำเลย คือ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ นายปริญญา นาคฉัตรีย์ และนายวีระชัย แนวบุญเนียร เมื่อไม่ยอมลาออก ซ้ำตกเป็นจำเลยต่อศาลในข้อหานี้

อาจถูกสั่ง "พักงาน" ก็เป็นได้!

เพราะอะไร..เพราะหัวใจของการเลือกตั้งคือ "ความสุจริตและเที่ยงธรรม" จากคณะกรรมการการเลือกตั้ง คือ กกต.

แต่เมื่อ กกต.ตกเป็นจำเลยในข้อหาน่าขยะแขยงเช่นนี้ จะปล่อยให้ทำหน้าที่กำกับและดูแลการเลือกตั้งให้สุจริตและเที่ยงธรรม เป็นที่เชื่อถือ และไว้วางใจจากประชาชนได้อย่างไร?

รัฐธรรมนูญมาตรา ๑๓๖ ย้ำถึง "คุณสมบัติ" ผู้ที่จะมาเป็น กกต.ไว้ชัดเจนมาก นั่นคือในประเด็น

คนจะมาเป็น กกต.ต้อง มีความเป็นกลางทางการเมือง และ มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์

ก็ลองให้ชาวโลกตอบซิว่า ณ ความจริงที่ประจักษ์ ทั้งในอดีต และทั้งในปัจจุบัน พฤติกรรมของ พล.ต.อ.วาสนา ก็ดี ของนายปริญญา ก็ดี ของนายวีระชัย ก็ดี

มีความเป็นกลางทางการเมืองมั้ย?

มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์มั้ย?


ข้อหลังนี้อาจแย้งว่า "มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์" ไม่เชื่อไปถาม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือใครๆ ทุกคนในพรรคไทยรักไทยดูซี!?

เออ..จริง

แต่..มันอาจจะขัดกับคุณสมบัติข้อแรกนะครับ คือ เรื่องความเป็นกลางทางการเมือง!

เอาละครับ..ผมก็ต้องยืนกระต่าย ๔ ขาเป็นวันที่ ๓ ว่า..วันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๔๙ นั้นมีในปฏิทินทั่วๆ ไป

แต่จะไม่มีในปฏิทินเลือกตั้งของประเทศไทย!

ตราบใดที่ ๓ กกต. ๓ จำเลยนี้ ยังอยู่ในอาคารศรีจุลทรัพย์

ตราบใดที่ รัฐบาลไทยรักไทยยังมี พ.ต.ท.ทักษิณอยู่

ผมถามคำเดียวว่า เมื่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ลงมติไม่ส่งคนมาเป็น กกต.แทนที่ขาด ๒ คนเช่นนี้แล้ว

ประชาธิปัตย์ก็ดี ชาติไทยก็ดี มหาชนก็ดี และพรรคที่จะตั้งขึ้นมาใหม่ต่อจากนี้ก็ดี

เขายินดี และพร้อมจะลงแข่งขันการเลือกตั้ง ภายใต้การกำกับควบคุมดูแลการเลือกตั้งของ ๓ จำเลย "วาสนา-ปริญญา-วีระชัย" เช่นนั้นหรือ?

และที่สำคัญ ถ้าปล่อยให้สภาพนั้นเกิดขึ้นในการเลือกตั้งที่ ๑๕ ตุลา.

ประมุข ๓ ศาลที่น้อมรับพระราชกระแสรับสั่งเมื่อ ๒๕ เมษายน ๒๕๔๙ ใส่เกล้าฯ มาปฏิบัตินั้น เมื่อปฏิบัติอันนำมาซึ่ง "ความสุจริตและเที่ยงธรรม" ให้เกิดขึ้นไม่ได้

ท่านจะอยู่ในตำแหน่งต่อหรือ?


ขอฝาก "ข้อคิด" ไว้ให้ท่านช่วยกันขบนะครับ สำหรับผม ขออนุญาตรีบไปรับประทานของฟรี ซึ่งนานปีทีหนจะมีสักครั้ง ไม่ว่ากันนะครับ.

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์