วันที่ 1 เม.ย. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค
แถลงว่า ในวันนี้ ศาลฎีกาแถลงคำพิพากษาคดีที่นายโภคิน พลกุล เป็นโจทก์ยื่นฟ้องตน เป็นจำเลยที่ 1 และสื่อมวลชนอีก 16 ราย เป็นจำเลยที่ 2 ข้อหาละเมิด พร้อมเรียกค่าเสียหาย 2,562 ล้านบาท เนื่องจากในปี 2540 ตนในฐานะฝ่ายค้านขณะนั้น ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นายกฯ ในสมัยนั้น ถึงการประกาศลดค่าเงินบาท ซึ่งปกติจะมีบุคคลที่เข้าประชุมเพียง 3 คน คือ นายกฯ รมว.คลัง และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) แต่พล.อ.ชวลิต ให้นายโภคิน เข้าร่วมประชุมด้วย ถือเป็นการไม่เหมาะสม เนื่องจากนายโภคิน เป็นรมต.ประจำสำนักนายกฯ ไม่มีหน้าที่รับผิดชอบค่าเงินบาท
นายสุเทพ กล่าวว่า พล.อ.ชวลิตปฏิเสธในที่ประชุมสภาว่านายโภคิน ไม่ได้อยู่ร่วมประชุม
ส่งผลให้นายโภคิน ฟ้องคดีกับตน เรียกค่าเสียหาย 4,000 ล้านบาท แต่ภายหลังลดเหลือ 2,500 ล้านบาท และต่อสู้คดีจนถึงวันนี้ เป็นเวลา 11 ปี ในที่สุดศาลฎีกาอ่านคำพิพากษาว่า สิ่งที่ตนอภิปรายเป็นการทำหน้าที่ส.ส.อย่างถูกต้อง มีสิทธิ์ทำได้ ไม่เป็นความผิด เป็นการติชมโดยสุจริต ที่สำคัญพยานที่นายโภคินอ้างต่อศาล ได้แก่ นายทนง พิทยะ อดีตรมว.คลัง นายเริงชัย มะระกานนท์ อดีตผู้ว่าฯธปท. ให้การว่านายโภคิน ร่วมอยู่ในที่ประชุมจริง โดยนายเริงชัย ระบุว่าได้ทักท้วงว่านายโภคิน ไม่ควรอยู่ร่วมประชุมด้วย แต่พล.อ.ชวลิต บอกว่าให้อยู่ร่วมได้ ไม่เป็นไร ฉะนั้น สิ่งที่กล่าวหาว่าตนอภิปรายด้วยข้อความเป็นเท็จนั้น ศาลจึงบอกว่าตนอภิปรายในสิ่งที่เป็นความจริง
"กรณีนี้สื่อและส.ส.ควรรับทราบและเป็นประโยชน์ เพราะการทำหน้าที่อย่างสุจริตและยึดถือประโยชน์ส่วนรวมของสื่อและส.ส. ย่อมได้รับความคุ้มครองทางกฎหมาย กฎหมายยังศักดิ์สิทธิ์ ถ้าใครรู้สึกท้อแท้ในสถานการณ์ของบ้านเมือง ให้มั่นใจได้ว่าศาลยุติธรรมยังเป็นที่พึ่งได้" นายสุเทพ กล่าว