แม้วบ่น ธรรมรักษ์ประเจิดประเจ้อคดีจ้างพรรคเล็ก
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 31 พฤษภาคม 2549 05:54 น.
แม้วบ่น ธรรมรักษ์ประเจิดประเจ้อคดีจ้างพรรคเล็ก สั่งฝ่ายกม.ทรท.หาวิธีแก้ต่างภาพวงจรปิดมัดตัว ด้านเจ้าตัวยืนภาพถ่ายเทพเทือก ถ่ายคนละที่ แต่เอามาเรียงโยงเรื่อง ห่วงพันธมิตรเคลื่อนพลป่วนการเมืองหลังพระราชพิธีฉลองครองราชย์ 60 ปี สั่งฝ่ายมั่นคงคุมเข้ม
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ในการประชุมครม. เมื่อวันที่ 30 พ.ค. ซึ่งมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ปรากฎว่าก่อนที่จะเข้าห้องประชุมครม.บรรดารัฐมนตรีต่างพากันสอบถามพล.อ.ธรรมรักษ์ถึงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการรพรรคประชาธิปัตย์ นำหลักฐานภาพถ่ายที่อ้างว่ามาจากดทรทัศน์วจจรปิดภายในกระทรวงกลาโหมไปยืนยันต่อศาลเป็นหลักฐานในคดีพรรคใหญ่จ้างพรรคล์กลงสมัครรับเลือกตั้ง
โดยพล.อ.ธรรมรักษ์ ชี้แจงว่า ภาพที่ออกมาเปิดเผยนั้นเป็นภาพที่ถ่ายคนละสถานที่กันเลย เพราะภาพที่ถ่ายก็มีสีไม่เหมือนกัน เพียงแต่มีการนำเอามาเรียงต่อกันเพื่อให้เห็นเป็นสถานการณ์เดียวกัน ในวันนั้นยืนยันว่าพวกที่อ้างว่ามารับเงินที่ตนไม่ได้เจอตนเลย ไม่ต้องห่วง เรื่องนี้ตนจะไปชี้แจงต่อกกต.เอง แล้วค่อยไปแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
รายงานข่าวแจ้งต่อว่า นอกจากนี้ในระหว่างการพักรับประทานอาหารกลางวัน พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ร่วมรับประทานอาหารและหารือกับรัฐมนตรีระดับแกนนำพรรคไทยรักไทย อาทิ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกรู ณ อยุธยา รมว.กลาโหม คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ รมว.เกษตรฯ รองหัวหน้าพรรค นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ นายวัฒนา เมืองสุข รมว.การพัฒนาสังคม
โดยพ.ต.ท.ทักษิณได้ซักถามเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและท่าทีหงุดหงิดทำนองว่า ทำไม มันประเจิดประเจ้ออย่างนี้ มันเป็นสถานที่ราชการ ใคร ๆ ที่ดูภาพก็รู้ว่ามันเป็นที่ไหน แถมภาพยังชัดขนาดรู้ว่าใครเป็นใครอีก มัดตัวอย่างนี้จะแก้ต่างได้อย่างไร ให้ฝ่ายกฎหมายของพรรคไปดูเรื่องนี้ด่วน เรื่องนี้มีเบื้องหน้าเบื้องหลังอย่างไรก็ต้องไปชี้แจงไปให้ประชาชนเข้าใจในข้อเท็จจริง ตอนนี้ข้อกล่าวหาอะไรมันเยอะมาก เมื่อเรามีอะไรก็ต้องรีบชี้แจง
รายงานข่าวยังแจ้งด้วยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ด้วยว่า เมื่อวันที่ 29 พ.ค.ที่ตนได้หารือนอกรอบกับรัฐมนตรีทางด้านเศรษฐกิจและสังคม เพื่อที่จะดูแลผลกระทบจากกปัญหาราคาน้ำมัน ทางนายทนง พิทยะ รมว.คลัง ที่เพิ่งเดินทางกลับจากญี่ปุ่นได้มาแจ้งให้ทราบว่าญี่ปุ่นไม่สนใจประเทศไทยแล้ว หันไปลงทุนที่เวียดนามและอินเดีย เพราะไทยเกิดความไม่น่าเชื่อถือทางการเมือง
ขณะที่นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รองนายกน ได้กล่าวเสริมว่าในช่วงพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีนั้น พระราชอาคันตุกะที่จะเสด็จถึงประเทศไทยเป็นคนแรกจะมาในวันที่ 7 มิ.ย. และพระประมุขของประเทศสวีเดนจะเดินทางกลับเป็นคนสุดท้ายในวันที่ 21 มิ.ย. ซึ่งเราคาดว่าหลังวันพระราชพิธีฯ แล้วกลุ่มพันธมิตรก็จะมีการออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งก็น่าเป็นห่วงเป็นอย่างมากในการที่จะต้องเพิ่มการดูแลรักษาความปลอดภัย ต้องขอฝากฝ่ายความมั่นคงให้ช่วยดูแลเรื่องนี้อย่างดีที่สุดด้วย