ไสว กาง กม.ป้อง สุชิน กร้าว 3 ศาลใช้หลักอะไรไล่ กกต.
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 31 พฤษภาคม 2549 00:14 น.
ไสว พราหมณี งัดตำรากฎหมายกางป้อง สุชน สุดชีวิต แถมอุ้ม 3 กกต. ทะลึ่งถาม 3 ประมุขศาล ใช้หลักอะไร ไล่ กกต.ด้าน นักวิชาการ วอนศาลฎีกา อย่าเป็นตรายางให้วุฒิสภา ชี้ อ้างเหตุอยู่ระหว่างดำเนินคดีรอคำวินิจฉัยก่อนสรรหาใหม่ได้
วันนี้ (30 พ.ค.) นายไสว พราหมณี รักษาการ ส.ว.นครราชสีมา ในฐานะหนึ่งในที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายประธานวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีที่ นายสุชน ชาลีเครือ รักษาการประธานวุฒิสภา ถูกกล่าวหาว่า พยายามผลักดันให้มีการสรรหาคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จนครบ 5 คน เพื่อสร้างความชอบธรรมให้ กกต.อีก 3 ที่เหลือ ว่า ที่ นายสุชน ส่งเรื่องไปยังศาลฎีกาก็เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดให้ศาลฎีกาส่งผู้ดำรงตำแหน่ง กกต.มาจำนวน 2 เท่า ของจำนวนที่ขาด ทุกอย่างทำตามกฎหมาย หากศาลฎีกาจะไม่ส่งก็ต้องมีเหตุผลว่าที่ส่งไม่ได้ เพราะอะไร
หลักของเรา คือ กกต.ต้องมี 5 คน เมื่อขาดไปก็ต้องสรรหามาเพิ่มจนเต็ม ส่วนใครจะว่าชอบธรรมหรือไม่นั้น ก็ต้องดูว่าสิ่งที่ทำถูกกฎหมายหรือไม่ และถ้าศาลฎีกาไม่ส่งผู้จะทำหน้าที่ กกต.ลงมา เราจะถือว่าเข้าข่ายความขัดแย้งระหว่างองค์กร ต้องส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไป ที่ปรึกษากฎหมายนายสุชน กล่าว
ส่วนที่มีการกล่าวหาว่า การที่ นายสุชน ไม่เคารพมติประมุข 3 ศาลที่ต้องการให้ กกต.ทั้ง 3 คนลาออก นั้น นายไสว กล่าวว่า ต้องถามประมุขทั้ง 3 ศาลว่าที่ต้องการให้ กกต.ลาออกนั้นเพราะอะไร ใช้หลักอะไร หรือบอกว่าประชาชนไม่อยากให้อยู่ในตำแหน่งก็ต้องลาออก ทั้งที่ไม่มีกฎหมายรองรับ ทั้งนี้ การจะให้ กกต.ออกจากตำแหน่งต้องมีคำพิพากษาชัดเจน ที่วันนี้เขาไม่ออกก็เป็นสิทธิเฉพาะตัว ท่านเป็นองค์กรอิสระเมื่อเข้ามาตามกฎหมายก็ต้องออกไปตามกฎหมาย
ด้าน นายบรรเจิด สิงคเนติ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า การที่ นายสุชน ไม่สนใจกระแสเรียกร้องให้ กกต.ลาออก โดยเตรียมที่จะส่งเรื่องไปให้ศาลฎีกาสรรหา กกต.มาทำหน้าที่ในจำนวนที่ขาด ตอกย้ำสภาพสังคมการเมืองไทยขณะนี้ ว่า มีการแบ่งเป็นฝักฝ่ายชัดเจน พฤติกรรมของผู้ที่มีอำนาจไม่เหลือความเป็นกลาง นายสุชน ทำทุกอย่างเพื่อรักษา กกต.ที่เหลืออยู่ให้เดินไปได้ ไม่ได้มุ่งหมายถึงกระบวนการสรรหา กกต.ที่ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย แต่ทำไปเพื่อปะผุของเก่าให้ดันทุรังทำหน้าที่กันต่อไป
ส่วนที่ นายสุชน อ้างว่า ทำตามกฎหมายทุกประการนั้น นายบรรเจิด กล่าวว่า ทุกคนพูดได้ว่าทำตามกฎหมาย ตามลายลักษณ์อักษร แต่หลักการใช้กฎหมายนั้นต้องใช้ให้เพื่อบรรลุความยุติธรรม แต่ขอถามว่าการกระทำของนายสุชนนั้น เป็นการอ้างกฎหมายเพื่อบรรลุสิ่งใด เพื่อประโยชน์ของใคร ดังนั้น หากยึดหลักนี้กระบวนการสรรหา กกต.ตามแนวทางของนายสุชนได้บรรลุความเป็นกลาง ความยุติธรรม และได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายหรือไม่
พฤติกรรมของ นายสุชน สะท้อนชัดเจนว่า เขามีธงอยู่ในใจแล้วว่าจะสรรหา กกต.อีก 2 คนเข้าไปปะผุ 3 คนให้ทำงานได้ เมื่อมีธงแล้วก็หากฎหมายไปรองรับธงของตัวเอง ขอเตือนเอาไว้ว่าการเดินมาทางนี้ของนายสุชนในที่สุดคนที่ลำบากที่สุดจะเป็น กกต.ทั้ง 3 คน ทุกฝ่ายบีบทางให้ทั้ง 3 คนเดินน้อยมาก และแคบลงทุกวันๆ หากไม่ยอมลาออก นักวิชาการ มธ.กล่าว
พร้อมทั้งเห็นว่า หากศาลฎีกาเห็นว่า การสรรหา กกต.เพิ่มเข้าไป 2 คนแล้วจะเป็นการนำองค์กรศาลไปการันตี กกต.ทั้ง 3 คนให้มีความชอบธรรมขึ้นมา ทำให้ศาลกลายเป็นตรายาง ซึ่งศาลฎีกามีหนทางที่จะไม่ส่งผู้ที่จะดำรงตำแหน่ง กกต.ให้กับวุฒิสภา เช่น ดำเนินการสรรหาไปแต่ผู้ที่ได้รับการสรรหาสละสิทธิ์ภายหลัง หรือศาลฎีกาอาจจะให้เหตุผลว่า กกต.เดิมทั้ง 3 คน อยู่ในระหว่างดำเนินคดี ซึ่งหากถูกตัดสินว่า มีความผิดทั้ง 3 คนจะขาดคุณสมบัติทันที ดังนั้น จึงรอให้มีการพิพากษาเสร็จสิ้นก่อนจึงทำการสรรหารอบเดียว