เมื่อวันที่ 16 เม.ย. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย กล่าวถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบการบุกรุกป่าว่า
ล่าสุด จากการสั่งผู้ว่าราชการทั่วประเทศให้ตรวจสอบพื้นที่ป่าไม้ที่ถูก กลุ่มนายทุนและชาวบ้านรุกพื้นที่ป่าคร่าวๆ ทราบว่ามีมากเป็นแสนๆไร่ ยืนยันว่าหากยังอยู่ในตำแหน่งจะเอา ที่ดินของรัฐกลับคืนมาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เช่นที่ จ.จันทบุรี ได้รับการร้องเรียนมาว่า มีพ่อตาและลูกเขยทำธุรกิจเกี่ยวกับวงการธนาคารใหญ่ บุกรุกที่ป่าออกเป็นโฉนดถึง 390 ไร่ ทั้งที่เรื่องนี้ก็ผ่านมาหลายปีแล้ว แต่ เจ้าหน้าที่ตลอดจนข้าราชการในพื้นที่ไม่กล้าทำคดี เพราะ อะไรไปคิดเอง เดาเอาเองว่าจะเกี่ยวโยงถึงคนใหญ่คนโต มองเห็นแค่นามสกุลก็กลัวแล้ว แต่ไม่ใช่ถ้าทำผิดอย่ามองหน้าว่าใคร เพราะสังคมไทยทุกคนมีพวกพ้องทั้งนั้น ดังนั้น การจะบังคับใช้กฎหมายต้องเท่าเทียมกันทั้งคนจน คนรวย ไม่ใช่แต่กับคนจน โดยจะลงพื้นที่พร้อมนำสื่อมวลชนไปด้วย เรื่องไหนถูกก็ว่าตามถูก ผิดว่าตามผิด ที่ลงพื้นที่ เพราะต้องไปให้กำลังใจผู้ว่าราชการ ตลอดจนข้าราชการทุกคน ให้ฟิตและฮึกเหิม กล้าทำในสิ่งถูก
เรียกที่ “ศรีสุบรรณฟาร์ม” คืนพันไร่
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวต่อว่า
ส่วนความคืบหน้ากรณีการสั่งตรวจสอบที่ดินของบริษัทศรีสุบรรณฟาร์ม ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ที่ อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี มีที่ดินกว่าหนึ่งพันไร่ที่อาจถูกเพิกถอนสิทธิ หรือที่ดินที่เกาะสมุย เป็นที่ของลูกชาย ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์คนหนึ่งถือครอง ก็น่าแปลกที่ตอนเป็นที่ สค.1 ที่ดินมีจำนวนน้อย แต่พอออกเป็นโฉนดที่ดินแล้ว กลับพบว่ามีจำนวนมากขึ้นเหมือน สค.1 ลอยมาสวมอย่างนี้ เป็นต้น หรืออย่างที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ที่ทางผู้ว่าราชการจังหวัดก็ได้สั่งดำเนินการตาม กฎหมาย โดยดำเนินคดีไปแล้วรวม 7 คดี ทั้งหมดต้องรีบทำ เดี่ยวจะหาว่าตรวจสอบแต่ของพรรคประชาธิปัตย์ แต่ข้อเท็จจริงมันเป็นอย่างนั้น เมื่อถามต่อว่า ได้ไปตรวจสอบกรณีการรุกที่ดินแม่น้ำแควน้อยของรีสอร์ตแห่งหนึ่งหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมตอบว่า เรื่องนี้มีการรายงานสู่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไม่ได้เข้ามาที่กระทรวงมหาดไทย จึงไม่ทราบเรื่องความคืบหน้าแต่อย่างใด