นาม โต้ ทรท.อ้างสนิท ชวน ไร้สาระ ปัดข่าว 2 อนุไขก๊อก
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 22 พฤษภาคม 2549 20:12 น.
อนุ กก.สอบพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็กเสียงแตก เห็นด้วยสอบเพิ่ม เผยมีประเด็นน่าสงสัย โดยเฉพาะพบเงินเข้าบัญชี ฐัติมา หลังสุเทพออกมาเปิดข้อมูล แต่กลับไม่มีการสืบให้ชัดโยงใยถึงใคร ด้าน นาม ยัน ข้อหาสนิท ชวน ไร้สาระ ไม่สนขบวนดิสเครดิต พร้อมการันตี 2 อนุกรรมการไม่มีลาออก
วันนี้ (22 พ.ค.) นายนาม ยิ้มแย้ม ประธานอนุกรรมการสืบสวนฯ กล่าวถึงการลาออกของอนุกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงของกรณีพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็ก 2 คน ตามที่เป็นข่าวว่า ยืนยันว่า ไม่มีการลาออก ของทั้งสองคน คือ พล.อ.เธียร ชนไมตรี และ พล.ต.ท.วิศิษฎ์ สังคหะพงษ์ วันนี้ยังมาประชุมกันอยู่ทั้งคณะ แต่เป็นคณะเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องพรรคเล็กพรรคใหญ่ ไม่รู้ว่าข่าวมาจากที่ไหน จึงขอยืนยันว่า ทั้งสองคนยังไม่ได้ลาออกจากคณะอนุกรรมการสอบสวนเรื่องพรรคเล็กพรรคน้อย อย่างไรก็ตาม จะไม่ขอพูดในรายละเอียดของผลสอบเพราะทุกอย่างเป็นความลับ
ผู้สื่อข่าวถามว่า การสอบสวนของอนุฯมีการโต้แย้งเรื่องการสอบหรือไม่ นายนาม กล่าวว่า เป็นธรรมดาของการประชุมที่จะต้องมีการโต้แย้งกันทุกประเด็น เพราะทุกคนก็มีสิทธิที่จะเห็นไม่ตรงกัน แต่สุดท้ายก่อนจะสรุปก็ต้องเห็นตรงกัน ซึ่งเรื่องนี้มีการบันทึกการประชุมทุกอย่าง และเมื่อถามว่า มีข่าวว่า ได้ทำหนังสือโต้แย้งไปยัง ประธาน กกต.เรื่องที่ กกต.สั่งให้สอบเพิ่มอีก 7 วัน นายนาม กล่าว ไม่ขอพูดเพราะผลสอบยังเป็นความลับทุกเรื่องให้ไปถาม พล.ต.อ.วาสนา เพียงคนเดียว
ส่วนที่ฝ่ายกฎหมายของพรรคไทยรักไทย ทำหนังสือขอให้เปลี่ยนประธานคณะอนุกรรมการสอบสวนฯ เนื่องจากว่าฝักใฝ่พรรคประชาธิปัตย์ และระบุว่า ตนมีความสนิทสนมกับนายชวน หลีกภัย นั้น เป็นเรื่องไร้สาระ และไม่สนใจที่มีการยื่นเรื่องอย่างนี้ ผมทำงานโดยสุจริตตรงไปตรงมา และไม่รู้จักใครสนิทกับใคร และกับนายชวน ผมเองก็เป็นรุ่นพี่ถึง 4 ปี และไม่สนิทสนมกันเจอกันตามงานปกติ และแม้แต่ซอยหมอเหล็งก็ไม่รู้จักไม่เคยไป เพราะผมเองเป็นคนพระประแดง นั่งเรือไปเรียนธรรมศาสตร์ ไม่จำเป็นต้องไปเช่าบ้านอยู่ ส่วนกับนายสุทัศน์ เงินหมื่นนั้น ก็รู้จักตามงานตามหน้าที่เท่านั้น ผมไม่สนใจว่ากำลังจะมีใครดิสเครดิตผมหรือไม่อย่างไร เพราะผมรู้จักตัวผมเองดี และคิดว่าคนในระบบยุติธรรมก็รู้จักผมดีว่าประวัติผมเป็นอย่างไร ผมเป็นคนไม่มีแผล คนที่เอ่ยมา ไม่ว่าจะเป็นคุณชวน หลีกภัย คุณสุทัศน์ เงินหมื่น และก็ไม่ได้เป็นรุ่นพี่สนิทสนมอะไร แต่เป็นรุ่นพี่คุณชวน 4 ปี ในฐานะที่เรียนนิติมาด้วยกัน ผมเป็นผู้พิพากษา คุณชวน เป็นรัฐมนตรียุติธรรม สมัยคุณสุทัศน์ ผมเป็นประธานอนุญาโตตุลาการ แต่ทั้งสองคนกับผมก็ไม่ได้สนิทอะไรกัน เพราะฉะนั้น ผมไม่สนขบวนการดิสเครดิต เพราะผมเป็นคนไม่มีแผลอย่างที่บอก นายนาม กล่าว
ทั้งนี้ รายงานข่าวแจ้งว่า อนุกรรมการทั้ง 2 คนได้ยื่นหนังสือลาออกต่อประธาน กกต.เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา โดย พล.ต.อ.วาสนา ได้พยายามขอร้องให้อยู่ทำหน้าที่ให้เสร็จก่อน อย่าพึ่งลาออกในตอนนี้ จึงอาจเป็นไปได้ว่า การที่ทั้ง 2 คนยังทำหน้าที่ต่อ เนื่องจากการร้องขอจากพล.ต.อ.วาสนา เหมือนกับที่ตอนที่นายนามได้รับแต่งตั้งเป็นประธานคณะอนุกรรมการ และก็ได้เคยแจ้งลาออกครั้งหนึ่ง เพราะเห็นว่า การสอบเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องการเมือง แต่ พล.ต.อ.วาสนา ก็ได้ไปขอร้องขอให้ช่วยดำเนินการให้เสร็จก่อน
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อไปยังเบอร์โทรศัพท์ของอนุกรรมการทั้ง 2 คน เพื่อขอคำยืนยัน และเมื่อติดต่อไปยังเบอร์โทรศัพท์บ้านของ พล.ต.ท.วิศิษฎ์ สังคหะพงศ์ ภรรยาของ พล.ต.ท.วิศิษฎ์ ซึ่งรับสายก็แจ้งว่า ท่านไม่อยู่ไปประชุม เมื่อถามว่า มีข่าวว่า พล.ต.ท.วิศิษฎ์ ลาออกจากการเป็นอนุกรรมการสืบสวนพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็ก ภรรยาของ พล.ต.ท.วิศิษฎ์ กล่าวว่า ไม่มี วันนี้ท่านก็ยังไปประชุมตามปกติ และคิดว่า ท่านจะทำการสอบเรื่องดังกล่าวให้เสร็จก่อน พร้อมกับย้อนถามว่า ทำไมสื่อถึงอยากให้ท่านลาออกกันนัก และคิดว่า หากจะลาออกก็คงจะลาออกพร้อม กกต.ชุดใหญ่
ขณะที่เมื่อโทรศัพท์สอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการลาออกไปยัง พล.ต.อ.วาสนา ซึ่งในตอนแรก พล.ต.อ.วาสนา ปฏิเสธ ว่าไม่ทราบ แต่เมื่อถามว่า กระแสข่าวระบุว่า ทั้ง 2 คนได้ยื่นหนังสือลาออกต่อประธาน กกต.เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.วาสนา ก็นิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะกล่าวว่า ไม่ทราบ ขอโทษเถอะครับ เอาไว้วันอังคารค่อยคุยกัน ตอนนี้ผมไม่ค่อยสะดวกเพราะอยู่ต่างจังหวัด
ทั้งนี้ มีรายงานว่า อนุกรรมการในคณะของนายนามบางคนมีความเห็น ผลสอบของคณะอนุกรรมการยังไม่สมบูรณ์อย่างที่ประธาน กกต.ต้องการให้สอบสวนเพิ่มเติม เพราะมีพยานที่ควรจะสอบแต่ยังไม่ได้สอบอีกถึง 10 ปาก โดยเป็นพยานทั้งฝ่ายไทยรักไทย และประชาธิปัตย์ และขณะนี้ยังไม่มีการสอบสวนเพิ่มเติมนับแต่ พล.ต.อ.วาสนา สั่งให้สอบเพิ่มเป็นรอบที่ 3 อย่างไรก็ตาม อนุกรรมการที่มีความเห็นต่างนั้น มองว่า หากนายนามจะไม่ยอมดำเนินการสอบรอบที่ 3 ก็คงนำไปสู่การเปลี่ยนตัวประธานอนุกรรมการสอบฯอย่างแน่นอน เพราะเรื่องที่ให้สอบนั้นยังไม่สิ้นสุดก็ต้องมีคนมาสอบต่อ โดยยังมีประเด็นที่น่าสงสัย เช่น การสอบสวนพบว่าหลังนายสุเทพออกมาเปิดเผยข้อมูลการจ้างพรรคเล็กลงสมัคร พบว่า มีเงินจำนวนหนึ่งถูกโอนเข้าบัญชีธนาคารย่านบิ๊กซีสะพานควาย ของนางฐัติมา ภาวะลี แต่ก็ไม่มีการสอบเพิ่ม เพื่อให้รู้ว่าเชื่อมโยงถึงใครและใครจ่ายเงินให้ใคร