เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 9 เม.ย. ที่โรงแรมเชอราตัน แกรนด์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานมูลนิธิไทยคม เป็นประธานกล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง “คิดเป็น ทำเป็น ปั้นเด็กไทยให้เรียนและรู้โลก”
มีบรรดารัฐมนตรี อดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย ส.ส.พรรคพลังประชาชน ตลอดจนนักธุรกิจ เข้าร่วมฟังการบรรยายกว่า 300 คน ภายในงานมีการแจกหนังสือ “ทักษิณ ชินวัตร ปั้นเด็กไทยให้เรียนและรู้โลกคิดเป็น ทำเป็น” ซึ่งเป็นหนังสือรวมคำกล่าวและคำสัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในมุมมองการพัฒนาการศึกษาและพัฒนาเด็กไทย สำหรับงานดังกล่าวได้รับเงินบริจาคจากผู้ร่วมงานเป็นมูลค่า 20 ล้านบาท ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณได้กล่าวปาฐกถาตอนหนึ่งว่า ขณะนี้เด็กไทยปัจจุบันคิดไม่เป็น แม้จะเก่ง แต่ไม่กล้าแสดงออก ขี้อาย วัฒนธรรมการศึกษาไทยมีปัญหาคือยังไม่หลุดพ้นจากยุคที่ 2 คือ 1. ความเคยชินที่ต่างคนต่างทำ ต่างคนต่างอยู่ 2. การมีสไตล์ใช้อำนาจเช่น พ่อแม่จะดุลูกมากกว่าพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็น หรือครูก็จะออกคำสั่งเด็ก ทำให้เด็กไม่กล้าให้เหตุผล เถียงหรือพูดคุย
พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า สมัยอยู่ต่างประเทศช่วงถูกปฏิวัติ เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงวอชิงตัน ซึ่งปัจจุบันเป็นปลัดกระทรวงการต่างประเทศ นำหนังสือเล่มหนึ่งมาให้อ่าน
มีเนื้อหาให้รู้จักการปล่อยวางเรื่องต่างๆในเวลาเครียด และให้มีอารมณ์ขัน เมื่ออ่านเสร็จตนก็ทำตาม จนลูกๆบอกว่าพ่อไม่เครียด มีอารมณ์ขันแหย่ลูกเล่น จากนั้นได้เดินทางไปทั่วโลก ไม่คิดกลับมาเล่นการเมือง มีวันหนึ่งตอนกลับไปอังกฤษ ปรากฏว่าถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสอบอยู่ 2 ชั่วโมง เพราะเข้าใจผิดคิดว่าจะมาขอลี้ภัยทางการเมือง เพราะก่อนหน้านี้ทนายความของตนได้ทำเรื่องขอลี้ภัยทางการเมืองไว้ แม้ว่าตนจะขอยกเลิกการขอลี้ภัยไปแล้ว แต่ยังมีข้อมูลค้างอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยทนายความบอกว่ารัฐบาลทหารกำลังทำเรื่องขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน จึงให้ทำเรื่องขอลี้ภัย แต่ตนไม่เอา เพราะไม่ได้ทำผิด ไม่ใช่ผู้ร้าย จึงไม่กลัว หรือตอนไปประเทศญี่ปุ่น ก็ถูกกระทรวงการต่างประเทศของไทยส่งเรื่องมาที่สถานทูต ส่งคนมาสอบตนว่าเดินทางมาทำอะไร ที่พูดนี้เพราะอยากบอกว่าประเทศไทยต้องคิดอะไรให้สร้างสรรค์ ที่ผ่านมาเราใช้ความรู้สึกตัดสินปัญหา มัวไปคิดมองหาความเลวของบางคน ไม่ให้กำลังใจกัน หาแต่จุดบกพร่องของคนอื่น
พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า วันนี้ต้องรวมพลังกัน ช่วยกันคิดอย่างสร้างสรรค์
ไม่ต้องไปเดินขบวน มีอะไรควรแก้ก็ไปบอกรัฐบาล มิเช่นนั้นจะตามคนอื่นไม่ทัน ความสามารถคนไทยมีเยอะ แต่ต้องรวมพลังกันมากกว่านี้ ต้องเลิกขัดแย้ง เลิกทะเลาะกัน ปล่อยวาง เราเป็นลูกพระพุทธเจ้า อย่าทิฐิใส่กัน ทั้งนี้ สาเหตุที่สนใจทำเรื่องกีฬา เพราะสอนให้รู้แพ้ ชนะ อภัย ถ้าเคารพกติกาก็จบ แต่นี่เป่านกหวีดปี๊ดไม่ยอมหยุด บอกกูไม่แพ้ ถ้าแพ้ก็โทษกรรมการมั่ว ตนเจอมาเยอะ แต่รายละเอียดบางอย่างพูดไม่ได้ ขณะนี้มีหลายคนมาชวนตั้งมูลนิธิบ้านเลขที่ 111 เพื่อทำประโยชน์ให้ส่วนรวม เชื่อว่าคนที่เข้าการเมืองร้อยละ 50 รักประชาชนและประเทศ อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองก็อยากทำ วันนี้ได้เดินทางไปทั่วโลก เห็นอะไรมากมาย ต้องขอบคุณ คมช. ไม่เช่นนั้นคงไม่ได้เห็นเยอะขนาดนี้ วันนี้ตนว่าง ไม่มีอะไรทำ ถ้าได้เงินคืนมาจะตั้งกองทุนเพื่อลงทุนในเอเชีย เพื่อจูงใจเศรษฐีให้มาลงทุน เพราะอยากให้เอเชียเป็นแหล่งความเชื่อมั่นด้านการลงทุน