เมื่อวันที่ 7 เม.ย. นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกฯ และ รมว.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า
พรรคพลังประชาชนจะประชุม ส.ส.ของพรรคในวันที่ 8 เม.ย. เวลา 13.30 น. เพื่อพิจารณาว่าจะแก้ไขกันอย่างไร เพราะที่ผ่านมายังมีความคิดเห็นที่หลากหลาย เมื่อได้ข้อสรุปตนและแกนนำพรรคจะได้นำไปหารือร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลต่อไป ทั้งนี้ ประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็จะมีการนำไปชี้แจงต่อนักลงทุนสหรัฐฯและอังกฤษระหว่าง ที่จะเดินทางไปโรดโชว์วันที่ 11-16 เม.ย.นี้ด้วย เพื่อแสดงว่า เรามีทิศทางในการพัฒนาประชาธิปไตยที่ชัดเจน และสิ่งที่ห่วงกันว่าจะเป็นวิกฤติของรัฐบาล เราก็พยายามคลี่คลายไม่ให้ลุกลามเป็นวิกฤติได้ จะช่วยทำให้ต่างชาติมีความเชื่อถือ และมั่นใจในสถานการณ์ทางการเมืองของเรามากขึ้น
ต่อข้อถามว่า เรื่องกรอบเวลาที่จะแก้ไขจะต้องเร่งให้เสร็จทันก่อนการวินิจฉัยคดียุบพรรคหรือไม่
นายสุรพงษ์ตอบว่า การแก้ไขทั้งระบบย่อมต้องใช้เวลานานกว่า จะทันหรือไม่ทันกับคดียุบพรรค ไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังประชาชนที่ยังมาไม่ถึง หรือพรรคชาติไทยและมัชฌิมาธิปไตยที่กำลังจะเกิดขึ้น ไม่ได้เป็นเรื่องที่เป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณา
เมื่อถามว่า แสดงว่ามีแนวโน้มที่จะกลับลำมาเป็นการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ นพ.สุรพงษ์ตอบว่า
เป็นไปได้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับมติที่ประชุม ส.ส.ที่เราต้องฟังเสียงส่วนใหญ่ ครั้งแรกที่หยิบยกการแก้ไข ม.237 ขึ้น เพราะตอนนั้นมี กกต.คนหนึ่งออกมาให้ความเห็นว่า กกต.ไม่สามารถมีทางเลือกอื่น เพราะรัฐธรรมนูญมัดคอไว้ ทำให้ต้องตัดสินใจยุบพรรค จึงเป็นเหตุให้หยิบยกว่าจะแก้ไข ม.237 มาเพื่อไม่ให้เกิดปัญหากระทบต่อเสถียรภาพทางการเมือง ถ้า กกต.ไม่สบายใจที่จะต้องตัดสินยุบพรรคทั้งๆที่ควรตัดสินใจเป็นอย่างอื่น
เลขาธิการพรรคพลังประชาชนกล่าวถึงกระแสข่าว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ
เกิดความขัดแย้งกับนายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ จนมีแผนที่จะโค่นล้มนายสมัครว่า กระแสข่าวมีความพยายามที่จะโค่นล้มหัวหน้าพรรคพลังประชาชนไม่เป็นความจริงโดยสิ้นเชิง เพราะในพรรคทุกคนรู้ดีว่า หัวหน้าพรรคได้ทุ่มเททำงานหนักเพื่อพรรคมาตั้งแต่ต้น เท่าที่ได้ทำงานร่วมกับท่านมา ท่านเป็นคนจริงใจเปิดเผย ไม่นิยมการวางหมากหลายชั้นหรือสร้างภาพ และโดยข้อเท็จจริงแล้ว พ.ต.ท. ทักษิณก็ไม่ได้มายุ่งเกี่ยวกับการเมือง หรือการบริหารงานในพรรคแต่อย่างใด