สุดทน!! ล่าชื่อ 60 ส.ว. ไล่ ทักษิณ ศุกร์นี้
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 28 กุมภาพันธ์ 2549 19:29 น.
กลุ่ม ส.ว. อิสระเตรียมล่าชื่อ 60 ส.ว. เรียกร้อง ทักษิณ ลาออกศุกร์นี้ เชื่อมาตรา 7 ผ่าทางตันได้ ดันเร่งปฎิรูปโดยด่วนเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ จวกอย่าประกาศภาวะฉุกเฉิน-ชิงทำปฎิวัติตัวเองยิ่งทำบ้านเมืองพัง แนะให้เคลียร์ตัวเองก่อนกลับลงเลือกตั้งอย่างสง่างาม
วันนี้(28 ก.พ.)เมื่อเวลา14.30น.ที่รัฐสภา ได้มีการประชุม ส.ว.อิสระ ประมาณ 30 คน โดยมี พ.อ.สมคิด ศรีสังคม ส.ว.อุดรธานี ทำหน้าที่ประธาน โดยได้วิเคราะห์สถานการณ์การเมืองในขณะนี้ ซึ่งใช้เวลาประชุมนาน 2 ชั่วโมง จากนั้นนายสัก กองแสงเรือง ส.ว.กทม.ได้แถลงว่าคณะ ส.ว.ได้ติดตามสถานการณ์บ้านเมืองมาตลอดโดยเฉพาะเหตุการณ์การชุมนมของประชาชนและการเรียกร้องให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ลาออกจากนายกรัฐมนตรี ถึงวันนี้กระแสเรียกร้องแผ่ขยายกว้างออกไปอย่างมาก ขณะที่พรรคการเมืองซีกรัฐบาลและฝ่ายค้านเห็นไม่ตรงกันและในที่สุดมีแนวโน้มว่าจะมีมติเลื่อนวันเลือกตั้งออกไปหรือไม่ซึ่งสถานการณ์อย่างนี้ทำให้เกิดความสับสนส่องผลกระทบต่อประเทศชาติและอาจขยายผลไปสู่ความรุ่นแรงได้โดยเฉพาะการนัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 5 มี.ค.นี้ซึ่ง ส.ว.มีความวิตกกันมาก
จากการพูดคุยกันถึงสถานการณ์บ้านเมืองในวันนี้ มี ส.ว.จำนวน 50 ถึง 60 คน ที่จะร่วมกันลงชื่อทำหนังสือขอร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ลาออกจากนายกรัฐมนตรีโดยจะยื่นหนังสือภายในวันศุกร์ที่ 3 มี.ค.นี้และเชื่อว่าวิธีการนี้ จะทำให้ปัญหาสงบโดยเร็ว นายสัก กล่าว
ส.ว.กทม.กล่าวอีกว่า นอกจากนี้พวกเราได้แสดงความเป็นห่วงการเคลื่อนย้ายกำลังพลของทหารหรือการนำพระราชกำหนดฉุกเฉินฯมาใช้และถ้าบ้านเมืองถึงทางตัน พวกเราเชื่อว่าการลาออกของนายกนจะเป็นหนทางที่คลี่คลายปัญหาได้ และยืนยันว่ากลุ่ม ส.ว.อิสระดำเนินการตามวิถีทางตามรัฐธรรมนูญที่มีข่าวระบุว่า ส.ว.จะยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานนายกรัฐมนตรีนั้น ไม่เป็นความจริง แต่สิ่งที่เรากำลังศึกษาอยู่ คือ รัฐธรรมนูญ มาตรา 7 ระบุว่าในเมื่อไม่มีบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญนี้บังคับแก่กรณีใด ให้วินิจฉัยกรณีนี้ไปตามประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขเป็นฐานรองรับ ซึ่งเชื่อว่าจะผ่านทางตันวิกฤติของบ้านเมืองได้
ด้านนายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว.กทม. กล่าวว่า สิ่งที่ ส.ว.เป็นห่วงเพราะประชาชนออกมาแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันที่ท้องสนามหลวงและอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เราเกรงว่าจะมีการรวมตัวมากขึ้น จึงเสนอและขอร้องไปยังนายกรัฐมนตรีว่าหากสถานการณ์เป็นไปอย่างใดอย่างหนึ่ง อย่านำพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ที่บังคับใช้ใน 3 จังหวัด มาใช้ประกาศบังคับใช้เด็ดขาด เพราะหากนำมาใช้จริง จะเป็นหนทางที่พ.ต.ท.ทักษิณ จะปฎิวัติหรือทำรัฐประหารตัวเอง นอกจากนี้ยังเป็นห่วงที่ นายยงยุทธ ติยะไพรัช รักษาการ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ออกมาเตรียมเจ้าหน้าที่ป่าไม้ส่วนหนึ่งเข้ามา กทม.เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย จึงขอร้องนายยงยุทธว่าอย่าให้เจ้าหน้าที่ดังกล่าวออกมาก่อความรุนแรงใดๆในการเรียกร้องและการชุมนุมของประชาชน
ส่วน นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ส.ว.กทม.กล่าวว่าการดูแลความปลอดภัยเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องนำเจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้ามาดูแลใน กทม.เพราะในการชุมนุมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำงานด้วยดีมาตลอด ดังนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายเดียวน่าจะเพียงพอแล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะเอาฝ่ายอื่นเข้ามา
นายเจิมศักดิ์กล่าวว่า ในอนาคตหากเกิดวิกฤติทางตันนายกฯลาออกจะดำเนินการอย่างไร เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่าผู้ที่จะเข้ามาเป็นนายกฯต้องมาจาก ส.ส.และมีการยุบสภาไปแล้ว ซึ่ง ส.ว.ได้ศึกษาว่าจะนำวิธีใดเข้ามาใช้ได้บ้าง ในมาตรา 7ตามรัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ชัด สามารถนำมาใช้ได้ ตามประเพณีในการนำมาใช้จะต้องขอพระราชทานคณะรัฐมนตรีชั่วคราวมาดูแลประเทศเพราะประเทศ จะเว้นว่างจากผู้นำไม่ได้และหลังจากนั้นจะจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาปฎิรูปการเมืองโดยจะคัดเลือกบุคคลที่มีความเป็นกลางจัดการเลือกตั้งเพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าจะได้บุคคลที่ดีเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินต่อไป
นายเจิมศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า เหตุการณ์ที่ต้องการให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ลาออกจากตำแหน่งนั้น เพราะเมื่อเกิดความสับสนในสังคมกับการบริหารบ้านเมืองของนายกฯ หากนายกฯยังอยู่ในตำแหน่งต่อไปบ้านเมืองก็จะเสียหายเพราะความน่าเชื่อถือในตัวท่านได้สลายไปหมดแล้วทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งระบบเศรษฐกิจก็วุ่นวายทั้งความมั่นใจในการลงทุน การติดต่อกับต่างประเทศการบริหารประเทศ การลงทุนก็ไม่เกิด ความมั่นคงในประเทศก็มีปัญหา พวกเราจึงขอร้องให้นายกฯ เห็นแก่ประเทศลาออกไปเพื่อให้บ้านเมืองมาเริ่มต้นกันใหม่
นางนิพัทรา อมรรัตนเมธา ส.ว.ปทุมธานี กล่าวเสริมว่าอยากขอให้นายกฯตัดสินใจลาออกเพื่อเห็นแก่ประเทศชาติ เพราะขณะนี้ปัญหาของส่วนรวมอยู่ที่ตัวนายกฯ เพียงคนเดียว และการที่นายกฯประกาศยุบสภาปัญหาเกิดมากขึ้นอีก
ขณะที่ นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ส.ว.อุบลราชธานี กล่าวว่า หากนายกฯไม่ลาออก เพราะปัญหาคือความวิกฤติศรัทธาต่อตัวนายกฯกับสังคมไทยในการบริหารประเทศ ไม่ได้เกิดจากความขัดแย้งจากรัฐสภา เมื่อผู้นำมีปัญหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ทั้งการขายหุ้นของบริษัทชินคอร์ป การขายดาวเทียม ไอพีสตาร์ ไอทีวี การซุกหุ้นและการเลี่ยงภาษี ทำลายความเชื่อมั่นและภาพพจน์ของนายกฯ ทั้งในและต่างประเทศ ดังนั้น นายกฯควรพิจารณาด้วยตัวเองเพราะหากไม่พิจารณาด้วยแนวทางสันติวิธีปัญหา อาจบานปลายจนอาจเกิดความรุนแรงขึ้นและตนไม่อยากให้รัฐบาลรักษาการมีส่วนทำให้เกิดความรุนแรง เช่นเจ้าหน้าที่ป่าไม้จะเข้ามาดูแลความสงบใน กทม.และการประกาศภาวะฉุกเฉินเป็นสิ่งที่รัฐบาลรักษาการไม่ควรจะกระทำอย่างยิ่ง ในฐานะ ส.ว.จึงต้องเตือนสติ
เมื่อถามว่าหากนายกฯยังยืนยันไม่ยอมลาออกจากตำแหน่ง ทางกลุ่ม ส.ว.จะดำเนินการอย่างไรต่อไปนายสัก กล่าวว่า เราขอร้องด้วยความสุภาพ และเราไม่ดำเนินการด้วยความรุนแรง เราคาดหวังว่านายกฯจะมีจิตสำนึกลาออกไปด้วยตนเอง
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าการเรียกร้องให้นายกฯลาออกจะครอบคลุมไปถึงการวางมือทางการเมืองด้วยหรือไม่ นายเจิมศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้พวกเรายังไม่ได้พิจารณาถึงขั้นนั้น โดยส่วนตัวแล้วเชื่อว่า ส.ว.ล้วนเห็นว่านายกฯควรยุติบทบาททางการเมืองซึ่งหากเว้นวรรค ก็ยังต้องระวังในการตั้งตัวแทน หรือหุ่นเชิดเพราะนายกฯชอบใช้นอมินีเป็นประจำ ทั้งนี้ หากนายกฯลาออกมีการพระราชทานรัฐบาสลที่เป็นกลางสอบสวนนายกฯกรณีปัญหาหุ้นชินคอร์ป รวมถึงสนามบินสุวรรณภูมิทั้งหมด หากตรวจสอบแล้ว นายกฯก็จะสง่างามซึ่งจะยุติธรรมต่อตัวนายกฯที่จะลงเลือกตั้งได้
นพ.นิรันดร์ กล่าวว่า ตนเห็นด้วยเพราะหากย้อนไปดูกรณีที่ 27 ส.ว.ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติของนายกฯยังคงครอบงำกิจการบริษัท หมายถึงนายกฯต้องพิสูจน์ความชอบธรรมทางการเมืองเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนเพราะการขายหุ้นชินคอรป์เป็นคำตอบ 5 ปีในการดำรงตำแหน่ง สังคมต้องการนายกฯที่มีความชอบธรรมทางการเมือง ถ้าเคลียร์ผลประโยชน์ทับซ้อนได้ ก็ไม่รังเกียจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการหารือของกลุ่มอิสระเบื้องต้นมี ส.ว.ตอบรับที่จะร่วมลงชื่อในหนังสือเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ลาออกจากนายกรัฐมนตรีแล้ว ประกอบด้วย พ.อ.สมคิด ศรีสังคม ส.ว.อุดรธานี,นายทองใบ ทองเปาด์ ส.ว.มหาสารคาม, นายสัก กอแสงเรือง,นายเสรี สุวรรณภานนท์,นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง,นายโสภณ สุภาพงษ์,นายแก้วสรร อติโพธิ ส.ว.กทม.,นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ,นายพิเชฐ พัฒนโชติ ส.ว.นครราชสีมา,นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ,นายวิชัย ครองยุติ ส.ว.อุบลราชธานี,นางมาลีรัตน์ แก้วก่า ,นายวิญญู อุฬารกุล ส.ว.สกลนคร,พญ.มาลินี สุขเวชวรกิจ ส.ว.นครสวรรค์,นางนิพัทรา อมรรัตนเมธา ส.ว.ปทุมธานี,นายวงศ์พันธ์ ณ ตะกั่วทุ่ง ส.ว.พังงา,นางเตือนใจ ดีเทศน์ ส.ว.เชียงราย,นายการุณ ใสงาม ส.ว.บุรีรัมย์,นายพิชัย ขำเพชร ส.ว.เพชรบุรี,นายสุทัศน์ จันทร์แสงศรี ส.ว.เพชรบูรณ์,นายสมบูรณ์ ทองบุราณ ส.ว.ยโสธร,นายสวัสดิ์ กฤตรัชตะนันท์ ส.ว.นครศรีธรรมราช,นายฟัครุคดีน บอตอ ส.ว.นราธิวาส,พล.ต.อ.วีระ อนันตกูล ส.ว.ชลบุรี,พล.ต.ต.เสกสรรต์ อุ่นสำราญ ส.ว.สระแก้ว,นายนิพนธ์ วิสิษฐยุทธศาสตร์ ส.ว.อ่างทอง,นายณภินทร ศรีสรรพางค์,นายปราโมทย์ ไพรชนม์ ส.ว.ราชบุรี,พ.ต.อ.ไพจิต ศรีคงคา ,นายบุญญา หลีเหลด ส.ว.สงขลา,นายมารุต โรจนาปิยาวงศ์ ส.ว.นครนายก,พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร ส.ว.สระบุรี,นายสราวุธ นิยมทรัพย์ ส.ว.นครปฐม เป็นต้น