นักวิชาการหลั่งน้ำตา อึดอัดวิกฤติบ้านเมือง ทั้งชิงอำนาจ-ขัดแย้ง / คมชัดลึก
นักวิชาการหลั่งน้ำตาระบายความอึดอัดใจกับวิกฤติของบ้านเมือง ทั้งการช่วงชิงอำนาจทางการเมือง ความขัดแย้งในเชิงหลักการ ประกาศเปิดโครงการปฏิรูปการเมืองจุดกระแสปฏิรูปประเทศแบบบูรณาการ
ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา เวลา 10.30 น.ของวันที่ 22 พ.ค.นายอนุสรณ์ ธรรมใจ กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการพัฒนานโยบายสาธารณะ (สพน.) แถลงข่าวเปิดตัวโครงการปฏิรูปประเทศไทยว่า ขอประกาศจุดยืนส่วนตัวในการทำงานให้กับ สพน. แม้หน่วยงานนี้จะอยู่ภายใต้รัฐบาลแต่จะมีส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศโดยไม่ขึ้นกับรัฐบาลชุดใดชุดหนึ่ง
คณะทำงานจะทำหน้าที่นักวิจัยและนักวิชาการที่มุ่งประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ และจะทำหน้าที่เป็นกลไกของประเทศและสังคมโดยจะทำงานอย่างเป็นอิสระมุ่งเป้าหมาย 2 ด้าน คือ การทำงานอย่างเต็มที่เพื่อให้รัฐบาลมีความมั่นใจและการเป็นกลางอย่างเต็มที่ในท่ามกลางบ้านเมืองที่มีการแตกออกเป็นฝักฝ่าย
เราจะทำหน้าที่นักวิชาการที่เป็นอิสระไม่รับใช้ใครในทางเสียหายเราจะรับใช้แต่ประเทศชาติและประชาชนเท่านั้น นายอนุสรณ์ กล่าว
ขณะแถลงข่าวนายอนุสรณ์ ได้หลั่งน้ำตาในขณะที่กล่าวถึงวิกฤติของประเทศที่กำลังเผชิญอยู่ว่า วิกฤตการณ์ที่ประเทศกำลังเผชิญอยู่เป็นวิกฤติที่เกิดขึ้นจากส่วนผสมจากหลายปัจจัยทั้งความขัดแย้งจากการช่วงชิงอำนาจทางการเมือง และความขัดแย้งในเชิงหลักการ จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายคิดถึงส่วนร่วม คิดถึงประชาชนและประเทศเป็นสำคัญ
"นักการเมืองในสังคมไทยมีความเป็นอยู่อย่างสุขสบาย ทุกคนทุกฝ่ายอ้างความรักชาติ แต่อยากถามว่ามีใครรักชาติ รักประเทศนี้จริง และมีใครห่วงใยประชาชนที่ลำบากจริง ๆ ประชาชนเหล่านี้ไม่เคยได้รับผลประโยชน์จากการพัฒนาประเทศและการพัฒนาเศรษฐวันนี้เราจึงจะทำอย่างจริงจังในการพัฒนาประเทศ เราทำโครงการปฏิรูปประเทศต่อไป แม้ สพน.อาจถูกยุบก็จะเดินหน้าพัฒนาให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทุกด้าน" นายอนุสรณ์ กล่าวและว่า
โครงการปฏิรูปประเทศไทยจะเป็นทางเลือกให้กับประชาชนที่อยากเห็นบ้านเมืองพัฒนาไปในทางที่ดีโดยจะช่วยผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิต โดยจะรณรงค์เคลื่อนไหว การสัมมนา และการวิจัย โดยให้ประชาชนเป็นศูนย์กลางในการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และการศึกษา โดยเริ่มจุดกระแสด้วยการสัมมนา การอภิวัฒน์ประเทศไทยกับแนวคิดของ ดร.ปรีดี พนมยงค์ มองผ่านหลัก 6 ประการ ในวันพฤหัสบดีที่ 25 พฤษภาคม 2549 ณ ห้องประชุมสถาบันปรีดีพนมยงค์ ซอยทองหล่อ และจะออกทำกิจกรรมสัมมนาในต่างจังหวัดทั่วประเทศต่อไป