จุรินทร์ออกโรงค้านเจตนาแก้รธน.หวังแค่ให้พ้นผิด

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าววันนี้ (1 เม.ย.)

ถึงกรณีที่คณะอนุกรรมการศึกษาประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญของวิปรัฐบาล วานนี้ (31 มี.ค.) มีมติเสนอแก้ไขปรับปรุง ทั้งหมด 5 ประเด็น ว่า ตนไม่เห็นด้วยการแก้ปัญหาเรื่องที่เป็นความผิดในกติกาที่กำหนดไว้ เพื่อทำให้กลายเป็นเรื่องถูก โดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทำเพื่อช่วยเหลือพรรคการเมืองที่กระทำความผิดไม่ให้ถูกยุบ ต่อไปนี้ใครมีอำนาจก็สามารถกลับมาแก้ไขกฎเกณฑ์กติกา และรัฐธรรมนูญ เพื่อทำผิดให้เป็นถูก ในอนาคตก็ไม่มีโอกาสทำผิดเลย หากเป็นเช่นนี้  

“เป้าหมายใหญ่แก้ไข เพื่อให้พ้นผิดกรณีการซื้อเสียง ส่งผลให้เกิดการยุบพรรค ไม่เช่นนั้นคงไม่เร่งรีบขนาดนี้ นายกรัฐมนตรีพูดชัด หากจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะแก้ประมาณ 3 เดือนก่อนหมดวาระรัฐบาล แต่จู่ ๆ ก็มาเร่งแก้ หลังจากกรณีนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ถูกใบแดง หลายฝ่ายคาดว่า จะส่งผลต่อการยุบพรรคพลังประชาชน มาเร่งรัดตรงนี้ ชี้เจตนาชัดเจน”รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว 

นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า ตนไม่ประสงค์ให้พรรคการเมืองใดถูกยุบ

เพียงต้องการเห็นกติกาที่กำหนดไว้ร่วมกัน มีผลในทางปฏิบัติ ไม่เช่นนั้นกติกาก็ไม่มีความหมาย ทุกคนต่อสู้ให้ได้มาซึ่งอำนาจ ทำอะไรผิดในอนาคตก็มาแก้ไขให้พ้นผิด เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง “เป้าหมายหลัก คือต้องการยกเลิกมาตรา 237  หนีคดียุบพรรค อาจมีมาตรา 309  เพิ่มขึ้นมาอีก 1 มาตรา เพื่อให้มีผลกระทบต่อการดำเนินคดี ส่วนที่เหลือเป็นตัวพ่วงทำให้ดูครอบคลุม ดูดีขึ้นเท่านั้นเอง มาตรา 309 เป้าหมายใหญ่ต้องการให้ครอบคลุมถึงคดีอดีตนายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีปัจจุบันด้วยที่อยู่ในคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เพื่อให้มีผล อาจจะทำให้การดำเนินคดีเหล่านี้ โดยคตส. มีผลอาจขัดกับรัฐธรรมนูญ” นายจุรินทร์ กล่าว และว่า รายละเอียดยังไม่ทราบว่าจะมีการแก้ไขว่าอย่างไร เพียงปรากฏจากข่าว  

รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า เห็นได้ชัดเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อตัวเอง มากกว่าแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อประเทศ หรือประโยชน์ส่วนรวม

ความจริงรัฐธรรมนูญแก้ได้ แต่ต้องทำเพื่อส่วนรวม และควรแก้เพื่อกำหนดกติกาสำหรับอนาคต หลังจากได้ใช้ไประยะหนึ่งแล้ว แก้ไขเพื่อความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น เช่น ที่กรณีที่มาของวุฒิสมาชิก แทนที่จะมาจากแต่งตั้งครึ่งหนึ่ง เลือกตั้งครึ่งหนึ่ง ควรมาจากเลือกตั้งทั้งหมด เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนเป็นผู้เลือกวุฒิสมาชิกเช่นเดียวกับผู้แทนราษฎร เป็นต้น ไม่ใช่แก้ให้มีผลย้อนหลัง