พันธมิตรฯ ชี้ 3 ปมสังคมแตกแยก จี้ แม้ว ยุติบทบาทก่อนสายเกินแก้
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 28 พฤษภาคม 2549 20:03 น.
พันธมิตรฯ หวั่น 3 ปมอาจทำให้สังคมไทยแตกแยกครั้งใหญ่ ต้านอำนาจศาล-ปฏิญญาฟินแลนด์-สงครามกลางเมือง จี้ ทักษิณ และไทยรักไทย หยุดสุมไฟ แนะเสียสละและวางมือทางการเมือง เพื่อปลดชนวนระเบิดสังคมก่อนสายเกินแก้
วันนี้ (28 พ.ค.) นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) และผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองไทยขณะนี้ตั้งอยู่บนความเสี่ยงต่อการสูญเสียครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง เพราะมีสัญญาณบ่งบอกหลายกรณี แต่กลับไม่มีมาตรการคลี่คลายหรือแก้ปัญหา ในขณะเดียวกัน สถาบันหลักๆ ทางสังคมที่เคยมีบทบาทแก้ปัญหา แต่ครั้งนี้กลับถูกท้าทายและถูกทำลายความน่าเชื่อถือ และยังมองไม่เห็นโอกาสที่การเปลี่ยนผ่านทางการเมืองครั้งนี้จะเป็นไปอย่างสันติ และมีเหตุผล มีหลายสัญญาณเตือนภัยที่สังคมควรจับตาดังนี้
นายสุริยะใส กล่าวว่า สัญญาณที่หนึ่ง ขบวนการต้านอำนาจศาล ซึ่งประกอบไปด้วย 3 องค์กรหลัก คือ พรรคไทยรักไทย คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และรักษาการประธานวุฒิสภา ประสานเป็นพลังสามานย์เพื่อต้านอำนาจศาลทุกรูปแบบ เช่น หาวิธีเตะถ่วง ดื้อดึง ต่อต้าน ข้อเสนอแนะ และคำวินิจฉัยของศาลสารพัดวิธี โดยมีเป้าหมายให้ กกต.ชุดนี้จัดการเลือกตั้งต่อไป ซึ่งเมื่อใดก็ตามอำนาจศาล หรือสถาบันตุลาการถูกทำลายความน่าเชื่อถือสังคมก็จะไร้ระเบียบวินัย และเปิดช่องให้กลุ่มการเมืองสถาปนาตัวเองเป็นมาเฟียทางการเมือง เพื่อควบคุมคนทั้งประเทศ รัฐที่มีหน้าที่ปกป้องคุ้มครองประชาชนอย่างไม่เลือกปฏิบัติก็พร้อมจะเข่นฆ่าสุจริตชนได้ทันทีโดยเฉพาะผู้ไม่ภักดี
สัญญาณที่สอง ปฏิญญาฟินแลนด์ ภายหลังที่มีนักวิชาการบางกลุ่มเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับปฏิญญาฟินแลนด์ออกมา ทำให้สังคมตั้งข้อเคลือบแคลงสงสัยพรรคไทยรักไทยค่อนข้างมาก และอยากฟังคำชี้แจงที่เป็นทางการจากผู้บริหาร หรือแกนนำพรรค ซึ่งมีหลายคนที่ถูกพาดพิง สังคมอยากรู้ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร แต่พรรคไทยรักไทยกลับเลือกใช้วิธีตอบโต้กล่าวหาบิดเบือนทำลายความน่าเชื่อถืออีกฝ่าย หรือไปเลือกวิธีแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งเป็นวิธีการที่ไม่ได้ลดความคลางแคลงใจของประชาชนลงเลย
ฉะนั้น เพื่อไม่ให้กรณีนี้ถูกขยายความไปจนเกินเลยจนกลายเป็นเงื่อนไขการเผชิญหน้าและความรุนแรงในสังคมอีกรอบ พรรคไทยรักไทยควรหาวิธีชี้แจงข้อเท็จจริงอย่างเป็นทางการ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน การใช้วิธีตอบโต้ หรือแกล้งเงียบแบบนี้นอกจากไม่ได้แก้ปัญหาแล้วยังสร้างปัญหาตามมาอีกมากมาย ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ กล่าว และพร้อมระบุต่อว่า สัญญาณที่สาม สงครามกลางเมือง ปัจจุบันเชื้อความขัดแย้งระหว่างกลุ่มผู้สนับสนุนระบอบทักษิณกับกลุ่มผู้ต่อต้านระบอบทักษิณยังดำรงอยู่ และแพร่ขยายวงกว้างออกไปในทุกภาคส่วน และสถาบันต่างๆ ในสังคม โดยเฉพาะการเผชิญหน้าระหว่างประชาชนด้วยกัน จนเกิดความขัดแย้งถาวรร้าวลึก และอาจแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธเกลียดอีกฝ่ายหนึ่ง สุดท้ายก็อาจเลือกใช้วิธีการรุนแรง เพื่อจัดการกับอีกฝ่ายหนึ่ง หรืออาจกลายเป็นสงครามฝ่ายเหนือฝ่ายใต้เหมือนสงครามกลางเมืองในสหรัฐอเมริกา
นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า สถานการณ์ทั้งหมดเกี่ยวเนื่องกับบทบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพรรคไทยรักไทย โดยตรง หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ยังฝักใฝ่หรือเสพติดกับอำนาจแบบนี้ ก็จะยิ่งทำให้สังคมการเมืองไทยเข้าสู่ความตึงเครียดอย่างรอบด้าน จนอาจจะสายเกินแก้ที่สังคมจะยุติปัญหาด้วยเหตุผลและแนวทางสันติวิธี หรือสมานฉันท์
ผมอยากอุทธรณ์มโนธรรมสำนึกไปยัง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถึงเวลาเสียสละครั้งสำคัญในชีวิตได้แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นพลเมืองไทยที่ได้ประโยชน์จากประเทศชาติไปมาก อาจจะมากกว่าทุกๆ คนในประเทศนี้ แต่วันนี้สังคมแค่อยากได้ยินคำประกาศยุติบทบาททางการเมืองอย่างไม่มีเงื่อนไข สถานการณ์การเมืองจะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นทันที ผู้ประสานงานพันธมิตรฯกล่าว