มท.1หนุนประชามติรธน. หักล้างข้ออ้างกลุ่มต้านใช้ป่วน

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าววันนี้ (21 พ.ค.)

กรณีมีการระบุว่า พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ว่า ไม่ทราบ แต่เห็นว่าหาก พล.อ.ชวลิต จะเป็นนายกรัฐมนตรีต้องเป็นรอบหน้า เพราะ พล.อ.ชวลิต ไม่ได้เป็น ส.ส. อย่างไรก็ตาม พล.อ.ชวลิต มีความเหมาะสมกับตำแหน่งดังกล่าว เพราะเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาแล้ว มีความเป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมือง เคยทำงานตำแหน่งสำคัญๆ ในกองทัพ เป็นคนที่ห่วงใยบ้านเมืองคนหนึ่ง ตนเคารพเป็นการส่วนตัว อย่างไรก็ตาม  หาก พล.อ.ชวลิต ตั้งพรรคการเมืองใหม่คงไม่ไปร่วมด้วย เพราะจะอยู่กับพรรคพลังประชาชน คนจำได้แล้ว แต่จะยังเป็นพันธมิตรกันต่อไป  

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวต่อกรณี นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ระบุจะมีการทำประชามติการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า

หากเป็นไปตามที่นายกรัฐมนตรีพูดถือเป็นเรื่องดี เพราะถ้าทำประชามติแล้ว ก็ไม่มีใครมาขัดขวางหรือหักล้างความต้องการของประชาชนได้ และจะไม่เป็นข้ออ้างของบุคคลกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดที่จะก่อความวุ่นวายทางการเมือง ส่วนเหตุใดนายกรัฐมนตรีจึงเปลี่ยนใจมายอมรับการทำประชามติ ตนเห็นว่าการเมืองเป็นเรื่องของการเปลี่ยนแปลง ไม่หยุดนิ่ง พัฒนาไปเรื่อยๆ ตนเชื่อนายกรัฐมนตรี มีเหตุผลของตัวเอง 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้ รัฐบาลเคยแสดงความไม่เห็นด้วยกับการใช้งบประมาณทำประชามติถึง 2,000 ล้านบาท  

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ไม่เคยบอกว่าไม่เห็นด้วย แต่บอกว่าไม่น่าจะทำประชามติ เพราะได้บอกประชาชนไว้แล้วว่าพรรคพลังประชาชนจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถ้าประชาชนเห็นด้วยก็ให้เลือกพรรคพลังประชาชน  เท่ากับว่าเป็นการทำประชามติมาแล้ว ถ้าประชาชนไม่เห็นด้วยก็คงไม่เลือกพลังประชาชนมาอย่างล้นหลาม  หากนายกรัฐมนตรีเห็นควรทำประชามติ พวกคัดค้านก็แผ่ว เหมือนเครื่องบินน้ำมันหมด ไม่มีเหตุในการเคลื่อนไหว 

ต่อข้อถามว่า พรรคชาติไทยและพรรคประชาราชไม่ร่วมลงชื่อในญัตติขอแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชนเสนอต่อรัฐสภา

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องของพรรคร่วมรัฐบาล แต่พรรคพลังประชาชนได้บอกตั้งแต่ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง  ไม่ใช่ระหว่างหาเสียงพูดอย่าง พอมาเป็นรัฐบาลแล้วพูดอีกอย่าง  พรรคร่วมรัฐบาลไม่จำเป็นต้องร่วมลงชื่อ เพราะมีเสียงยื่นแก้ไขเพียงพอแล้ว ยืนยันว่าพรรคร่วมรัฐบาลมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น ไม่มีความแตกแยก ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะได้รับการยอมรับจากประชาชนหรือไม่ ก็ต้องรอดูกันไป อย่าเพิ่งไปคิดว่าประชาชนจะรับหรือไม่รับ  

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวต่อกรณีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยประกาศเคลื่อนไหวทันทีหากมีการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อรัฐสภา ว่า

ถือเป็นสิทธิตามระบอบประชาธิปไตย พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เคลื่อนไหวได้ ถ้าไม่ทำผิดกฎหมายบ้านเมือง ความจริงพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก็เคลื่อนไหวผ่านเอเอสทีวีอยู่แล้ว ส่วนการดำเนินคดีหมิ่นประมาทกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่กล่าวพาดพิงตนนั้น ได้ไปแจ้งความแล้ว  ขั้นตอนต่อไปกำลังรวบรวมข้อมูลหลักฐานให้ทนายความนำไปยื่นต่อศาลจังหวัดเชียงรายต่อไป