พันธมิตรทั่วปท.ขานรับ 5มี.ค. เผด็จศึก "ทักษิณ"
"จำลอง" มั่นใจ "ทักษิณ" ลาออก 5 มี.ค. ขู่ยังดื้อชุมนุมยืดเยื้อแน่ ขณะที่เชียงใหม่ม็อบหนุนนายกฯ เผาหุ่นนักวิชาการหน้า มช. ด้านเครือข่ายพันธมิตรทั่วประเทศ ส่งคนนับแสนเช็คบิล "ทักษิณ"
กรมศาสนา เรียกร้อง มหาเถร ออกแถลงการณ์แจง"จำลอง" "สันติอโศก"ไม่เกี่ยวพุทธศาสนา เป็นแค่ลัทธิหนึ่ง ขณะที่เชียงใหม่ ม็อบเสื้อแดง หนุน "ทักษิณ" ระดมพลนับร้อย บุกข่มขู่ เผาหุ่น นักวิชาการป่วนหน้า มช. แต่นักวิชาการ มช.ไม่หวั่น ลั่นเดินหน้า ให้ความรู้ชาวบ้านต่อ ด้านเครือข่ายพันธมิตรฯ ทั่วประเทศขานรับส่งคนนับหมื่นเข้ากรุง 5 มี.ค.ร่วม ทั้งสหพันธ์สหกรณ์อีสานเตรียมยกทัพตัวแทน 19 จังหวัดกว่า 1 หมื่นคน พันธมิตร"ยิกทักษิณ"จากใต้ที่เตรียมเหมาโบกี้รถไฟ-รถบัส ขนคนเรือนหมื่นสมทบ
หลังเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยตัดสินใจเคลื่อนขบวนผู้ชุมนุมหลายหมื่นคนจากท้องสนามหลวงไปตามถนนราชดำเนิน เพื่อสดุดีวิญญาณวีรชนที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อเวลา 24.00 น. วันที่ 27 กุมภาพันธ์ พร้อมออกแถลงการณ์ฉบับที่ 5 ขีดเส้นตาย 5 วัน ให้เวลา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตัดสินใจประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก่อนที่กลุ่มผู้ชุมนุมทั้งหมดจะสลายการชุมนุมไป โดยมีพันธสัญญาว่า หากครบกำหนดแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณยังไม่ยอมลาออก ก็จะมาชุมนุมกันใหม่ ในเวลา 16.00 น. วันที่ 5 มีนาคมต่อเนื่องถึงเช้าวันที่ 6 มีนาคม ซึ่งจะถือว่าเป็น "วันเช็คบิลทักษิณ"นั้น
ช่วงเช้าวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่ท้องสนามหลวงยังเหลือเพียงตัวแทนกองทัพธรรมมูลนิธิกลุ่มเดียว โดยทั้งหมดยังคงปฏิบัติกิจวัตรเหมือนวันก่อน คือ ตักบาตร สวดมนต์ และรับฟังธรรมเทศนาจากสมณะโพธิรักษ์ จากนั้นเวลา 10.30 น. ผู้ชุมนุมได้รับประทานอาหารร่วมกัน ก่อนจะสลายตัวไปตามที่เครือข่ายพันธมิตรประชาชนฯ ได้มีมติไว้
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำเครือข่ายพันธมิตรประชาชนฯ กล่าวว่า หลังเครือข่ายพันธมิตรฯ มีมติว่า ควรให้โอกาส พ.ต.ท.ทักษิณ ตัดสินใจ 5 วัน กลุ่มกองทัพธรรมก็จะยึดเจตนารมณ์นี้ โดยจะสลายการชุมนุมไปในช่วงบ่าย หลังจากนั้นหากนายกฯ ไม่ลาออก ก็จะกลับมาร่วมชุมนุมใหญ่กับเครือข่ายพันธมิตรฯ เพื่อเรียกร้องเรื่องนี้อีกครั้งในวันอาทิตย์ที่ 5 มีนาคม โดยจะมีการเปิดเวทีในต่างจังหวัดทั่วประเทศด้วย
"หาก พ.ต.ท.ทักษิณไม่ลาออก ปัญหาต่างๆ จะไม่คลี่คลาย ผมจะพยายามขอร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ลาออกให้ได้ เรื่องนี้อาจเป็นไปได้ เพราะมั่นใจว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะฟังเสียงประชาชนบ้าง ดูได้จากก่อนที่เครือข่ายจะมาร่วมชุมนุมวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ยืนยันมาตลอดว่า จะไม่ยุบสภา แต่สุดท้ายก็ยุบสภา แสดงให้เห็นว่า มีความเป็นไปได้ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะลาออกจากตำแหน่ง" พล.ต.จำลอง กล่าว
ส่วนกรณีที่พรรคร่วมฝ่ายค้านมีมติคว่ำบาตรการเลือกตั้ง พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ไม่ขอแสดงความคิดเห็น เพราะไม่ได้ติดตามรายละเอียด เนื่องจากที่ผ่านมาตั้งหน้าตั้งตาเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ลาออกเพียงอย่างเดียว
"วันที่ 5 มีนาคม จะรวมตัวกัน 4 โมงเย็นเช่นเดิม เบื้องต้นจะมีการเคลื่อนขบวนแน่นอน ส่วนจะไปทางไหน จะไปขอพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วยหรือไม่จะหารือกันอีกครั้ง ผมไม่อยากให้วิตกว่า การเคลื่อนขบวนจะเกิดความสูญเสีย เพราะการชุมนุมเมื่อวันที่ 26-27 กุมภาพันธ์ก็เรียบร้อยสวยงามดี" แกนนำเครือข่ายพันธมิตรประชาชนฯ กล่าว
พล.ต.จำลอง ย้ำด้วยว่า หากภายใน 5 วัน พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ลาออก การชุมนุมวันนั้นจะยืดเยื้อกว่าที่ผ่านมาแน่นอน เพราะขณะนี้พูดกันทั้งบ้านทั้งเมือง ไม่เฉพาะเครือข่ายพันธมิตรฯ เท่านั้น แม้แต่สถาบันการศึกษา นักวิชาการ นักเรียน นักศึกษา ก็เห็นตรงกันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ขาดความชอบธรรม ซึ่งจะพิสูจน์ให้เห็นให้เห็นได้ แนวทางที่ถูกต้องก็คือ จะต้องมีปริมาณจำนวนคนที่มากพอเข้าร่วม
กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมายนั้น พล.ต.จำลอง ชี้แจงว่า การชุมนุมตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ถือเป็นกฎหมู่แล้ว แต่สิ่งที่พันธมิตรทำมาถือว่าไม่ได้อยู่เหนือกฎหมาย แต่เป็นกฎหมู่ที่ทำตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ
"ผมจึงอยากเชิญชวนประชาชนทั่วไปให้มาร่วมชุมนุมวันที่ 5 มีนาคม เพื่อให้มีคนเข้าร่วมมากขึ้นกว่าเดิม" พล.ต.จำลอง กล่าว
จ้องเช็คบิลกองทัพธรรมยุ่งการเมือง
นายปรีชา กันธิยะ อธิบดีกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวถึงกรณีพุทธสถานสันติอโศก หรือมูลนิธิกองทัพธรรม นำโดย พล.ต.จำลอง ออกมาชุมนุมที่ท้องสนามหลวงว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ประเทศอินโดนีเซีย ได้เชิญผู้นำศาสนาทุกศาสนาในแถบเอเชียเข้าร่วมประชุม เพราะเห็นว่า ขณะนี้ได้เกิดความวุ่นวายขึ้นทั่วโลกเนื่องมาจากมีกลุ่มบุคคล โดยเฉพาะนักการเมืองนำเอาศาสนาเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมือง จึงมีมติร่วมกันว่า เพื่อแก้ปัญหานี้ ต้องนำเอามิติศาสนาออกจากการเมือง ไม่ให้คนใดคนหนึ่งนำเอาศาสนาซึ่งเป็นความบริสุทธิ์ ความศรัทธา ความเชื่อมาอ้างอิง มาใช้ประโยชน์ส่วนตน
นายปรีชา กล่าวอีกว่า รัฐธรรมนูญเปิดโอกาสให้คนไทยนับถือศาสนา หรือลัทธิใดก็ได้ แต่ศาสนาที่ราชการรับรองมีอยู่ 5 ศาสนา คือ ศาสนาพุทธ อิสลาม คริสต์ พราหมณ์-ฮินดู และศาสนาซิกข์ เท่านั้น ส่วนศาสนาอื่นที่ไม่มีการรับรอง จะนำมาอ้างอิง หรือนำมาก่อความวุ่นวายขึ้นในประเทศไทย ตนเห็นว่าไม่น่าจะเหมาะสม อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้ปิดกั้นพี่น้องที่จะออกมาเคลื่อนไหว หรือร่วมชุมนุม แต่ขอให้ออกมาในฐานะที่เป็นคนไทย อย่านำเอามิติของศาสนาเข้าไปเกี่ยวข้อง ทำให้บ้านเมืองไม่สงบสุข
ทราบว่าจะมีการหารือเรื่องนี้ในที่ประชุมคณะกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) เร็วๆ นี้ ถึงเรื่องการแต่งกายคล้ายพระ ที่ทั่วโลกเห็นภาพในจอโทรทัศน์แล้วเข้าใจว่าเป็นนักบวชในพระพุทธศาสนา ซึ่งทำให้เข้าใจว่าประเทศไทยสนับสนุนให้พระออกมาเล่นการเมืองได้ ทำให้พระพุทธศาสนาเสียหายมาก ดังนั้นการที่จะทำอะไรก็ควรระมัดระวัง โดยเฉพาะเรื่องของศาสนาซึ่งละเอียดอ่อน แม้ว่า มส.จะดำเนินการอะไรไม่ได้มากนัก แต่ผมคิดว่า มส.คงจะมีการแถลงการณ์อะไรออกมา เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความสับสนว่าสิ่งที่บุคคลบางกลุ่มกำลังทำอยู่ขณะนี้ไม่ใช่ธรรมมะของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง การนำเอาหลักธรรมมาอ้างอิงก็ไม่ชอบด้วยหลักธรรมของพระพุทธเจ้า แต่ภาพที่ออกมาเป็นเพียงลัทธิหนึ่งเท่านั้น นายปรีชา กล่าว
กรณีที่พุทธสถานสันติอโศกออกมาเคลื่อนไหวนั้น จ้องเช็คบิลกองทัพธรรมยุ่งการเมือง
นายปรีชา กันธิยะ อธิบดีกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวถึงกรณีพุทธสถานสันติอโศก หรือมูลนิธิกองทัพธรรม นำโดย พล.ต.จำลอง ออกมาชุมนุมเรียกร้องทางการเมืองที่ท้องสนามหลวงว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ประเทศอินโดนีเซีย ได้เชิญผู้นำศาสนาทุกศาสนาในประเทศแถบเอเชียเข้าร่วมประชุมในเรื่องศาสนาว่าจะดำเนินการกิจกรรมและประสานสัมพันธ์กันอย่างไร และมีมติในที่ประชุมออกมาว่าขณะนี้เกิดความวุ่นวายขึ้นทั่วโลกเนื่องมาจากมีกลุ่มบุคคล โดยเฉพาะนักการเมืองต่างๆ นำเอาศาสนาเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมือง จึงมีมติออกมาว่าเพื่อแก้ปัญหาไม่ให้ความวุ่นวายขึ้นในโลกจึงต้องเอามิติศาสนาออกจากการเมือง ไม่ให้ใครคนใดคนหนึ่งนำเอาศาสนาซึ่งเป็นความบริสุทธิ์ ความศรัทธา ความเชื่อมาอ้างอิง และมาใช้ประโยชน์ส่วนตน
กรณีที่พุทธสถานสันติอโศกออกมาเคลื่อนไหวนั้น นายปรีชา กล่าวว่า รัฐธรรมนูญเปิดโอกาสให้คนไทยนับถือศาสนา หรือลัทธิใดก็ได้ แต่มีอยู่ 5 ศาสนาที่ราชการรับรอง คือ พุทธ อิสลาม คริสต์ พราหมณ์-ฮินดู และซิกข์ เท่านั้น ส่วนศาสนาอื่นไม่รับรอง จะนำมาอ้างอิง หรือก่อความวุ่นวายขึ้นในประเทศไทย ตนเห็นว่าไม่น่าจะเหมาะสม อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้ปิดกั้นที่จะออกมาเคลื่อนไหว หรือชุมนุม แต่ขอให้ออกมาในฐานะคนไทย อย่านำเอามิติศาสนาไปเกี่ยวข้อง ทำให้บ้านเมืองไม่สงบสุข
ทราบว่าจะหารือเรื่องนี้ในที่ประชุมคณะกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) เร็วๆ นี้ ถึงการแต่งกายคล้ายพระ ซึ่งทั่วโลกเห็นภาพโทรทัศน์แล้วเข้าใจว่า เป็นนักบวชในพระพุทธศาสนา ทำให้เข้าใจว่าประเทศไทยสนับสนุนให้พระเล่นการเมืองได้ ทำให้พระพุทธศาสนาเสียหายมาก ดังนั้นการจะทำอะไรก็ควรระมัดระวัง โดยเฉพาะเรื่องศาสนาซึ่งละเอียดอ่อน แม้ว่า มส.จะทำอะไรไม่ได้มากนัก แต่ผมคิดว่า มส.คงจะมีแถลงการณ์อะไรออกมา เพื่อไม่ให้ประชาชนสับสนว่า สิ่งที่บุคคลบางกลุ่มทำอยู่ขณะนี้ไม่ใช่ธรรมมะของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง ภาพที่ออกมาเป็นเพียงลัทธิหนึ่งเท่านั้น นายปรีชา กล่าว
ม็อบเสื้อแดงป่วนเผาหุ่นหน้า มช.
แม้การชุมนุนที่ท้องสนามหลวงจะผ่านไปด้วยความเรียบร้อย แต่ในพื้นที่จ.เชียงใหม่ บ้านเกิดนายกรัฐมนตรี ก็เกิดเหตุที่อาจจะนำไปสู่ปัญหาความรุนแรงได้ เมื่อมีกลุ่มผู้สนับสนุนนายกรัฐมนตรีประมาณ 100 คน เดินทางโดยรถสี่ล้อแดงและรถกระบะ 4 คัน มารวมตัวกันที่ประตูด้านหน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ถนนห้วยแก้ว เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 28 กุมภาพันธ์ โดยส่วนใหญ่สวมเสื้อสีแดงซึ่งมีสัญลักษณ์ว่า เป็นกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคไทยรักไทย ทุกคนถือกระดาษเขียนข้อความคัดค้านกลุ่มนักวิชาการมช.ที่เคลื่อนไหวขับไล่นายกรัฐมนตรี
จากนั้นในเวลา 09.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้ใช้น้ำมันเบนซินราดและจุดไฟเผาหุ่นนักวิชาการในโลงศพไม้ ท่ามกลางเสียงโห่ร้องด้วยความสะใจ โดยมีกลุ่มผู้สวมเสื้อแดงส่วนหนึ่งชูป้ายผ้าข้อความว่า "แด่เครือข่ายนักวิชาการเพื่อประชาธิปไตย" หลังเผาหุ่นจนมอดในเวลาไม่ถึง 5 นาที กลุ่มผู้ชุมนุมก็ได้วิ่งขึ้นรถสลายตัวไปโดยไม่ยอมพูดคุยกับผู้สื่อข่าว
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายธนวัฒน์ ยอดใจ แกนนำเครือข่ายความจงรักและพิทักษ์แผ่นดิน ซึ่งเป็นกลุ่มออกมาสนับสนุนนายกรัฐมนตรีตลอดช่วงสัปดาห์ก่อน กล่าวยอมรับว่า กลุ่มที่บุกไปเผาหุ่นครั้งนี้อยู่ในเครือข่ายที่สนับสนุนนายกฯ แต่ระบุไม่ได้ว่าเป็นกลุ่มไหน เพราะมีหลายภาคส่วน หลายองค์กร แต่มั่นใจว่า หากกลุ่มผู้ชุมนุมที่สนามหลวงยังไม่เลิกขับไล่นายกฯ กลุ่มผู้สนับสนุนในภาคเหนือและ จ.เชียงใหม่ ก็จะไม่ยอมสลายตัวเช่นกัน
อย่างไรก็ดี ช่วงเช้าวันเดียวกัน รศ.ดร.ธเนศวร์ เจริญเมือง หัวหน้าสาขาวิชาการเมืองและการปกครอง คณะสังคมศาสตร์ มช. กล่าวว่า จะรณรงค์และทำกิจกรรมขับไล่นายกฯ ที่คณะสังคมศาสตร์ มช.ต่อ โดยไม่เกรงกลัวการข่มขู่ใดๆ และจะขอต่อสู้ทำหน้าที่นักวิชาการในการให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่สังคมด้วยจุดยืนเดิมต่อไป
ดร.ปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี อาจารย์ประจำคณะสังคมศาสตร์ มช.กล่าวว่า ทั้งหมดน่าจะเป็นแค่การขู่เท่านั้น และน่าจะเป็นกลุ่มที่รับเงินมาทำมากกว่า สังเกตจากไม่มีการปราศรัย หรือประกาศข้อเรียกร้อง แถมทำแบบรีบร้อน ถือเป็นกลุ่มที่ขี้ขลาด ไม่กล้าจริง และขอยืนยันว่า กลุ่มเครือข่ายใน จ.เชียงใหม่ จะไม่หยุดการเคลื่อนไหวแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังเกิดเหตุ อธิการบดี มช.ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) เข้มงวดการผ่านเข้า-ออก มช.อย่างเข้มงวดมากขึ้น
พันธมิตรฯ อีสานพร้อมเช็คบิล 5 มี.ค.
ส่วนความเคลื่อนไหวของภาคประชาชนฯ ในภาคอีสาน นายไพโรจน์ มูลธิยะ ประธานชุมนุมสหพันธ์สหกรณ์ภาคอีสาน กล่าวว่า ชุมนุมสหพันธ์สหกรณ์ฯ ได้ส่งตัวแทนเข้าร่วมการชุมนุมทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดทุกครั้ง เพราะถือว่า มีเจตนารมณ์เดียวกัน คือ ต้องการให้นายกรัฐมนตรีลาออกสถานเดียว เช่นเดียวกับการนัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 5 มีนาคมนี้ สหพันธ์สหกรณ์จะเรียกแกนนำทั้ง 19 จังหวัดภาคอีสาน เข้าหารือกันอีกครั้ง ที่โรงเรียนชุมนุมสหพันธ์สหกรณ์ อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น วันที่ 4 มีนาคมนี้ เพื่อร่วมกำหนดทิศทางการเคลื่อนไหว
"หลังการหารือวันที่ 4 มีนาคมเสร็จสิ้น เราพร้อมจะเคลื่อนพล ซึ่งผมเชื่อว่าจะมีไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นคน ที่จะไปสมทบกับพันธมิตรประชาชนฯ ที่ท้องสนามหลวง" นายไพโรจน์ กล่าว
ด้านนางสุนทรี หัตถี เซ่งกิ่ง แกนนำเครือข่ายประชาชนขอนแก่นเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า เครือข่ายประชาชนขอนแก่นฯ ซึ่งมี 15 องค์กรเป็นแนวร่วม ได้จัดเวทีเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ลาออก มาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการชุมนุมใหญ่วันที่ 5 มีนาคม เครือข่ายประชาชนขอนแก่นฯ จึงตัดสินใจที่จะเดินทางเข้าไปร่วมชุมนุมที่กรุงเทพฯด้วยแน่นอน
"ก่อนถึงวันที่ 5 มีนาคม เครือข่ายจะจัดกิจกรรมขึ้นอีกครั้ง เพื่อเชิญชวนชาว จ.ขอนแก่น เข้าร่วมด้วย " นางสุนทรี กล่าว
นายวิทยา คำภูแสน เลขาธิการสหพันธ์นิสิตนักศึกษาภาคอีสาน (สนนอ.) กล่าวว่า สนนอ.ซึ่งมีเครือข่ายนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏ(มรภ.)สกลนคร มหาวิทยาลัยขอนแก่น(มข.) มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และมรภ.มหาสารคาม ยืนยันว่า สนนอ.พร้อมจะไปร่วมกับพันธมิตรประชาชนฯ โดยจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ วันที่ 3 มีนาคมนี้ เพื่อสมทบกับสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) ก่อนจะเข้าร่วมชุมนุมในวันที่ 5 มีนาคม
ด้านนายธีระพล อันมัย หนึ่งในแกนนำเครือข่ายวิชาการเพื่อประชาธิปไตย และกลุ่มพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตยไทอีสานใต้ กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มจะหยุดเคลื่อนไหวชั่วคราว เพื่อเตรียมชุมนุมต่อในวันที่ 5 มีนาคมนี้ ที่ลานโสเหล่ เทศบาลนครอุบลราชธานี เพื่อขานรับการชุมนุมที่ท้องสนามหลวง แม้ว่าจะไม่มีการถ่ายทอดสดทางเอเอสทีวี แต่จะประสานกับการชุมนุมที่กรุงเทพฯ ด้วยวิธีการอื่น เช่น โทรศัพท์มือถือ หรืออินเทอร์เน็ต เป็นต้น รวมทั้งจะส่งตัวแทนไปร่วมชุมนุมด้วย
พันธมิตร "ยิกทักษิณ" เหมาโบกี้รถไฟ-รถบัส
ส่วนความเคลื่อนไหวในพื้นที่ภาคใต้ นายเอกชัย อิสระทะ แกนนำพันธมิตรพลังคนใต้กู้ชาติ กู้ประชาธิปไตย กล่าวว่า หลังเครือข่ายพันธมิตรประชาชนฯ มีมตินัดชุมนุมใหญ่วันที่ 5 มีนาคม โดยไม่มีการถ่ายทอดสดผ่านเคเบิลทีวี ทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งเรียกร้องอยากเข้าร่วมชุมนุมที่กรุงเทพฯ เพื่อให้ปัญหายุติโดยเร็ว เบื้องต้นกลุ่มพันธมิตรฯ ตกลงเป็นตัวกลางประสานเรื่องการเดินทางให้ โดยจะจัดทีมออกเป็น 2 ส่วน
"ส่วนแรกนำจะนำทัพประชาชนชาวใต้ ไม่ว่าจะเป็น สงขลา หาดใหญ่ สตูล ภูเก็ต และสุราษฎร์ธานี เข้ากรุงเทพฯ โดยอาจเช่าเหมาโบกี้รถไฟ หรือ รถบัส อีกส่วนที่จะนำรถยนต์ส่วนตัวไปเอง ก็จะนัดแนะให้ไปพร้อมๆ กัน หรือนัดเจอกันในที่ชุมนุมใหญ่ เพื่อรวมกันเป็นกลุ่มก้อน แสดงให้เห็นพลังของคนใต้ที่ชัดเจน ผมเชื่อว่าคนเข้าร่วมนับหมื่นคน" นายเอกชัย กล่าว
ในส่วนที่ 2 นายเอกชัย เผยว่า จะปักหลักเปิดเวทีปราศรัยที่ลานสถานีรถไฟหาดใหญ่ เพื่อติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด แม้จะไม่มีการถ่ายทอด เพราะประชาชนอีกส่วนหนึ่งไม่สามารถลางาน หรือไปร่วมชุนนุมใหญ่ได้ แต่ยังคงต้องการทราบความเคลื่อนไหว เชื่อว่าจะมีคนมาร่วมไม่ต่ำกว่า 5,000 คน
"ทุกวันที่มีข้อมูลเปิดเผยออกมาล้วนแต่สะท้อนให้เห็นว่า ความไม่ชอบธรรมทุกเรื่องเกิดจากตัวนายกฯ ทั้งสิ้น ตัดสินจากภาคประชาชนในวันที่ 5 มีนาคม เชื่อว่ามีความชอบธรรมที่สุดสำหรับทุกฝ่าย" นายเอกชัย กล่าว
นายธีรยุทธ์ เกณบุตร ว่าที่อุปนายกองค์การนิสิตมหาวิทยาลัยทักษิณ จ.สงขลา กล่าวว่า ขณะนี้ตัวแทนชาวสงขลาตั้งโต๊ะเปิดลงทะเบียนรายชื่อและลงขันสมทบทุนเช่าเหมารถบัสเข้าร่วมขับไล่นายกฯ วันที่ 5 มีนาคม ที่กรุงเทพฯ ที่บริเวณอาคารองค์กรนิสิตมหาวิทยาลัยทักษิณ ตั้งแต่เวลา 17.00-19.00 น.ทุกวัน ล่าสุดมีผู้สนใจมาลงทะเบียนอย่างต่อเนื่อง คาดว่าเฉพาะคนใน อ.เมือง จะเดินทางไปนับพันคน เนื่องจากช่วงนี้นักศึกษาส่วนใหญ่สอบเสร็จพอดี เชื่อว่าพลังคนใต้จะเป็นกำลังหลักที่สำคัญในการชุมนุมครั้งนี้
ด้านนายอิสมาแอน หวังและ อุปนายกภายนอก องค์การบริหารองค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) วิทยาเขตปัตตานี กล่าวว่า แกนนำนักศึกษา มอ.ปัตตานี ยืนยันจะเข้าร่วมชุมนุมใหญ่วันที่ 5 มีนาคมนี้แน่นอน และจะไปสนับสนุนพันธมิตรประชาชนฯ ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ส่วนความเคลื่อนไหวใน จ.สุราษฎร์ธานี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มองค์กรพัฒนาเอกชน (เอ็นจีโอ) นักวิชาการจากหลายสถาบันการศึกษาของจังหวัด นำโดย นายทวีศักดิ์ สุรัตน์ นายวราวุธ วุฒิ นายปวีณ จุลภักดี ได้ตกลงจะเปิดเวทีปราศรัยขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ต่อเนื่องเป็นวันที่สาม ที่ศาลาอเนกประสงค์ป้อมนริศ ริมเขื่อนแม่น้ำตาปี เขตเทศบาลเมืองสุราษฎร์ธานี โดยจะเปิดปราศรัยตั้งแต่เวลา 18.30 น.เป็นต้นไป ซึ่งตลอดทั้งวันได้มีการแจกจ่ายใบปลิวเชิญชวนให้ประชาชนเข้าร่วมด้วย
กลุ่ม นร.ปชต.นัดถก 2 มี.ค.
นายภัทรนันท์ ลิ้มอุดมพร นักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา โฆษกกลุ่มนักเรียนเพื่อประชาธิปไตยเปิด เผยว่า กลุ่มนักเรียนนัดประชุมเครือข่ายทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดในวันที่ 2 มีนาคมนี้ เพื่อกำหนดท่าทีการเคลื่อนไหว และหารือว่าจะเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนในวันที่ 5 มีนาคม หรือไม่ แต่ยังไม่ได้กำหนดสถานที่ ซึ่งจะเป็นการประชุมลับ หากมีการแถลงข่าวจะแจ้งให้สื่อมวลชนทราบ
"ขณะนี้มีเครือข่ายนักเรียนในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดแจ้งความจำนงเข้าร่วมประชุมแล้วจำนวนหนึ่ง ขณะนี้กลุ่มเครือข่ายนักเรียนโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ถูกผู้บริหารโรงเรียนกดดันอย่างหนัก จนต้องถอนตัวออกไป แต่ก็มีกลุ่มนักเรียนในต่างจังหวัดเข้าร่วมเป็นเครือข่ายเพิ่มขึ้น จนถึงขณะนี้มีทั้งสิ้นประมาณ 150 คน" นายภัทรนันท์ กล่าว
ทั้งนี้มีรายงานข่าวด้วยว่า สถานที่นัดประชุมอาจจะเป็นศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สาขาสยามสแควร์ ประเด็นสำคัญจะหารือถึงการระดมกำลังเข้าสนับสนุนการชุมนุมในวันที่ 5 มีนาคม แกนนำหลายคนระบุว่าเป็นหน้าที่ของเยาวชนไทยทุกคนที่ต้องลุกขึ้นมาแสดงพลัง ซึ่งเป็นสิทธิเสรีภาพ ตามรัฐธรรมนูญ การชุมนุมที่ผ่านมาทุกครั้งได้มีการส่งตัวแทนเข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย
คนไทยในแอลเอชุมนุมไล่ทักษิณ
หนังสือพิมพ์ "ไทยทาวน์ ยูเอสเอ นิวส์" ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของคนไทยในนครลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา รายงานว่า กลุ่มคนไทยในลอสแองเจลิส รวมตัวกันบริเวณหน้าสถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแองเจลิส บนถนนลาร์ชมอนท์ เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ โดยมีผู้เข้าร่วมประมาณ 100 คน ใช้ชื่อกลุ่มว่า พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไทยในสหรัฐอเมริกา ทุกคนใส่เสื้อยืดสีขาวพิมพ์ข้อความว่า พันธมิตรกู้ชาติ พร้อมถือป้ายข้อความ เช่น "คนไทยในแอลเอร่วมกู้ชาติ", "ไล่ทักษิณออกไป", "โกงชาติ โกงภาษีย่อมหนีไม่พ้น", "เราไม่ต้องการเผด็จการในรัฐสภา"
สำหรับบรรยากาศการชุมนุมเป็นไปด้วยความสงบ ไม่มีการใช้เครื่องขยายเสียง มีเพียงการจับกลุ่มร้องเพลง เทียนแห่งธรรม สลับกับการตะโกน ทักษิณ ออกไป การชุมนุมครั้งนี้มีการประสานกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนที่สนามหลวง และประกาศไม่ยอมรับการเลือกตั้งในวันที่ 2 เมษายน พร้อมจะนัดประชุมใหญ่ที่โรงแรมลินคอล์นพลาซ่า เพื่อวางแผนกู้ชาติระยะยาวของคนไทยนอกราชอาณาจักร
งิ้ว มธ.เปิดโรงอีกรอบ 5 มี.ค.
หลังประสบความสำเร็จบนเวทีเอาประเทศไทยคืนมา ในการชุมนุมของพันธมิตรเครือข่ายประชาชน เมื่อค่ำวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ผู้เขียนบท คณะงิ้วธรรมศาสตร์ (มธ.) ยืนยันจะจัดแสดงอีกรอบในวันที่ 5 มีนาคม ตามเสียงเรียกร้อง เพื่อให้ประชาชนมีความเข้าใจเรื่องการเมืองวันนี้ดีขึ้น
"เพิ่งรู้กะทันหันเมื่อเช้านี้เอง ในฐานะคนเขียนบทยังไม่ได้คิดพล็อต แต่การแสดงจะเพิ่มเวลาให้นานกว่าครึ่งชั่วโมงคงไม่ได้ และช่วงเวลาที่ดีก็ควรแสดงไม่ดึกมากนัก" ผู้เขียนบทหนุ่ม กล่าว
ผู้เขียนบทงิ้วล้อการเมือง กล่าวอีกว่า การแสดงงิ้วถือว่าเป็นรูปแบบวัฒนธรรมหนึ่ง ถ้านำมาใช้ให้ถูกที่ถูกทาง จะบรรลุผลดีและเร็วมาก เพราะง่ายที่จะทำให้ประชาชนได้รับรู้ข่าวสารข้อมูล ส่วนบทตลกนั้นมีไว้เพื่อสอดแทรกให้ชวนน่าติดตามเท่านั้น
"งิ้วนั้นดูแล้วเข้าถึงได้ง่าย ไม่ซีเรียส เป็นตลกร้าย คนฟังจะไม่รู้สึกว่าเครียดเลย แม้ว่าการใช้คำพูดด่าตัวละครจะตลกมากกว่า ทั้งๆ ที่คำพูดคำเดียวกันแต่ถ้าเป็นคนนำไปปราศรัยหรือไฮด์ปาร์ค ก็อาจจะดูก้าวร้าว แต่ถ้าเป็นงิ้วจะออกเป็นตลกแทนช่วยให้บรรยากาศการชุมนุนไม่ตึงเครียดจนเกินไป" ผู้เขียนบท กล่าว
ส่วนการจำหน่ายวีซีดีงิ้ว ผู้เขียนบท กล่าวว่า เพิ่งทราบข่าว แต่พวกตนก็ยินดีจะให้ลิขสิทธิ์ เพื่อที่จะนำเงินมาใช้จ่ายในการชุมนุมครั้งต่อไป แต่ไม่รู้ว่าจะผลิตขึ้นเท่าใด และขายราคาเท่าไร
เครือข่ายเกษตรกรบุกกรุงหนุนทักษิณ
นายอรรถฤทธิ์ สิงห์ลอ เลขาธิการเครือข่ายสถาบันเกษตรกร (คสก.) เปิดเผยว่า ตนและเกษตรกรสมาชิกเครือข่ายเตรียมเดินเท้าเปล่าเข้ากรุงเทพฯ สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป หวังให้ช่วยแก้ปัญหาเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการที่ร้องขอไปนั้นเป็นความเดือดร้อนของเกษตรกรจริงๆ หากเปลี่ยนรัฐบาลแล้วเกรงว่า โครงการดังกล่าวจะไม่มีการสานต่อ
การระดมพลโดยการเดินเท้าเปล่าเข้าสู่กรุงเทพมหานคร เพื่อสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้เป็นนายกฯ ต่อไป ในครั้งนี้ ภาคอีสานจะแบ่งเป็น 3 สาย โดย สายแรกได้แก่ เกษตรกรจาก จ.อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ อำนาจเจริญ บุรีรัมย์ และนครราชสีมา สายที่ 2 จาก จ.อุดรธานี หนองคาย เลย และขอนแก่น ส่วนสายที่ 3 จาก จ.นครพนม สกลนคร กาฬสินธุ์ ยโสธร และมหาสารคาม โดยภาคอีสานทั้งหมดจะนัดพบกับเกษตรกรทางสายเหนือที่ทุ่งรังสิต ก่อนรวมเป็นขบวนเดียวกันเดินเข้าสู่กรุงเทพฯ ต่อไป
การเดินเท้าเปล่าไปให้กำลังใจนายกฯ ครั้งนี้ ไม่รู้ว่าจะถึงกรุงเทพฯ เมื่อไร ตอนนี้กำลังระดมพลกันอยู่ เฉพาะที่อุบลฯ ก็กว่า 3-4 พันคนแล้ว คิดว่าถ้ารวมกันทั่วประเทศก็น่าจะเป็นหลักแสนขึ้นไป เราต้องการให้การแก้ปัญหาเกษตรกรเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ไม่อยากให้มีการเปลี่ยนผู้นำ นายอรรถฤทธิ์ กล่าว
นายอรรถฤทธิ์ กล่าวว่า โครงการที่ได้เสนอต่อรัฐไปก่อนหน้านี้นั้น ได้แก่ โครงการผลิตน้ำมันสบู่ดำที่ให้เกษตรกรปลูกเฉพาะหัวไร่ ปลายนา ครอบครัวละ 400 ต้นต่อ 1 ไร่ โครงการดังกล่าวไม่น่าจะได้ผล เนื่องจากสบู่ดำต้องการน้ำมาก บริเวณพื้นที่ปลูกต้องมีแหล่งน้ำ มีน้ำหล่อเลี้ยงตลอด สบู่ดำจึงจะให้ผลผลิตออกมาได้ดี จึงเสนอรัฐบาลให้สนับสนุนในเรื่องของแหล่งน้ำแทนการให้เครื่องอัดน้ำมันแก่เกษตรกร ตำบลละ 1 เครื่อง เพราะหากปลูกสบู่ดำแล้วไม่ได้ผลผลิตออกมาเครื่องอัดน้ำมันก็ไม่มีประโยชน์
นอกจากนี้ ตนและสมาชิกเครือข่ายยังเรียกร้องให้รัฐบาลสนับสนุนการวิจัยและพิสูจน์ประโยชน์พืชดัดแปลงพันธุกรรม หรือพืชจีเอ็มโอ ทั้งมะละกอและข้าวโพด ล่าสุดกรมวิชาการเกษตรมีข้อสรุปเด่นชัดในเรื่องดังกล่าวแล้ว แต่มีการยุบสภาเสียก่อน เรื่องก็ต้องชะงักไป ขณะที่โครงการโคล้านครอบครัว และการขอปรับราคาผลผลิตทางการเกษตร คสก.ยังไม่ได้รับคำตอบเป็นที่น่าพอใจ ในส่วนของโครงการขุดบ่อเอื้ออาทร 3 แสนบ่อ มีการขุดนำร่องที่ จ.นครราชสีมา แต่จนถึงปัจจุบันขุดไปได้เพียงไม่กี่ร้อยบ่อเท่านั้น คาดว่าภายใน 3 ปี การขุดบ่อ 3 แสนบ่อไม่น่าจะแล้วเสร็จได้ ยิ่งมีการยุบสภาก็ยิ่งจะล่าช้าไปอีก