นายยงยุทธ ติยะไพรัช ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน (พปช.) และอดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร
ซึ่งไปร่วมงานวันวิสาขบูชาโลก ที่รสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม ให้สัมภาษณ์ว่า ช่วงเวลาที่ผ่านมามีเวลาว่าง จึงเดินทางไปทำบุญในวันพระและเป็นผู้บรรยายาตามวัดให้กับพระสงฆ์เกี่ยวกับเรื่องสิ่งแวดล้อมและการรักษาพระพุทธศาสนา ทุกวันนี้หันหน้าเข้าหาวัดและใช้เวลาที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์กับพระพุทธศาสนามากที่สุด ส่วนเรื่องการต่อสู้คดีในศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งนั้นก็ยังเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมว่าจะเป็นที่พึ่งสุดท้าย ดังนั้น จะไม่พูดอะไรที่จะกระทบต่อการพิจารณาคดี แต่ขอให้ได้ติดตามว่าข้อพิรุธ ข้อสงสัย ประเด็นข้อกฎหมายต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้น จะมีน้ำหนักและรับฟังได้หรือไม่
''ผมอโหสิกรรมให้ทุกฝ่าย อยากให้บ้านเมืองมีความรักและหันหน้าเข้าหากัน ถ้าใช้ประเด็นข้อกฎหมาย ข้อได้เปรียบทำลายล้างซึ่งกันและกัน สุดท้ายเราก็เป็นผู้แพ้ด้วยกันทุกฝ่าย ไม่มีอะไรดีขึ้น ไม่ว่าจะรบราฆ่าฝันอย่างไรก็ตัดสายเลือดความเป็นคนไทยไม่ออก และเราก็อยู่ใต้ร่วมพระบรมโพธิสมภารพ่อองค์เดียวกัน ดังนั้น ถ้าใครจะใช้สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์มาเป็นตัวปลุกเร้า ในที่สุดความจริงก็คือความจริงที่หนีไม่พ้น และผมยังแสดงจุดยืนที่ชัดเจนว่าหากผมจะเป็นเหยื่อคนสุดท้าย ผมพร้อมเสียสละทุกอย่างเพื่อให้บ้านเมืองได้'' นายยงยุทธกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่บอกว่าจะหันหน้าเข้าหาวัดหมายถึงจะเลิกเล่นการเมืองหรือไม่
นายยงยุทธกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้ประกาศหลายครั้งว่าไม่มีความทะเยอทะยาน แต่ในยามที่เกิดภาวะคับขัน เพื่อนและพี่น้องระส่ำระสายหรือพรรรเดิมจะถูกยุบ ที่ยืนในสังคมก็ไม่มีแล้ว จะเอาคนเหล่านี้ไปไว้ที่ไหน ดังนั้น เมื่อมีผู้ใหญ่มอบหมายให้ทำงานจึงมารวมตัวกัน และเมื่อช่วยกันให้คอพ้นน้ำ บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย เพื่อนฝูงทุกคนกลับมาได้แล้ว ก็จะลาออกแล้วขอเป็นสมาชิกพรรคธรรมดา
''แม้จุดยืนและสปิริตที่ขอลาออกจากประธานสภาจะมีคนไม่เชื่อ และกระแหนะกระแหนว่าใช่ ยุทธตู้เย็น หรือไม่นั้น สักวันหนึ่งบ้านเมืองสงบจะเข้าใจผมมากขึ้น และอยากบอกให้รู้ว่าผมทำทางลงให้กับตัวเองตลอดเวลา แต่ไม่ขอบอกว่าจะเลิกเล่นการเมืองหรือไม่'' นายยงยุทธกล่าว
เมื่อถามความเห็นเกี่ยวกับการทำหน้าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรของนายชัย ชิดชอบ ส.ส.สัดส่วน พปช.
นายยงยุทธกล่าวว่า ขอให้กำลังใจนายชัย ซึ่งการทำหน้าที่ในตำแหน่งประธานสภาจะต้องมีประชุมร่วมกัน เพื่อให้เกิดความพอใจให้กับทุกฝ่าย และมุมของแต่ละส่วนในเรื่องความเป็นกลางนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่บวกลบคูณหารแล้วประเทศชาติไปได้ สภาไปได้ คือสิ่งที่เป็นความสำเร็จและเกิดประโยชน์ ถ้าเรามองสิ่งที่ถกเถียงและความพอใจไม่พอใจเป็นตัวตั้งขึ้นอยู่กับว่าเราจะอยู่ในมุมมองของฝ่ายไหน ดังนั้น ตนคงไม่วิพากษ์วิจารณ์