บรรหารปิดปากไม่ตอบยังร่วมรัฐบาลหรือไม่

เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย (ชท.)

นายวราวุธ ศิลปอาชา ส.ส.สุพรรณบุรี นายนพดล พลเสน รองเลขาธิการพรรค พร้อมด้วยคณะส.ส.ชท. 26 คน ออกเดินทางไปยังเกาะฮ่องกง ด้วยสายการบินไทย เที่ยวบินTG 600 และจะเดินทางกลับในวันที่ 5 มิ.ย. เวลา 22.25 น. ทั้งนี้ นายบรรหารปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการทบทวนท่าทีของการร่วมรัฐบาล
 

ด้านนายวราวุธ บุตรชาย ตอบเพียงสั้นๆ ว่า เรื่องนี้จบแล้ว ถ้านายบรรหารพูดอีก ก็จะเป็นการเปิดประเด็นใหม่

ก่อนหน้านี้ นายเอกพจน์ ปานแย้ม ส.ส.ปทุมธานี พรรคชาติไทย (ชท.) กล่าวเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน

ถึงท่าทีสถานการณ์ของพรรคร่วมรัฐบาลในขณะนี้ว่า หลายครั้งที่พรรคพลังประชาชน (พปช.) เองไม่เคยเห็นความสำคัญและให้ความสำคัญของพรรคร่วมรัฐบาล เช่น กรณีการยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือคัดเลือกประธานสภา หรือแม้กระทั่งการออกมาแถลงรายการพิเศษของนายกรัฐมนตรีในเช้าวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา ก็ไม่เคยหารือกับพรรคร่วมรัฐบาล
 

''การระบุว่าถ้าไม่พอใจก็ให้ออกไปจากการร่วมรัฐบาล ขอบอกว่าการที่พรรคร่วมรัฐบาลจะอยู่หรือไป ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่ขอเตือนว่าอย่ามองว่า พปช.จะมีความสำคัญเพียงแค่พรรคเดียว เพราะหากไม่มีพรรคร่วมรัฐบาลอีก 5 พรรคให้ความสนับสนุน พปช.เองก็จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ การจะพูดจาอะไรออกมาจึงขอให้ทางแกนนำพรรค พปช.ตักเตือนและควบคุมสมาชิกพรรคของตัวเองให้รักษามารยาททางการเมืองด้วย ไม่ใช่ปล่อยให้ลิ่วล้อออกมาพูดในลักษณะยั่วยุ ไม่ให้เกียรติสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลเช่นนี้ นอกจากจะไม่ส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลดีแล้ว ยังกระทบต่อความรู้สึกของสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลพรรคอื่นๆ ด้วย''
 
นายเอกพจน์กล่าวว่า สิ่งที่แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลกระทำลงไปต่างก็มีเหตุมีผลรองรับ ทุกพรรคมีสิทธิที่จะนัดหารือเพื่อติดตามความเป็นไปของสถานการณ์บ้านเมืองด้วยความห่วงใย ขอความกรุณาอย่าส่งลิ่วล้อมาพูดในลักษณะเช่นนี้อีก

ขณะที่แหล่งข่าวระดับสูงจากพรรคชาติไทยระบุถึงท่าทีของพรรคขณะนี้ว่า

หากประเมินสถานการณ์แล้วไม่ไหว พรรคร่วมรัฐบาลเฉพาะในส่วนของชาติไทยอาจจำเป็นต้องถอนตัว โดยปล่อยให้พรรคที่ยังไม่ถอนตัวอยู่กับรัฐบาลต่อไป ซึ่งจะทำให้เป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ และในช่วงสมัยการประชุมวิสามัญเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2552 อาจจะถูกโหวตคว่ำได้

''เราก็คิดหนักเพราะหากมีการยื่นญัตติไม่ไว้วางใจรัฐบาลในช่วงการพิจารณางบประมาณ ประเทศชาติจะเสียเปรียบ เพราะเป็นช่วงกระจายงบประมาณ เราจึงไม่อยากทำเพราะเป็นความไม่สง่างามของพรรคร่วมมากเท่าไร แต่เมื่อไม่มีทางเลือก และรัฐบาลยังคงดึงดันที่จะจุดเงื่อนไข ความขัดแย้งอยู่ก็อาจจะต้องนำมาพิจารณา'' แหล่งข่าวกล่าว