อภิสิทธิ์ ชี้ ยงยุทธ ลาออกมีเลศนัย

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านฯและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า

เป็นเอกสิทธิ์ของนายยงยุทธ ถ้าเห็นว่าจะลาออกจากตำแหน่งก็สามารถทำได้ และที่ผ่าน มาก็ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่อยู่แล้ว มันก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละฝ่ายที่ต่างกันเป็นธรรมดา คิดว่าความจริงคงอยู่ตรงกลาง ก็คงผสมผสานกัน เพราะจริงๆได้แสดงเจตนาหยุดปฏิบัติหน้าที่อยู่แล้ว แต่ก็แน่นอนมีข้อสังเกตว่าพอจะมีเรื่องรัฐธรรมนูญ จังหวะมันพอเหมาะพอดีกับการที่มาลาออก เพื่อให้มีประธานคนใหม่ซึ่งก็จะเป็นคนของพรรคพลังประชาชน เป็นประธานในการประชุมในที่ประชุมร่วม

ผู้สื่อข่าวถามว่า หมายความว่าไม่ต้องการให้ประธานวุฒิสภาเป็นผู้คุมเกม แต่อยากคุมเกมการแก้ไขรัฐธรรมนูญเองใช่หรือไม่

นายอภิสิทธิ์ตอบว่า “จริงๆแล้วผมไม่ทราบเจตนาที่แท้จริง แต่อยากจะย้ำว่า แม้จะมีประธานสภาฯคนใหม่ ก็อยากขอย้ำว่าจะต้องทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลางในทางการเมือง ในการดำเนินการ ในการทำหน้าที่ และการพิจารณากฎหมายสูงสุดของประเทศ ถ้ายิ่งไปสร้างเงื่อนไขในลักษณะที่เอาประโยชน์ทางการเมืองของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ก็จะยิ่งทำให้เกิดปัญหามากยิ่งขึ้นในสังคม เพราะฉะนั้นสมมติว่าเป็นความพยายามที่จะควบคุมตรงนี้ ก็อยากจะเตือนเอาไว้ว่าคงจะไม่เป็นผลดี”

ส่วนกรณีที่วิปรัฐบาลยืนยันว่าจะยื่นร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเข้าสู่การพิจารณาของสภาในสัปดาห์หน้านั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คงต้องดูว่าหน้าตาเป็นอย่างไร

ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์คงไม่ส่งร่างประกบ เพราะถ้าเจตนาเป็นเรื่องของการทบทวนเกือบทุกมาตรา พรรคสามารถใช้วิธีแปรญัตติได้อยู่แล้ว แต่ก็ต้องดูอีกทีหนึ่ง เพราะใจเราอยากจะใช้วิธีที่ในอดีตมักจะทำกันคือ สามารถศึกษาร่วมกันก่อน กำหนดประเด็นร่วมกันเสร็จเสนอร่างตามประเด็นที่ตกลงกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการพิจารณาจะมีแรงกดดันจากภายนอกสภา ทั้งกลุ่มสนับสนุนและคัดค้าน คิดว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร

นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ถ้าเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพในขอบเขตก็ไม่มีปัญหา แต่ก็ย้ำอีกครั้งขอให้ทุกฝ่ายหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวใดก็ตามที่จะทำให้เกิดความรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลมีหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อย ต้องช่วยลดเงื่อนไขหรือบรรยากาศเหล่านี้ อย่าไประรานฝ่ายอื่นจนเกิดปัญหา ดูจากการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยสองครั้งที่ผ่านมา มีการใช้ความรุนแรงเกิดขึ้น ก็เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องจริงจังมากกว่านี้ ในการที่จะทำให้ทุกอย่างอยู่ในความเรียบร้อย รัฐบาลต้องเป็นผู้นำในเรื่องการคลี่คลายความขัดแย้ง ไม่ใช่เป็นผู้ไปตอกย้ำความขัดแย้งเสียเอง