นักวิชาการเตือน"ทักษิณ" การเมืองระอุระวังลอบฆ่า / คมชัดลึก
นักวิชาการชี้อุณหภูมิการเมืองระอุอารมณ์เหนือเหตุผล เตือน ทักษิณ ระวัง ลอบสังหาร เข้ายุคบ้านเมืองไร้ขื่อแป ประชาชนเกลียดชังขยายผลทั่วประเทศ พร้อมแสดงออก ด้านดิบมนุษย์ ตอก ทรท. สังคมไทยไม่ต้องการ ฮีโร่-เทวดา แต่อยากได้ผู้นำจริยธรรม
วันที่ 22 พ.ค.นายไพโรจน์ วงศ์วิภานนท์ อดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วิเคราะห์ทิศทางเศรษฐกิจสังคมไทย ว่า การเมืองไทยกำลังเข้าใกล้รูปแบบการเมืองแบบละตินอเมริกา ที่ถึงแม้ว่าจะได้ผู้นำมาตามระบอบประชาธิปไตย แต่ก็จะเป็นผู้นำที่บิดพลิ้วสัญญาและเป็นผู้นำที่ไม่ทำตามหลักนิติธรรม ผู้นำประเภทนี้จะใช้กระบวนการประชานิยมแบ่งคนเป็นฝักฝ่าย การดำเนินการทางการเมืองของพรรคไทยรักไทย มักอ้างคนจน
ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วพรรคไทยรักไทยก็ไม่ได้กระจายทรัพยากรจากคนชั้นกลางหรือคนที่ร่ำรวยให้คนชนบทมากนัก เพียงแต่นโยบายประชานิยมนั้น ทำให้คนชนบทรู้สึกว่าตัวเองสำคัญและได้รับการดูแลถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ และเป็นเศษเงินเพียงเล็กน้อย ๆ แต่ที่ผ่านมาเขาไม่เคยได้รับการดูแลโดยตรงจากรัฐบาลใดมาก่อน แต่ลึก ๆ แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคไทยรักไทย ไม่ได้ทำอะไร แต่เป็นคนที่มีความสามารถในการแปลงศักยภาพของรัฐที่อยู่อย่างมหาศาลของประเทศไทยในด้านต่าง ๆ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเพิ่มบทบาทรัฐเข้าไปจัดสรรผลประโยชน์ที่เป็นเรื่องทรัพย์สินทุกอย่าง เช่น หวยใต้ดิน เพื่อจัดการแบ่งเค้กเหล่านั้นให้พวกพ้องด้วย
นักเศรษฐศาสตร์ผู้นี้วิเคราะห์ศักยภาพความเป็นผู้นำระหว่างพ.ต.ท.ทักษิณ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประธิปัตย์ว่า ทั้งสองคนนั้นมีบุคลิกความเป็นผู้นำที่แตกต่างกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนักการเมืองด้วยเน้นความต่อเนื่องของระบบการเมืองไทย ไม่ฉาวโฉ่ ไม่หวือหวาเน้นเสรีนิยม เชื่อมั่นในหลักนิติธรรม
ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณเชื่อว่าตัวเองเป็นตัวแทนของคนทันสมัย เป็นตัวแทนในยุคโลกาภิวัฒน์ เขาไม่ได้เอาใจใส่เรื่องหลักกฎหมาย หรือการแบ่งแยกอำนาจ หลักสิทธิพลเมือง ทั้ง ๆ ที่เป็นหัวใจของระบอบประชาธิปไตย พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้นำที่เน้นความเข้มแข็งของรัฐ จัดการปัญหาทุกอย่างโดยกการใช้อำนาจ เป็นรูปแบบของผู้นำในประเทศเอเชียที่ต้องการความเบ็ดเสร็จในการบริหารประเทศ
"อย่างไรก็ตามขณะนี้สังคมไทยไม่ต้องการผู้นำที่มาแสดงตัวว่า เป็นฮีโร่ หรือเป็นเทวดา เนื่องจากเป็นเพียงโฆษณาชวนเชื่อ แต่เราต้องการผู้นำที่จะเข้ามาสร้างความเข้มแข้งให้กับสถาบันกลไกของรัฐ ให้สามารถทำงานได้ เนื่องจากกลไกต่าง ๆ ถูกทักษิณทำลายหมดแล้วทุกอย่าง โดยต้องเป็นผู้นำที่สะอาด และมีจริยธรรม ยึดมั่นในหลักนิติธรรม" นายไพโรจน์ กล่าว
นายไพโรจน์ วิเคราะห์สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มที่เชียร์และกลุ่มที่ขับไล่พ.ต.ท.ทักษิณว่า ขณะนี้กระแสประชาชนเกลียดชังกันเองเพราะปัญหาทางการเมืองมีขึ้นในหลาย ๆ พื้นที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดการนองเลือดแน่นอน สังคมมีความแตกแยกกันอย่างรุนแรง มีการแบ่งออกเป็นขั้วคือ ภาคเหนือ อีสาน ใต้ โดยมี พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นจุดศูนย์กลางของความแตกแยก
ปัญหาของเรื่องคือขั้วที่มีอำนาจจะไม่ยอมเสียอำนาจ เพราะถือว่าเป็นการทำลายตัวเอง จึงมุ่งทำลายฝ่ายตรงข้าม แม้กระทั่งการออกมาตอบโต้ศาล ตอบโต้ทหาร ของสมาชิกพรรคไทยรักไทย ซึ่งถือว่าเป็นสถาบันหลักของประเทศ วันนี้สิ่งที่เกิดขึ้นกลายเป็นว่าหลักนิติธรรมปกครองบ้านเมือง มีไว้เพื่อให้คนมีอำนาจใช้เท่านั้น
ดังนั้นฝ่ายที่เสียเปรียบจึงทนไม่ได้และไม่ยอมถูกกดขี่เพียงฝ่ายเดียว ตรงนี้เป็นเรื่องที่อันตรายมาก เพราะเมื่อเกิดวิกฤติต่าง ๆ มนุษย์มักมีอารมณ์อยู่เหนือเหตุผล เมื่อถึงจุดหนึ่งที่เขารู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม คนเหล่านั้นก็จะตอบโต้รัฐอย่างรุนแรง
ทั้งนี้หลังจากนี้ความเหลื่อมล้ำทางสังคมจะเพิ่มสูงขึ้น เพราะประชาธิปไตยแบบทักษิณเป็นประชาธิปไตยที่ไม่มีเหตุผลด้วยการเอาใจอีกฝ่ายหนี่งมากจนทำให้เกิดความไม่สมดุลขึ้นในสังคม เราได้เห็นบทเรียนจากอมริกาที่มีการแบ่งขั้วฝ่ายเหนือ ฝ่ายใต้ จนเกิดสงครามกลางเมืองมาแล้ว ของไทยอาจจะไม่ย้อนยุคแบบนั้น แต่ถ้าเกิดวิกฤติมาก ๆ ทหารอาจจะเข้ามาได้
ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ภาวะที่ประชาชนทนระบอบทักษิณไม่ได้ เพราะเขาสงสัยว่าทำไมพรรคเล็กถูกยุบ แต่ไทยรักไทยยังอยู่ได้ ภาวะความตึงเครียดของสถานการณ์เลยไปไกลเกินจุดที่ตั้งสติกันได้แล้ว คุณทักษิณต้องระวังการถูกฆาตกรรม นั่นคือคุณทักษิณอาจจะถูกฆ่าได้ อาจจะเป็นการลอบสังหาร อย่าคิดว่าประเทศไทยจะเกิดเรื่องแบบนี้ไม่ได้ เพราะคุณทักษิณไปทำกับคนอื่นไว้มาก และกฎหมายไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ โลกเรามีด้านดิบของมนุษย์เสมอ อดีตคณบดีเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ กล่าว