วันที่ 5 พ.ค. เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ตลาดบองมาเช่ ย่านประชาชื่น นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย
ได้แถลงถึงสถานการณ์การเมืองผ่านระบบแคมฟรอกซ์จากประเทศจีนว่า ได้ติดตามข่าวสารเมืองไทยอยู่ตลอดเห็นว่าสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้น่าเป็นห่วงมาก เพราะกำลังเดินเข้าสู่วิกฤติเหมือนตอนก่อนเกิดเหตุ 19 กันยาฯ 49 โดยมีบางกลุ่มใช้กลวิธีเดิมในการสร้างข่าวกล่าวหาโจมตีอีกฝ่ายทั้งที่ไม่มีข้อเท็จจริง พยายามใช้สถาบันเบื้องสูงมาเป็นข้ออ้าง แต่ไม่ใช้กฎหมายบ้านเมืองเป็นตัวแก้ปัญหา ซึ่งก่อนเกิดเหตุ 19 กันยาฯ ก็ใช้วิธีแบบนี้ แต่ภายหลังได้พิสูจน์แล้วว่าไม่มีมูลความจริงเลย แต่ผลก็คือมีการยึดอำนาจจนบ้านเมืองเสียหายไปแล้ว เป็นวิธีของกลุ่มคนที่อยากให้เกิดการปฏิวัติ โดยการหยิบยกประเด็นเหล่านี้ขึ้นมากล่าวอ้างเพื่อนำไปสู่การยึดอำนาจ ซึ่งไม่เป็นผลดีกับใคร มีแต่เสียหายกับทุกฝ่าย
เมื่อถามว่า จากข้อมูลที่มีอยู่เป็นการขู่หรือมีความคิดจะทำปฏิวัติอีกรอบจริง นายจาตุรนต์ตอบว่า ก็มีแต่คนออกตัวว่าไม่คิดจะทำ ซึ่งตนคิดว่ามีทั้งขู่ทั้งอยากให้เกิดของพวกพันธมิตรฯบางคน ซึ่งมีเนื้อหาที่สำคัญคือการออกมาโจมตีทางการเมือง เหมือนอยากจะสร้างเงื่อนไขให้ทหารทำรัฐประหาร โดยใช้วิธีอะไรก็ได้
นายจาตุรนต์กล่าวต่อว่า คนเหล่านี้ไม่เคยยึดระบอบประชาธิปไตย ทำอย่างไรก็ได้โดยไม่คิดถึงวิธีการ เพราะไม่เชื่อถือในวิถีทางประชาธิปไตยอยู่แล้ว
แต่พยายามยกรัฐธรรมนูญปี 50 ขึ้นมาอ้างไม่ยอมให้แก้ไข แต่ไม่ได้ เลื่อมใสจริง ดังนั้น ทุกคนต้องช่วยกันจับตาดูการนำเสนอเนื้อหาของกลุ่มพันธมิตรฯที่จะสร้างเงื่อนไขเพื่อนำไปสู่การยึดอำนาจอีกรอบ เมื่อถามว่า มองสถานการณ์ ขณะนี้ใกล้เคียงกับตอนเกิดเหตุ 19 กันยาฯหรือยัง นายจาตุรนต์ตอบว่า ใกล้เคียงมาก มีการจัดชุมนุมเน้นการกล่าวหาโจมตีแบบเลื่อนลอย เมื่อถามว่า แสดงว่าไม่เชื่อในคำพูดของผู้นำกองทัพว่าจะไม่ทำปฏิวัติอีก นายจาตุรนต์ตอบว่า คงบอกไม่ได้ว่าเชื่อทั้ง 100% หรือไม่ ขณะนี้ผู้นำกองทัพส่วนใหญ่อาจไม่คิด แต่นายทหารบางคน จะคิดหรือไม่ตนทายใจไม่ถูก แต่ถ้ามีการสร้างสถานการณ์ ขึ้นมาเรื่อยๆก็เป็นเหตุผลที่ทหารจะอ้างว่าทำปฏิวัติเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ ซึ่งในระยะยาวเมืองไทยไม่มีวันปลอดการรัฐประหารไปได้ ดังนั้น สังคมต้องร่วมกันประณามคนเหล่านี้ เพราะมีเจตนาไม่ดีกับบ้านเมือง