อภิสิทธิ์-เฉลิม เห็นต่าง พรก.แก้ไขรัฐธรรมนูญ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าววันนี้ (24 พ.ค.)

กรณีรัฐบาลมีแนวคิดจะออก พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า การออก พ.ร.ก.ต้องทำตามเงื่อนไขที่รัฐธรรมนูญบัญญัติเอาไว้ ไม่เข้าข่ายมีความจำเป็นเร่งด่วน ตามวัตถุประสงค์ของรัฐธรรมนูญ ก็ไม่สามารถทำได้ ที่สำคัญ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ต้องพยายามให้ ส.ส.ของพรรคพลังประชาชน ถอนญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อน เพราะหากญัตติเข้าพิจารณาแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะทำประชามติไปทำไม 

ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวต่อกรณีมีการระบุว่า การใช้เงิน 2,000 ล้านบาท เพื่อทำประชามติมากเกินไป

ควรนำไปทำประชาพิจารณ์มากกว่า  ว่า ถ้าไม่มีตัวร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสู่รัฐสภา  ก็สามารถใช้กลไกของรัฐสภา  หรือกรรมาธิการที่สามารถที่จะรับฟังความคิดเห็นได้ เพราะหากการทำประชามติ เป็นเพียงการลงคะแนนเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ไม่มีความหมายอะไร เพราะมีบางส่วนอาจจะอยากให้แก้เฉพาะส่วนที่เป็นปัญหาในแต่ละเรื่อง  ก็ต้องลงมติแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ โดยที่ไม่รู้ว่าเมื่อแก้รัฐธรรมนูญแล้ว จะแก้ไขในส่วนใดบ้าง  อาจไม่ตรงกับความต้องการก็ได้ และคงไม่มีใครอยากเสนอให้แก้ เพื่อฟอกผิดให้กับคนเพียงคนเดียว นายกรัฐมนตรีควรให้ถอนญัตติ และเริ่มต้นกระบวนการศึกษาอย่างจริงจัง ว่าจุดใดคือความเหมาะสมความจำเป็นที่จะต้องแก้รัฐธรรมนูญ  จะเป็นทางออกที่ดีที่สุด  

ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการออก พ.ร.ก.การทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า

สามารถทำได้โดยไม่ต้องมีกฎหมายรองรับ เพราะเป็นการทำสิ่งดีๆ ส่วนที่มีการวิจารณ์ว่ารัฐบาลประกาศทำประชามติ หลังจากที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชนยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นการแก้เกมหรือไม่  เห็นว่า การยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของ ส.ส. การทำประชามติเป็นเรื่องของรัฐบาล และรัฐบาลมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง เมื่อมีทีท่าว่าคนไทยจะมีความขัดแย้งกัน รัฐบาลก็มีหน้าที่ทำให้เกิดความเรียบร้อย