แม่ร้องลูก 2 ขวบเป็นไข้โดนฉีดยาดับ

เมื่อวันที่ 8 เม.ย. นางเรวดี นุชอุดม อายุ 20 ปี กับนายกัมพล ศรีสมุทร อายุ 22 ปี สองสามีภรรยาทำงานในโรงงานแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรสงคราม

ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวโดยอ้างว่า ลูกสาววัยแค่ 2 ขวบเศษ ไม่สบายตัวร้อน พาไปหาหมอให้ฉีดยา สุดท้ายลูกตาย โดยระบุในใบมรณบัตรว่า “โรคติดเชื้อไวรัส” โดยไม่อธิบายให้ตนทราบว่าลูกป่วยเป็นอะไร และทำไมถึงเสียชีวิต ทำให้ตนกับสามีแคลงใจเป็นอย่างมาก พอตนจะขอดูเวชระเบียน ทาง รพ.ก็ไม่ให้ดู ถ้าจะดูถือว่าลักทรัพย์กับยักยอกทรัพย์ ยิ่งทำให้ตนงงเข้าไปอีก
 
นางเรวดี เล่าให้ฟังว่า ตนกับสามีอยู่กินกันมานานหลายปี จนมีบุตรสาวคนหนึ่งเป็นโซ่ทองคล้องใจชื่อ ด.ญ.หนึ่งฤทัย ศรีสมุทร วัย 2 ขวบ 5 เดือน

เป็นเด็กร่าเริงขี้เล่น พูดเก่ง กระทั่งเมื่อวันที่ 2 เม.ย. ที่ผ่านมา ลูกสาวตัวร้อนมีไข้ ตนเลยรีบพาไปที่สถานีอนามัยใกล้บ้าน จากนั้นเจ้าหน้าที่จ่ายยาให้กลับมากินที่บ้าน แต่อาการไม่ดีขึ้นตกเย็นวันเดียวกัน ลูกสาวมีอาการตัวสั่นและอาเจียน ตนเลยพาไปที่คลินิกแห่งหนึ่ง โดยมีแพทย์ผู้หญิงเฉพาะทางรักษาโรคเด็กเป็นคนรักษาลูกตน จากนั้นหมอได้ฉีดยา และจ่ายยาให้กลับมากินที่บ้าน โดยบอกว่าถ้าเด็กมีอาการไข้ขึ้น คราวหน้าให้พาเด็กไปที่ รพ. เพราะเข้าเวรอยู่ที่นั่น
 
หัวอกคนเป็นแม่บอกเสียงเศร้าอีกว่า จนวันที่ 3 เม.ย. ช่วงบ่าย ลูกสาวตัวร้อนอีก และมีอาการตัวสั่นก้าวขาไม่ได้ ทั้งที่ปกติจะเดินเก่ง

ตนเลยพาไปที่ รพ.ที่หมอผู้หญิงบอก โดยตอนนั้นหมอผู้หญิงยังไม่มาเข้าเวร มีเพียงหมอคนอื่น และได้ให้น้ำเกลือกับลูกตนจนอาการดีขึ้น โดยเริ่มพูดได้และกินอาหารได้บ้าง กระทั่งตกดึกลูกสาวเริ่มมีอาการเหมือนเดิม มีไข้ขึ้น ตัวสั่นและอาเจียน คราวนี้หมอให้ตนออกไปรอข้างนอก สักพักมีหมอผู้หญิงคนเดิมที่รักษาในคลินิก มาดูแลรักษาลูกตน
 
นางเรวดีอ้างต่อว่า ตนเลยมองลอดแอบดูจากรูเล็ก เห็นว่าหมอกำลังเตรียมเข็มฉีดยาและสายน้ำเกลือ พร้อมกับช่วยกันปั๊มหัวใจให้ลูกตนเป็นระยะ

สักพักเข็นเข้าห้องไอซียู ก่อนจะออกมาบอกตนว่า ลูกตนเสียชีวิตแล้ว ซึ่งตนไม่ติดใจอะไร เพียงแค่อยากให้ทางโรงพยาบาลออกมาแถลงว่าลูกตนป่วยเสียชีวิตด้วยโรคอะไร เพราะตามปกติลูกตนมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวอะไร แค่ตัวร้อนไม่สบายเท่านั้น ทำไมถึงเสียชีวิตได้ หากยังไม่มีความคืบหน้า ตนจะร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป จากนั้นผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อ ผอ.โรงพยาบาลดังกล่าว เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น โดยได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลว่า ผอ.ไม่อยู่ติดธุระที่ต่างจังหวัด ไม่สามารถให้รายละเอียดได้.